“อ๊า!”
นางอดกลั้นไว้ไม่ไหว กรีดร้องออกมาเสียงดัง
นางมิเคยรู้มาก่อนว่าการถูกไฟคลอกเป็นเช่นไร แต่ในยามนี้กลับรู้สึกราวกับกระดูกกำลังถูกเผาจนสุก กระทั่งหลอมละลาย
ความเจ็บปวดเพียงจุดเดียว ยังพอทนไหว หากแต่ความปวดร้าวแล่นริ้วไปทั่วทั้งร่าง นางได้แต่ระบายมันออกมาผ่านเสียงกรีดร้อง
ทว่า ชวีโม่หรานกลับห้ามนางไว้ บอกว่าหากนางขยับเขยื้อน เด็กในครรภ์อาจเป็นอันตรายได้
นางจึงได้แต่กัดผ้าขนหนูแน่น ใช้มือทั้งสองข้างยันขอบอ่างอาบน้ำเอาไว้
ชวีโม่หรานถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะใช้มีดกรีดหลังของหลิวอวิ๋นเซียงเป็นรูปกางเขน และใช้เข็มเงินแทงลงบนจุดชีพจรอย่างรวดเร็ว บังคับให้พิษไหลออกมาพร้อมกับเลือด ไม่นานน้ำในอ่างก็กลายเป็นสีแดงฉาน
เมื่อถูกชวีโม่หรานและจิ่นเยียนช่วยกันยกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ สติของหลิวอวิ๋นเซียงก็เลือนรางเต็มที แต่ในที่สุดนางก็ผ่านพ้นมันมาได้
ชวีโม่หรานป้อนยาบำรุงเลือดให้หลิวอวิ๋นเซียง ก่อนจะจับชีพจรตรวจดู พบว่าพิษในร่างกายถูกระงับไว้ชั่วคราวแล้ว
“เดือนละครั้ง ต่อไปจะยิ่งทรมานมากขึ้น”
หลิวอวิ๋นเซียงฝืนยิ้มอย่างอ่อนแรง “ขอบใจ…”
ชวีโม่หรานลูบท้องน้อยแบนราบของหลิวอวิ๋นเซียงอย่างแผ่วเบา
“ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดท่านจึงยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้าเช่นนี้”
“รอจนเจ้าเป็นแม่คนเมื่อใด เจ้าก็จะเข้าใจเอง”
เพราะร่างกายอ่อนล้าเกินกว่าจะเดินทางต่อ หลิวอวิ๋นเซียงจึงจำต้องพักค้างคืนที่เรือนของชวีโม่หราน เนื่องจากไม่มีเตียงอื่น ทั้งสองจึงต้องนอนเคียงข้างกันบนเตียงเดียว ตลอดค่ำคืนนั้น พวกเขาได้พูดคุยกันมากมาย
“ปีที่ข้าเกิด บ้านเมืองระส่ำระสาย แม่ต้องติดตามพ่อไปออกรบ และให้กำเนิดข้าระหว่างทาง แต่หลังจากคลอดได้ไม่นาน ข้าศึกก็ยกทัพมาโจมตี แม่จึงให้แม่นมพาข้าหนี ท่ามกลางความโกลาหล แม่นมพลัดหลงกับกองทัพ และถูกกลุ่มทหารชาวหูจับตัวไป พวกเขาพาพวกเราไปซีตี๋ แม่นมจำใจต้องพาข้าไปอยู่กับหัวหน้าเผ่าคนหนึ่ง เขาไม่เคยเห็นพวกเราเป็นคน ด่าทอ ทุบตี ใช้งานเยี่ยงทาส ตั้งแต่ข้าจำความได้ แม่นมก็กอดข้าร้องไห้ทุกคืน กระทั่งข้าอายุได้สิบขวบ วันหนึ่งเขาดื่มเหล้าจนเมามาย แล้วโยนข้าลงมาจากหน้าผา แม่นมตามหาข้าจนเจอ ตอนนั้นข้าแทบจะสิ้นใจแล้ว โชคดีที่ได้พบกับหมอเทวดาผู้ท่องเที่ยวไปทั่ว ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ และพาพวกเรากลับบ้านเกิด แต่แม่นมก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจตายอยู่บนทุ่งหญ้า เมื่อกลับมาถึงบ้าน พ่อกับแม่กลับไม่ยอมรับข้า พวกเขาหาว่าข้าเป็นนักต้มตุ๋น แล้วไล่ข้าออกจากบ้าน ต่อมาข้าจึงรู้ว่าพวกเขามีลูกสาวคนใหม่แล้ว และลืมไปแล้วว่ายังมีลูกสาวอีกคนที่ไม่รู้เป็นตาย”
เมื่อหลิวอวิ๋นเซียงฟังจบ นางก็เงียบไปครู่ใหญ่ “เจ้าไม่ได้ตามหาพวกเขาอีกเลยหรือ?”
“ไม่เลย ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการข้า แล้วข้าจะไปยอมรับพวกเขาทำไม ภายหลังข้าก็เลยตามท่านอาจารย์กลับไปที่หุบเขาโอสถของเขา”
แม้ชวีโม่หรานจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย แต่หลิวอวิ๋นเซียงกลับรู้สึกหนักอึ้งในใจ
“เพราะแบบนี้ ข้าจึงยากที่จะเข้าใจ ท่านยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อลูกที่ยังไม่เกิด แต่แม่ของข้ากลับลืมข้าทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ลงคอ”
“บางทีเจ้าอาจจะลองไปถามพวกเขาด้วยตัวเองดู”
“ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจคำตอบแล้ว”
หลิวอวิ๋นเซียงหันกลับไปกอดชวีโม่หราน “งั้นเอาอย่างนี้ ต่อไปเจ้าเป็นน้องสาวข้า ข้าจะดูแลเจ้าเอง”
ชวีโม่หรานยิ้ม “เจ้าอายุเท่าไหร่?”
“ยี่สิบสอง”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน