นางหมายปองตำแหน่งนั้น ทั้งยังมีใจรักมั่นในตัวเซี่ยจื่ออันอย่างแท้จริง ปรารถนาจะเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของเขา
ลี่เหนียงจึงรวบรวมสติ ปลอบใจตนเองว่าไม่น่ากล่าววาจาต่อว่าออกไปเช่นนั้นเลย ทำให้เซี่ยจื่ออันต้องขุ่นเคืองใจ
กระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น จิ่นเยียนมาแจ้งกับหลิวอวิ๋นเซียงว่า หลิ่วอีได้ย้ายไปอยู่ที่เรือนข้างแล้ว
“หากเป็นบ่าว ไม่มีทางย้ายไปเด็ดขาด ทำงานหนักแล้วอย่างไร อย่างน้อยก็สบายใจ”
หลิวอวิ๋นเซียงยิ้ม “ดังนั้นเจ้าจึงมิใช่หลิ่วอี”
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
“ก็ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแบบนางยังไงเล่า!”
จิ่นเยียนกล่าวด้วยความโมโห “คุณหนูว่าข้าสมองทึบหรือเจ้าคะ!”
หลิวอวิ๋นเซียงรีบดึงจิ่นเยียนมาปลอบ “จิ่นเยียนคนดี ฮูหยินชอบที่เจ้าเป็นคนสมองทึบเช่นนี้!”
“คุณหนู!”
หลิวอวิ๋นเซียงประคองหน้าจิ่นเยียน “เหตุใดจึงเรียกว่าคุณหนูเล่า?”
จิ่นเยียนทำปากคว่ำ “อย่างไรเสีย เมื่อเราก็ได้หนังสือหย่าแล้ว ต่อไปในใจข้า ท่านก็คือคุณหนู มิใช่ฮูหยินสามแห่งจวนโหวแล้ว”
หลิวอวิ๋นเซียงแตะจมูกจิ่นเยียนเบา ๆ “ได้ ตามใจเจ้า”
“ท่านก็ต้องเปลี่ยนคำเรียกขาน เปลี่ยนสถานะในใจของท่านเสียใหม่”
“ข้าจะฟังเจ้า”
เจ้าหนูห้ายังคงอยู่ที่เรือนข้างตะวันตกเฉียงใต้ จิ่นเยียนตั้งใจจะไปรับนาง
“จริงสิ เจ้าเอาข้าวปลาอาหารไปให้เยี่ยนอี๋เหนียง แล้วก็อย่าลืมสุนัขตัวใหญ่ของนางด้วย” หลิวอวิ๋นเซียงกำชับ
“เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
รอจนกระทั่งจิ่นเยียนพาเจ้าหนูห้ามาถึง จื่อจินก็กลับมาจากข้างนอกพอดี สมาชิกทั้งสี่คนในครอบครัวจึงได้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกัน
หลังจากทานข้าวเสร็จ จื่อจินก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการ
“คุณหนู ร้านขายข้าวของเราถูกปิดแล้วเจ้าค่ะ!”
หลิวอวิ๋นเซียงชะงักไปครู่หนึ่ง “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
วันนี้ร้านขายข้าวขายข้าวสารได้ห้าพันตัน ก็มีคนกลุ่มใหญ่หลายกลุ่มมาหาจางฉีเพื่อขอซื้อข้าวสาร ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น จนต้องให้กองกำลังจากค่ายใหญ่ชานเมืองมาระงับเหตุ
เนื่องจากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทางการจึงสั่งปิดร้านเอาไว้
“นี่มันไม่สมเหตุสมผล พวกเขามาก่อเรื่อง แล้วทำไมต้องปิดร้านของเราด้วย แล้วพรุ่งนี้ชาวบ้านจะซื้อข้าวที่ไหนกัน?”
จื่อจินกล่าวว่า “พี่จางฉีบอกว่า คนพวกนี้ล้วนเป็นคนจากตระกูลขุนนางใหญ่ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พวกเขาตั้งโรงทานแจกข้าวต้ม พวกเขากลับไปแย่งชิงเสบียงอาหาร ศาลาว่าการก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องสั่งปิดร้านขายข้าวสารไปก่อน”
หลิวอวิ๋นเซียงครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ร้านขายข้าวสารเบื้องหลังไม่มีผู้ใดหนุนหลัง เปรียบเสมือนก้อนเนื้อชิ้นโตที่ยั่วยวนใจ สามารถยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้โดยไม่ถูกผู้มีอำนาจแบ่งกินไป นับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว แต่สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อย ๆ การเผชิญหน้ากับตระกูลใหญ่โตเหล่านี้ ย่อมไม่ใช่หนทางที่ดีแน่
คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายนางก็ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขา
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน