เหยียนมู่พูดพลางก้าวถอยหลังไปพิงกับมุมโต๊ะ และหยิบแส้หนามขึ้นมาเล่น
องครักษ์เสื้อแพรก้าวเข้าไป จากนั้นหยิบขวดลายครามเล็กๆ ออกมาเทใส่เท้าของชายคนนั้น
ตอนแรกเขายังไม่เป็นอะไรมาก ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป รูม่านตาหดตัวเล็กลงและแสดงท่าทางหวาดกลัว หลังจากนั้นไม่นั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องเล็กแหลมออกมาอย่างทรมาน
หลิวอวิ๋นเซียงที่เห็นภาพตรงหน้าจึงถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว ชายคนนั้นกัดฟันพร้อมกับหรี่ตาลง ก่อนที่เลือดจะเริ่มไหลรินออกมาจากตาและปาก องครักษ์เสื้อแพรหยิบโถกระเบื้องออกมา เท้าของชายคนนั้นก็เหลือเพียงกระดูกที่เปื้อนไปด้วยเลือดแล้ว
“กรี๊ด!” ภาพตรงหน้าน่าหวาดผวาจนหลิวอวิ๋นเซียงกรีดร้องด้วยความตกใจ
ตอนนั้นเองที่เหยียนมู่เห็นหลิวอวิ๋นเซียงซ่อนตัวอยู่ในความมืด เขาจึงเดินออกไปด้วยสีหน้ามืดมน
ยังไม่ทันไปถึงตัว หลิวอวิ๋นเซียงก็กระโจมเข้าไปในอ้อมแขนของเขาด้วยตัวสั่นเทา
เหยียนมู่กอดนางเอ่ไว้พร้อมกับมองขันทีหนุ่มด้วยสายตาดุร้าย
“ใครใช้ให้พานางมาที่นี่”
“ทะ...ท่านหัวหน้าขอรับ”
เหยียนมู่พลันยกเท้าขึ้นถีบขันทีหนุ่มจนกระเด็นลงไปกองกับพื้นทันที
หลิวอวิ๋นเซียงตกใจจนเป็นลมหมดสติไป นางฝันร้ายอยู่นานก่อนจะตื่นขึ้นและพบว่าตนเองกลับมาที่สวนกล้วยไม้แล้ว
นางรีบลุกขึ้นนั่ง เห็นว่าเหยียนมู่กำลังกินอาหารอยู่บนเตียงหลั่วฮั่น
เขาเหลือบมองนาง “เจ้าอยากกินอะไรหรือไม่”
“หึ!” หลิวอวิ๋นเซียงรู้สึกขยะแขยงมากจนแทบอาเจียน
“เสแสร้ง” เหยียนมู่พร่ำบ่นเบาๆ
หลิวอวิ๋นเซียงได้แต่ถลึงตามองเขา “มิน่าเล่าทุกคนถึงเรียกท่านว่าลูกน้องของตงชาง!”
เหยียนมู่ยัดซาลาเปาเข้าไปเต็มปาก “ด่าว่าอะไรอีกล่ะ”
หลิวอวิ๋นเซียงเม้มริมฝีปาก คนแบบนี้ต่อไปด่าไปก็ไม่รู้สึกอาย นางจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และลุกจากเตียงเดินไปเขา
“ไทเฮาทรงรับสั่งให้ข้าไปร่วมขอพรที่อารามจื่ออวิ๋น ท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่”
หลังจากหลิวอวิ๋นเซียงเอ่ยถาม นางเห็นเหยียนมู่กระดกชามน้ำแกงอึกใหญ่ ก่อนจะกินซาลาเปาอีกคำราวกับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ทุกครั้งที่ไทเฮาสวดขอพรมักจะพาหญิงหม้ายไปด้วย พอกลับถึงวังจะรับสั่งให้หญิงหม้ายเหล่านั้นบวชเป็นแม่ชี ถวายสักการะพระพุทธเจ้าแทนนาง หมายความว่าข้าจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว”
“ข้ากำลังตั้งครรภ์ ไม่ช้าก็เร็วความลับนี้จะถูกเปิดเผยในอารามแม่ชี ถึงเพลานั้นข้าเกรงว่าจะต้องโทษข้อหาหลอกลวงไทเฮา…”
เมื่อเห็นว่าเหยียนมู่ยังคงนิ่งเงียบ หลิวอวิ๋นเซียงก็กัดฟันพูดต่อไป “ข้าไม่กล้าปิดบังไทเฮา ก็เลยคิดว่าเพลานี้สู้ยอมรับไปเลยว่ากำลังตั้งครรภ์ ถึงเพลานั้นหากพวกเขาบีบบังคับถามว่าชู้คนนั้นคือใคร ข้าควรตอบไปอย่างไร”
เหยียนมู่เหลือบมองหลิวอวิ๋นเซียง “ขู่ข้าหรือ”
“โอ๊ะ ได้ยินแล้วหรือ”
“ข้าไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว ให้กินอิ่มก่อนไม่ได้หรือ”
หลิวอวิ๋นเซียงทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเขา
และถามด้วยความสงสัย “เหตุใดไม่ได้กินข้าวมาสองวัน”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน