ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 158

“เราไปทางประตูหลังกันเถอะ มีคนที่ฉันไม่อยากเจออยู่ประตูหน้า” เฉินเหยาพูดพร้อมกับดึงแขนของเจียงเฉิง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงเฉิงก็มองตรงไปที่ประตูโรงเรียน และตามที่คาดไว้ เขาเห็นชายผมยาวสวมเสื้อลายดอกไม้หน้าตาดูร้าย มีสร้อยทองห้อยรอบคอของเขา เขายืนพิงรถBM ข้างๆมีลูกน้องถือร่มให้เขาด้วย

เจียงเฉิงยังไม่ทันได้พูด เฉินเหยาก็ดึงเขาไปทางประตูหลัง

หน้ามหาวิทยาลัยหลูหยาง

“พี่เหวิน สาวคนนั้นจะออกมาไหม?” ลูกน้องที่กางร่มให้ชายเสื้อลายดอกถาม

“ไม่ต้องห่วง ออกมาแน่นอน มีคนเห็นเธอมาโรงเรียนแต่เช้า” หลินเซิ่งเหวินถือดอกไม้และมองเข้าไปในโรงเรียน

“เรารอมาครึ่งเช้าแล้วนะ เข้าไปหาเธอที่โรงเรียนเถอะ” ลูกน้องปาดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้วพูด

“ก็ดี ฉันได้ยินมาว่าชุดเต้นของพวกเธอเซ็กซี่มาก คงจะดีถ้าสามารถจัดการสาวคนนั้นในห้องซ้อมเต้นได้ สนุกดีเนอะ” หลินเซิ่งเหวินพูดขณะบีบคางอย่างเจ้าเล่ห์

“ใช่ครับพี่เหวิน ผมมีความคิดบางอย่าง…”

"เอาไป!"

พี่เหวินหยิบธนบัตรสีแดงสองใบออกมาแล้วโยนให้ลูกน้องและพูดว่า " ไป ไปหาเธอข้างในกัน”

“ขอบคุณพี่เหวินมากครับ ขอบคุณพี่เหวินครับ” ลูกน้อยพูดพร้อมกับถือร่มและตามหลินเซิ่งเหวินเข้าไปในโรงเรียน

เฉินเหยาพาเจียงเฉิงไปที่ตรอกซอยเล็ก ๆ ร้านค้าในนี้ไม่ใหญ่มากและการตกแต่งก็เรียบง่าย เฉินเหยาพาเจียงเฉิงไปที่ร้านบะหมี่ซ่โครงหมูซอสสูตรแม่

“เถ้าแก่ บะหมี่เย็นสองชาม ชามหนึ่งน้อยชามหนึ่งเยอะ” หลังจากที่เฉินเหยานั่งลง เธอก็สั่งอาหารกับเภ้าแก่

“เสี่ยวเหยามาแล้วเหรอ? วันนี้ไม่ทำงานเหรอ?”

เจ้าของร้านดูเหมือนจะสนิทสนมกับเฉินเหยามาก

“วันนี้มีกิจกรรมที่โรงเรียน ฉันไม่ได้ทำงาน” เฉินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม

“นี่แฟนหนูเหรอ เขาดูหล่อมาก” เจ้าของร้านมองไปที่เจียงเฉิงและพูด

เมื่อเฉินเหยา ได้ยินที่เจ้าจองร้านพูด เธอก็หน้าแดงทันที และเธอก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ ไม่ เป็นพี่ชายของนักเรียนคนหนึ่งของฉัน”

“อ๋อ เดี๋ยวรออีกสักพักนะ บหมี่ใกล้จะเสร็จแล้ว” เจ้าของร้านเดินเข้าไปในครัวด้วยรอยยิ้ม

“ผู้ชายที่อยู่นอกโรงเรียนเมื่อสักครู่นี้ เป็นคนที่มาตามจีบเธอใช่ไหม?” เจียงเฉิง มองไปที่ เฉินเหยาและถาม

"ไม่ใช่"

เฉินเหยาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เป็นแค่นักเลงแถวโรงเรียน ฉันเพิ่งมาฝึกงานได้ไม่นาน เขาก็คอยจับจ้องฉัน รอฉันที่หน้าประตูโรงเรียนทุกวัน ฉันบอกแล้วว่าเราสองคนไม่เหมาะสมกัน เขาก็ยังไม่หยุด”

“แบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นเมื่อสักครู่เราควรเดินประตูหน้าสิ” เจียงเฉิงกล่าว

"ทำไมล่ะ?"

“ผมช่วยคุณสั่งสอนมันได้พอดี ให้เขาอย่ามากหาเรื่องคุณอีก”

“อย่างดีกว่า ถ้าไม่อยากยุ่งฉันหนีก็ได้ ถ้าต่อไปเขามาแก้แค้นฉันทำยังไงล่ะ” เฉินเหยากล่าวอย่างกังวล

“ทั้งสอง บะหมี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว” เจ้าของร้านรีบยกบะหมี่ออกมา วางตรงหน้าเจียงเฉิงและเฉินเหยา

หลังจากกินไปสองสามคำ เฉินเหยาก็วางตะเกียบลง หยิบทิชชู่มาเช็ดปากของเธอแล้วพูดว่า “ฉันอิ่มแล้ว”

“คุณกินแค่นี้เองเหรอ?” เจียงเฉิงพูดด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ ฉันเป็นคนกินน้อยอยู่แล้ว” เฉินเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เจียงเฉิงพยักหน้าและเหลือบมองดูความอวบอิ่มบนหน้าอกของเฉินเหยาผู้หญิงคนนี้กินข้าวแค่นี้ แล้วเอาแรงที่ไหนแบกหน้าอกที่สมบูรณ์นั้นไว้?

“โอเค ไปกันเถอะ” หลังจากเจียงเฉิงกินเสร็จ เขาถามว่า “น้องชายของคุณอยู่โรงพยาบาลไหน?”

“อยู่ในโรงพยาบาลเมืองหลูหยางที่หนึ่ง” เฉินเหยากล่าว

“โรงพยาบาลที่หนึ่ง?”

“ใช่ มีอะไรเหรอ?” เฉินเหยาเฉินหยาวถาม

“ฉันทำงานอยู่ที่นั่น และฉันจะช่วยทุกอย่างที่สามารถช่วยได้ อะไรที่หาให้คุณได้ฉันจะช่วยเต็มที่” เจียงเฉิงกล่าว

“จริงเหรอ ขอบคุณมากนะ” เฉินเหยาพูดอย่างมีความสุขในทันที

ไม่นานเฉินเหยา และเจียงเฉิง ก็มาที่โรงพยาบาล น้องชายของเฉินเหยาชื่อเฉินเจินอยู่ในห้อง ICU ของโรงพยาบาล ในเวลานี้ มีคนมากมายในห้องคนไข้ นำโดยคณบดีโรงพยาบาลที่หนึ่ง เสิ่นปิง

“คณบดีเสิ่น คุณอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” เฉินเหยาทักทายเสิ่นปิงและพูด

“เสี่ยวเหยา? ฉันเพิ่งพบผู้เชี่ยวชาญจากทางเมืองหลวงเพื่อขอคำปรึกษา”

หลังจากที่เสิ่นปิงพูดจบ เขาสังเกตเห็นว่าเจียงเฉิงยืนอยู่ข้างหลังเฉินเหยา"เจียงเฉิง? นายบอกว่าวันนี้มีธุระ มาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของ เสิ่นปิง เจียงเฉิงก็รู้สึกอับอายเช่นกัน แท้จริงแล้ว เขาขอลาแต่เช้าตรู่แต่ไม่คิดว่าน้องชายของเฉินเหยาจะอยู่ในโรงพยาบาล และเสิ่นปิงก็อยู่ที่นี่ด้วย

“เสร็จธุระ ฉันก็กลับมา” เจียงเฉิงมองไปที่เสิ่นปิงและยิ้ม

“ว่าแต่ นายรู้จักเสิ่นปิง เหรอ? ” เจียงเฉิง ถามเสิ่นปิง

“อ๋อ ค่าฟอกไตของน้องชายฉัน คณบดีเสิ่นจ่ายทั้งหมด ถ้าไม่มีเธอ น้องชายของฉันอาจตายไปนานแล้ว” เฉินเหยาพูดแล้วมองเสิ่นปิงอย่างซาบซึ้ง

“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจความเจ็บปวดของการที่ญาติพี่น้องเราต้องทนทุกข์จากโรคที่รักษาไม่หาย และการช่วยคนเป็นหน้าที่ของแพทย์” ที่เสิ่นปิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เจียงเฉิงเพิ่งรู้ ที่แท้แล้วเซิ่นปิงก็ใจดีมากเช่นกัน แต่เจียงเฉิงก็นึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งที่แล้วที่อยู่ในรถ เขารู้สึกว่าชีพจรของเสิ่นปิงผิดปกติเล็กน้อย แปลกมาก แต่เหมือนเสิ่นปิงพยายามปิดบังอะไรอยู่

“หมอเทวดาเจียง มาที่นี่เพื่อรักษาเขาหรือ?” เสิ่นปิงถาม

“ใช่ เธอเป็นครูที่โรงเรียนของน้องสาวฉัน” เจียงเฉิงกล่าว

“ฉันเชื่อว่าหมอเทวดาเจียงจะสามารถรักษาโรคนี้ได้” เสิ่นปิงกล่าวและเดินออกไป

เฉินเจินไม่ได้สติอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เจียงเฉิงนั่งอยู่ข้างๆ และจับชีพจรเฉินเจิน

“ศ.สวี่ คนนี้เป็นใคร? วินิจฉัยแล้วว่าเป็นยูรีเมีย จะมาจับชีพจรอีกทำไม?”

“แกล้งทำท่าไงล่ะ อาการโคม่าระยะยาวแบบนี้ เรายังไม่เคยเจอเลย เขาจะมีวิธีแก้อะไรล่ะ?”

"ใช่ ศ.สวี่ของเราเป็นหมอที่มีชื่อเสียงจากตระกูลสวี่ในเมืองหลวงนี้ ไม่มีวิธีที่ดีที่จะแก้ไขหมดเลย เขาเป็นแค่ชายหนุ่มจะทำอะไรได้?"

“ศ.สวี่คุณอาจไม่รู้อะไรบางอย่าง ตอนนั้นคุณเจียงได้ดำเนินการผ่าตัดที่แม้แต่ปรมาจารย์เชวี่ยเองก็ทำไม่ได้” เสิ่นปิงมองไปที่ศ.สวี่ และถาม

ศ.สวี่รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เพราะเขารู้ถึงฝีมือของปรมาจารย์เชวี่ย

"การผ่าตัดคือการผ่าตัด และยูรีเมียแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขามีวิธีอื่น” ศ.สวี่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาจากเมืองหลวงของจังหวัด ถ้าแพ้หมอธรรมดาให้หลูหยางไป เขาก็เสียหน้าอย่างมาก

“หมอเจียง เป็นยังไงบ้าง?” เฉินเหยาถามเจียงเฉิงอย่างประหม่า

"ไม่เป็นไร รักษาได้" เจียงเฉิงปล่อยมือที่จับชีพจรและพูดเบา ๆ

“พูดเรื่องไร้สาระอยู่เหรอ? ทุกคนรู้ว่ารักษาได้ ถ้ามีไตที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยได้ คุณจะพูดถึงเรื่องนี้ใช่ไหม?” ศ.สวี่ มองเจียงเฉิงด้วยสายตาเย็นชาและพูด

เจียงเฉิงลุกขึ้นและมองไปที่ศ.สวี่ และกล่าวว่า "ไม่ใช่แน่นอน เพราะที่เขาเป็นไม่ใช่ยูรีเมีย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง