ขณะที่กำลังเดินผ่านร้านขายข้าวสาร ก็มีคนสองคนส่ายหัวเดินออกมาจากข้างใน
“สองสามวันมานี้ข้าวสารและแป้งมักจะขาดตลาด ถ้ามาช้าหน่อยก็หมดแล้ว”
“ได้ยินมาว่าถนนหลวงที่จะเข้าเมืองหลวงถูกน้ำป่าทำให้เสียหาย เลยขนข้าวสารเข้ามาไม่ได้ แต่ว่าก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก เพราะเมืองเซิ่งจิงของพวกเรามีคลังข้าวที่ใหญ่ที่สุดของแคว้น คงไม่ปล่อยให้อดอยากหรอก“
“เฮ้อ พรุ่งนี้ก็มาแต่เช้ากันหน่อยเถอะ”
“นั้นนะสิ ที่บ้านของข้าข้าวสารและพวกแป้งก็มีไม่มากแล้ว”
หลิวอวิ๋นเซียงเดินสวนกับทั้งสองคนพอได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าหายนะที่ต้องอดอยากจะมาถึงแล้ว ที่นางพอทำได้ก็พยายามทำเต็มที่แล้ว
ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงของกีบม้าที่วิ่งกระทบพื้นเข้ามาอย่างเร่งรีบดังมาจากไกลๆ หลิวอวิ๋นเซียงจึงยกร่มขึ้น และมองผ่านม่านของละอองฝนออกไปยังไกลๆ
ทันใดนั้นก็เห็นกลุ่มองครักษ์ของกรมอาญาที่สวมชุดเฟยอวี๋ขององครักษ์ผ้าแพรควบม้าตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผู้ที่นำหน้ามาสวมชุดสีดำสนิทคลุมด้วยเสื้อคลุมกันฝน ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมาก แต่หน้าตากลับงดงามโดดเด่นอย่างยิ่ง
เป็นเหยียนมู่นั้นเอง
เขาควบม้าผ่านไปอย่างรวดเร็วและเหลือบมองนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อกลับมาถึงจวนโหว ถึงเวลารับประทานอาหารเย็นจิ่นเยียนจึงไปที่ห้องครัวแต่กลับพบว่าอาหารที่ทำมาให้นั้นยังคงเป็นอาหารจืดชืดที่เหมือนน้ำเปล่าเหมือนเดิม
“ฮูหยิน พวกเราจะยอมให้เขากระทำแบบนี้ตลอดไปไม่ได้กระมัง?”
หลิวอวิ๋นเซียงเอ่ยถาม “เรือนอื่นเขากินอะไรกันหรือ?”
“ฮูหยินเฒ่ามีทั้งซุปไก่ตุ๋นโสมและซี่โครงหมูตุ๋นแดง ส่วนฮูหยินใหญ่ทานเจ แต่ก็มีซุปรังนก ส่วนเรือนฮูหยินรองก็มีทั้งอาหารคาวและอาหารเจมากมายเช่นกัน ล้วนแต่ดูอลังการและเต็มที่กันทั้งสิ้น”
จิ่นเยียนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จึงอดไม่ได้ที่จะพูด “ฮูหยินเฒ่าสั่งกำชับกับห้องครัวเอาไว้ว่า ถ้าหากอยากได้กับข้าวเพิ่มก็ให้แต่ละคนจ่ายเอง นางรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าท่านนำเงินสินเดิมออกมาใช้จ่ายกับค่าใช้จ่ายส่วนร่วมหมดแล้ว จะมีเงินที่ไหนไปจ่ายอีก เห็นชัดๆว่าจงใจกลั่นแกล้งท่าน”
“พวกเราทานอาหารแบบนี้มานานเท่าไรแล้วหรือ?”
“ผ่านมาสิบกว่าวันแล้ว ไม่สามารถกินแบบนี้ต่อไปได้แล้ว มิเช่นนั้นร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้”
“ที่จวนได้จ่ายเบี้ยเดือนพวกเจ้าหรือยัง?”
จิ่นเยียนส่ายหน้า “นี่ก็เดือนหกแล้ว ของเดือนห้ายังไม่ให้มาเลยเจ้าค่ะ”
หลิวอวิ๋นเซียงหรี่ตาลงและคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน “ในบัญชีไม่มีเงินเหลือแล้ว ย่อมจ่ายไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดา”
หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็มีคนมาจากเรือนทางทิศตะวันออกมาแจ้งให้หลิวอวิ๋นเซียงไปพบ
ตอนที่นางไปถึงก็พบว่าฮูหยินเฒ่า ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองต่างอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พอนางนั่งลง ฮูหยินรองก็ปาสมุดบัญชีใส่หน้านางทันที
“บัญชีนี้เงินหายไปจำนวนหนึ่ง จะต้องเป็นเจ้าที่เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเป็นแน่”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน