เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะ “ฮูหยินอย่าได้ล้อกันเล่นเลยเจ้าค่ะ ปิ่นปักผมทองชิ้นนี้แม้ว่าจะทำมาจากทองคำ แต่ช่างฝีมือก็ต้องใช้เวลาในการทำมันขึ้นมา และหินโมราสีแดงทุกเม็ดบนปิ่นปักผมอันนี้ก็ล้วนแต่มีมูลค่าทั้งนั้น อีกอย่างปิ่นปักผมก็ยังเป็นเครื่องประดับ เมื่อเอาไปปักบนมวยผมก็ทำให้ดูสวยงาม ในขณะที่ทองสิบตำลึงก็เป็นเพียงแค่เงินเท่านั้น ไม่สามารถมาเอาเปรียบเทียบกันได้เลย”
“เถ้าแก่พูดได้ถูกต้องแล้ว ก็แค่ทองสิบตำลึงเท่านั้นเอง” หลิวอวิ๋นเซียงกล่าว
ลี่เหนียงสะอึกไปเล็กน้อย ก็แค่ทองสิบตำลึงอย่างงั้นหรือ แค่เงินสิบตำลึงนางยังรู้สึกว่าแพงเกินไปเลย นับประสาอะไรกับทองคำนี้ แต่นางก็ไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าหลิวอวิ๋นเซียงจึงกัดฟันแน่นแล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากอกเสื้อ
ทองคำหนึ่งตำลึงมีค่าเท่ากับเงินหนึ่งร้อยตำลึง นางจึงหยิบตั๋วเงินออกมาหนึ่งใบ
เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะรับมา แต่ลี่เหนียงกลับชักมือกลับไปเสียก่อน
“ขอข้าดูปิ่นเงินก่อน”
รอยยิ้มของเถ้าแก่เนี้ยหายไปเล็กน้อย “แล้วปิ่นทองอันนี้ ท่านไม่ต้องการแล้วหรือเจ้าคะ?”
ลี่เหนียงส่ายหน้า “มันแพงเกินไปนะ”
เถ้าแก่เนี้ยไม่ได้พูดอะไร และหันไปทางหลิวอวิ๋นเซียง “ถ้าเช่นนั้นฮูหยิน ท่านต้องการปิ่นชิ้นนี้ไหมเจ้าคะ?”
หลิวอวิ๋นเซียงส่ายหน้า “ตอนนี้พอข้าลองดูอีกทีแล้วก็รู้สึกว่าปิ่นทองอันนี้ดูธรรมดาไปหน่อย”
ใบหน้าของลี่เหนียงเปลี่ยนไปหน้าเสียทันที นางชอบปิ่นอันนั้นมาก แต่กลับไม่อยู่ในสายตาของหลิวอวิ๋นเซียงเลยสักนิด
“ข้าเอาปิ่นระย้าชีเป่าอันนี้ก็ละกัน” หลิวอวิ๋นเซียงหยิบปิ่นทองอีกชิ้นขึ้นมา
เถ้าแก่เนี้ยยิ้มอย่างยินดี “ฮูหยิน ท่านตาถึงจริง ๆ เจ้าค่ะ เพียงแต่ปิ่นระย้าอันนี้ราคาค่อนข้างสูงนะเจ้าค่ะ ราคาขายอยู่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเลย”
หลิวอวิ๋นเซียงพยักหน้า “ปิ่นทองอันนี้และของประดับผมทองฝังหยกชุดนี้ ข้าเอาทั้งหมดเลย”
“ไอหยา ฮูหยิน ยังไงเสียท่านก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของร้านเรา เอาอย่างนี้นะเจ้าค่ะ ข้าจะแถมกล่องเครื่องประดับที่แกะสลักลวดลายอย่างประณีตให้ท่านหนึ่งใบ ท่านไปนั่งดื่มชารอพลาง ๆ ก่อน เดี๋ยวข้าไปจัดการห่อของให้เจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นหลิวอวิ๋นเซียงใจกว้างขนาดนี้ สีหน้าของลี่เหนียงก็ดูแย่ลงไปอีกเล็กน้อย
“ฮูหยินท่านนี้ ข้าเห็นว่าท่านก็ดูจะชอบปิ่นปักผมทองอันนี้ เหตุใดต้องเสียดายกับเงินแค่นิดหน่อยนั้นด้วยล่ะ” หลิวอวิ๋นเซียงกล่าวพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นมา
ลี่เหนียงฝืนยิ้มเล็กน้อย “ข้ายอมรับว่าข้าเสียดายเงิน แต่อย่างไรเสียลูกข้าก็ยังเล็กอยู่และเสื้อผ้าของสามีของข้าเก่ามากแล้ว หากมีเงินมาซื้อปิ่นปักผม ไม่สู้เก็บออมเงินไว้ให้ลูกหรือเอาไปตัดเสื้อผ้าให้สามีสักสองชุดไม่ดีกว่างั้นหรือ ฮูหยินเป็นหญิงหม้าย คงจะไม่เข้าใจข้อนี้”
“เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง ทั้งที่เป็นคนที่แย่ง...”
“จิ่นเยียน!” หลิวอวิ๋นเซียงส่ายหน้าให้จิ่นเยียนเป็นการห้ามปรามไม่ให้นางพูดต่อ
นางหันไปมองลี่เหนียงแล้วพูดขำๆว่า “สามีของท่านทำงานหนักก็เพื่อหาเงินเลี้ยงดูเจ้ากับลูกของเจ้า จะประหยัดก็ถือว่าถูกต้องแล้ว”
เดิมทีลี่เหนียงยังรู้สึกภาคภูมิใจกับการกระทำที่เสียสละของตนเองอยู่เลย แต่พอได้ประโยคนี้ก็เหมือนกับถูกตบหน้าเต็มๆหนึ่งฉาด
เงินในกระเป๋าของนางไม่ได้มาจากการทำงานของเซี่ยจื่ออันแต่อย่างใด แต่เป็น...เป็นสินเดิมของหญิงสาวตรงหน้านี้
หลิวอวิ๋นเซียงพยักหน้าให้ลี่เหนียงหนึ่งที แล้วก็ลุกตัวขึ้นไปล้างมือที่เรือนหลังพร้อมกับจิ่นเยียน

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน