“พ่อคะ ลุงใหญ่พูดอะไรเหรอคะ?”
สวี่ฉิงนั่งอยู่ในห้องนอน ได้ยินน้ำเสียงดุเดือดของสวี่จื้อจุน ก็เลยรีบออกมาถามดูสักหน่อย
“ไม่มีอะไร แค่คุยนิดหน่อยเรื่องกินข้าววันพรุ่งนี้”สวี่จื้อจุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้พูดอะไรลงลึกมาก
“พ่อคะ พ่อไม่ต้องกังวล เจียงเฉิงในตอนนี้ ไม่เหมือนสมัยนั้นแล้วค่ะ”สวี่ฉิงเดินเข้ามาพูดปลอบ สวี่จื้อจุน
แน่นอนสวี่จื้อจุนก็รู้ว่าเจียงเฉิงเปลี่ยนไปมาก แต่เขาก็รู้ว่าตระกูลสวี่แข็งแกร่งอยู่ที่เมืองหลวง อำนาจแบบนั้นอยากจะจัดการเก็บเขาล่ะก็ มันเป็นเรื่องง่ายมากๆ
“ลูกสาว พ่อรู้ว่าเจียงเฉิงเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่ลูกก็รู้นิสัยของคุณปู่ เขาไม่เคยยอมให้คนอื่นอกตัญญูกับเขา ถ้าทำให้เขาไม่พอใจ อาศัยอำนาจผลกระทบที่ตระกูลสวี่มีต่อวงการแพทย์ เกรงว่าลูกกับเจียงเฉิง…..”
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ อย่างแย่พวกหนูแค่ไม่ทำงานอยู่โรงพยาบาล”สวี่ฉิงยิ้มและพูดอย่างไม่ยี่หระ
“อืม พอถึงตอนนั้นก็ต้องดูพวกลูกแล้วล่ะ”สวี่จื้อจุนพูดอย่างจนปัญญา
โรงแรมจิ่นหัว สวี่จื้อกั๋วกับหั่วกังอยู่ในห้องหนึ่ง
“ไอ้คนไม่ได้เรื่องคนนี้นี่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตัดสายฉัน”สวี่จื้อกั๋วทิ้งโทรศัพท์ลงด้วยความไม่พอใจ
“ไม่ต้องรีบร้อน ถึงยังไงพรุ่งนี้ ผมจะต้องเอาสวี่ฉิงไปด้วยอย่างแน่นอน ตอนนั้นไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้ ผมรู้สึกน่าเสียดายมาก ครั้งนี้ จะต้องแต่งงานกับเธอให้ได้”สายตาหั่วกังเปล่งประกายพูดขึ้น
“คุณชายหั่ว วางใจเถอะครับ ผมถามไถ่ชัดเจนแล้ว เจียงเฉิงกับสวี่ฉิงแต่งงานกันแค่ในนาม เพราะฉคาดว่าจนถึงตอนนี้สวี่ฉิงก็ยังบริสุทธิ์อยู่”สวี่จื้อกั๋วพูดประจบสอพลอขึ้น
“เหรอ?”หั่วกังได้ยินจู่ๆก็ดีใจมากขึ้น รีบพูดขึ้นว่า“แบบนี้ดีมาก”
เวลาเดียวกันหั่วกังได้ฟังสวี่จื้อกั๋วพูดแล้ว ว่าเจียงเฉิงเป็นแค่พยาบาลคนหนึ่ง เงินเดือนน้อย อีกอย่างยังเป็นคนไร้ความสามารถใครจะรังแกก็ได้ คนแบบนี้ จะมาสู้คนแบบตัวเองได้ยังไง
แค่สวี่ฉิงไม่โง่ จะต้องไปกับตัวเองอย่างแน่นอน
เที่ยงวันต่อมา สวี่จื้อกั๋วกับเย่จู้ผิงเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ที่จะไปกินข้าวที่ร้านที่จองไว้ เจียงเฉิงกับสวี่ฉิงเองก็เตรียมตัวเรียบร้อยพร้อมจะไปเหมือนกัน
ตอนที่ครอบครัวของเจียงเฉิงอยู่บนรถสี่คน จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเจียงเฉิงก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล? ใครครับ?”เจียงเฉิงมองหมายเลขแปลก แล้วรีบถามขึ้น
“ฉันเองค่ะ มู่หรงจิ้ง”น้ำเสียงอันไพเราะดังมาจากปลายสาย
“ที่แท้เพื่อนของเจียงหลายนี่เอง มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไรค่ะ เมื่อวานคุณพาคนดังที่ฉันชื่นชอบมา ร้องเพลงกับฉัน แล้วยังได้ถ่ายรูปด้วย ฉันไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณยังไงดี ประจวบเหมาะกับฉันมีภาพวาดภาพหนึ่ง ถือว่าฉันมอบเป็นของขวัญให้คุณนะคะ”มู่หรงจิ้งพูดหัวเราะคิกคัก
“ไม่ต้องหรอกครับ เดิมทีมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย”เจียงเฉิงพูดเบาๆ
“คุณรับไว้เถอะ ถึงแม้จะรู้ว่าคุณเป็นพี่เขยของฉัน ไม่ได้แล้ว มันน่าเสียดายมาก แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณคุณค่ะ”น้ำเสียงของมู่หรงจิ้งทำเป็นเศร้าโศก
“ยัยเด็กบ้า พูดเลอะเทอะอีกละนะ!”
เสียงของมู่หรงเสวี่ยก็ดังมาจากอีกด้าน ตามด้วยเสียงเอะอะของมู่หรงจิ้งกับพี่สาวของเธอ
“โอเค อีกเดี๋ยวคุณส่งที่อยู่ของคุณมาให้ฉันนะ ฉันจะให้คนเอาภาพวาดไปส่งให้”มู่หรงจิ้งพูดแล้วรีบวางสายไปเลย ชัดเจนว่ากำลังรับมือสู้กันกับมู่หรงเสวี่ยอยู่
เจียงเฉิงได้ยินสายตัดไป ใจรู้สึกจนปัญญาขึ้นมา เป็นแบบนี้แล้ว เลยจำใจต้องส่งที่อยู่ให้มู่หรงจิ้งพอดีกับพ่อตาของตัวเองชอบภาพวาดโบราณ เอามาให้พ่อตาตัวเองก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง