บางคนเริ่มสาปแช่งด้วยความโกรธ โดยที่บางคนพยายามปลอบใจ
“เหยียนมู่น่ะจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต พวกเราอย่าเพิ่งใจร้อนกันเลยดีกว่า”
ขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวัง หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งก็เดินไปหาเหยียนมู่
หลิวอวิ๋นเซียงรู้จักหญิงสาวคนนี้ นางคือแม่นากหกจากจวนหยางกั๋วกง แฝดหญิงแห่งเมืองหลวงอีกคน นางกับเหยียนมู่กำลังพูดคุยกันเรื่องแต่งงาน
คนข้างๆ บอกว่าเหยียนมู่ชอบสตรีรูปโฉมงดงาม และดูแลแม่นางหกเป็นพิเศษกว่าใครๆ ทว่าไม่นานแม่นางหกกลับเดินคอตกกลับมามือเปล่า
หลิวอวิ๋นเซียงพอคาดเดาได้อยู่แล้ว แม่นางหกคนนี้รูปโฉมงดงาม แต่ไม่เหมือนสนมเสี่ยวจินเฟย ดังนั้นจึงไม่ใช่คนแบบที่เหยียนมู่ชอบ
เพลานั้นเจียงหย่วนเดินเข้ามาพร้อมกับถามด้วยเสียงห้วน “ใครเป็นผู้นำในการหลบหนี”
ทุกคนจึงมองหลิวอวิ๋นเซียงเป็นตาเดียวกัน
หลิวอวิ๋นเซียงพูดไม่ออก นางเพิ่งช่วยพวกนางไปไม่นาน แทนที่จะกล่าวขอบคุณ แต่กลับเฉลยบอกอีกฝ่ายแทบในทันที
เจียงหย่วนมองไปที่หลิวอวิ๋นเซียงและตอบว่า “ขอเชิญฮูหยินไปกับเราด้วย ใต้เท้ามีบางอย่างอยากถามท่าน”
หลิวอวิ๋นเซียงลุกขึ้นเดินออกไป โดยมีจิ่นเยียนเดินตามหลัง
เหยียนมู่ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน หลิวอวิ๋นเซียงเดินตามเจียงหย่วน เข้าไปในป่าและเห็นกองไฟอยู่ไกลๆ จิ่นเยียนถูกเจียงหย่วนรั้งเอาไว้ หลิวอวิ๋นเซียงจึงต้องเดินเข้าไปตามลำพัง
เมื่อเผชิญหน้ากับแสงกองไฟ ก็ถูกใครบางคนโอบไว้ในอ้อมแขนเสียก่อน
“ช่างกล้าจริง!”
เขากดศีรษะของนางและก้มลงไปใกล้กับริมฝีปาก
หลิวอวิ๋นเซียงผลักเขาออกไปและเดินไปที่กองไฟ เห็นว่ามีไก่ย่างอยู่บนนั้นพร้อมกับกลิ่นหอมที่โชยมา
ท้องของนางเริ่มคำรามเสียงดัง นางจึงทรุดตัวลงนั่งข้างกองไฟอย่างเชื่อฟังเพื่อรอไก่ย่าง
เหยียนมู่ฉีกยิ้มและนั่งลงพิงต้นต้นไม้ด้านหลัง พร้อมกับจิบสุราอย่างเพลิดเพลิน
“คนพวกนั้นเป็นใคร”
“สายลับเป่ยจิน”
หลิวอวิ๋นเซียงขมวดคิ้วพลางก้มหน้าครุ่นคิด หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “ท่านคงไม่ได้พาคนแอบสะกดรอยตามมาถึงที่นี่หรอกนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงไวขนาดนี้”
เหยียนมู่ฉีกยิ้ม “ไม่ได้โง่เขลาสินะ”
เมื่อคิดไปตามแนวทางนั้น หลิวอวิ๋นเซียงก็อดเบิกตากว้างไม่ได้ “นี่ท่าน...คงไม่ได้จงใจใช้พวกเราเป็นเหยื่อล่อ เพื่อจับสายลับเป่ยจินเหล่านั้นใช่หรือไม่”
เหยียนมู่จิบสุราและตอบไปว่า “พวกมันใช้กลอุบายนี้ข่มขู่รองแม่ทัพที่ค่ายในชานเมือง แทรกซึมอำนาจเข้าไปในเมืองหลวง ช่วงเวลาวิกฤติและโอกาสดีเช่นนั้น ข้าแค่คิดว่าพวกมันคงใช้อุบายเก่าๆ”
“แต่ในนั้นมีสตรีบรรดาศักดิ์ ฮูหยินตระกูลขุนนางกับหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนนะ กล้าดีอย่างไร!”
หากไม่ใช่เพราะความฉลาดของนาง เพลานี้คงกลายเป็นศพไหม้เกรียมกันไปหมดแล้ว
แต่โกรธเขาจะไปมีประโยชน์อะไร เขาไม่สนใจเรื่องความเป็นความตายของนางอยู่แล้วนี่นา
หลิวอวิ๋นเซียงกอดอกแน่น ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขาอีกต่อไป แต่สายลมจากภูเขาพัดผ่านมาทำให้นางต้องตัวสั่นสะท้าน
“ส่งเสื้อคลุมของท่านมาให้ข้า!”
เขาสวมทั้งชุดเกราะและเสื้อคลุม ไร้ยางอายที่สุด
“หนาว?”
“พูดมาก!”
เหยียนมู่ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนและพูดว่า “ดื่มสุราให้ร่างกายอบอุ่นสิ”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน