เดิมทีเจียงหงเฟยกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง แต่เห็นลูกสาวตัวเองลงมาจากรถสปอร์ตคนหนึ่ง แถมยังพูดคุยกับคนในรถราวกับรู้จักกันเป็นอย่างดี
เขาเป็นกังวลขึ้นมาในทันที เนื่องจากเจียงหงเฟยสองสามีภรรยาเคยได้ยินเรื่องที่คนรวยชอบเลี้ยงดูนักศึกษาสาวมาไม่น้อย พวกเขากังวลว่าลูกสาวของตัวเองจะเดินบนเส้นทางดังกล่าว จึงซักไซ้เจียงหลาย
“ใช่ ลูก ถ้าลูกไม่ได้มีความรัก ทำไมถึงลงมาจากรถดีๆ แบบนั้นได้? ลูกคงไม่ได้ทำเรื่องแย่ๆ เพื่อเงินใช่ไหม?” สวีฟางพูดพร้อมกับมองเจียงหลายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
เธอไม่อยากให้ลูกสาวไปเดินบนทางที่ผิดเพื่อเงิน แม้ว่าในตอนนี้ครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ไม่สามารถทำให้ลูกสาวลำบากเพราะเหตุนี้ได้
“โอ๊ย พ่อ แม่ กำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!”
เจียงหลายเข้าใจความหมายที่พ่อแม่ของตัวเองพูด พวกเขาเห็นตัวเองลงมาจากรถหรู จึงคิดว่าตัวเองทำเรื่องที่น่าอับอาย
เจียงหลายพูดอย่างโกรธเคืองเล็กน้อยในทันที “ลูกสาวของพ่อกับแม่ดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ! จริงๆ เลย! ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกสาว เจียงหงเฟยก็รีบพูดว่า “พ่อกับแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่เป็นห่วงลูก งั้นลูกก็บอกมาว่าถ้าคนที่ขับรถมาส่งลูก ไม่ใช่แฟนของลูกแล้วเป็นใคร?”
“หนูนับถือพ่อกับแม่จริงๆ เลย”เจียงหลายพูดอย่างจนปัญญา “นั่นเป็นเพื่อนร่วมงานของพี่ชายหนู เป็นคนที่หนูเคยบอกว่าช่วยสั่งสอนนักเลงคนนั้นให้หนู”
เมื่อเจียงหงเฟยกับสวีฟางได้ยิน พวกเขาก็มองหน้ากันและพูดว่า “อ้อ เขานั่นเอง ไอ้หนุ่มคนที่ชื่อเดียวกันแซ่เดียวกันกับพี่ชายของลูก? ”
เจียงหลายพยักหน้าและพูดว่า “ที่แท้พ่อกับแม่ก็รู้”
สวีฟางพูดว่า “ใช่ คราวก่อนเขาก็ช่วยพ่อกับแม่ไว้ เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง และแม่ก็รู้สึกว่าเขากับพี่ชายของลูกคล้ายกันมากจริงๆ ”
เจียงหลายลุกขึ้นและพูดว่า “ใช่ หนูเห็นเขาเป็นเหมือนพี่ชายของหนู และเขาก็เห็นหนูเป็นเหมือนน้องสาวเช่นกัน ดังนั้นพ่อกับแม่ไม่ต้องคิดมาก จริงๆ เลย! ”
เจียงหลายกลอกตาและกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เจียงหงเฟยถอนหายใจและพูดกับสวีฟางว่า “ที่แท้ไอ้หนุ่มคนนั้นก็ค่อนข้างรวย แถมยังขับรถดีๆ แบบนี้ แต่ทำไมเขาถึงดีกับครอบครัวของเราขนาดนี้? และยังดีกับเจียงหลายมาก?”
“คุณจะคิดมากขนาดนั้นไปทำไม ลูกก็บอกแล้วเป็นเพื่อนกับลูกชายของเรา” สวีฟางพูดว่า “รอให้มีเวลาแล้วค่อยให้เจียงหลายชวนเขามาทานข้าวที่บ้าน และถือโอกาสขอบคุณเขาด้วย”
เจียงหงเฟยพยักหน้า “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“ฉันอิ่มแล้ว” สวี่ฉิงดึงทิชชูออกมาหนึ่งแผ่นแล้วเช็ดปาก เธอกำลังจะลุกขึ้นและกลับไปที่ห้องนอน
“อืม ตอนที่ผมกลับมาพ่อกับแม่ก็หลับแล้ว ผมเลยไปต้มซุปให้คุณที่ห้องครัว ช่วยให้นอนหลับและบำรุงจิตใจ” เจียงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าซุปโสมนี้เป็นเสฺวียนเซินร้อยปีที่เจียงเฉิงซื้อมาในร้านขายยา เดิมทีสรรพคุณของเสฺวียนเซินเป็นหยิน แต่สามารถบำรุงหยินลดไฟได้ จึงเหมาะที่จะให้สวี่ฉิงกิน
ถ้าเจ้าของร้านขายยารู้ว่าเจียงเฉิงไม่ได้เอาโสมนี้ไปประมูล แต่เมื่อกลับถึงบ้านแล้วเอาหั่นเพื่อต้ม เขาจะต้องโกรธจนกระอักเลือดอย่างแน่นอน โสมนี่มีราคาหลายล้าน แต่เขากลับเอามาต้มแบบนี้?
สวี่ฉิงหยิบซุปโสมขึ้นมาดม กลิ่นไม่ค่อยดีนัก และเธอก็ไม่ค่อยอยากดื่ม
เมื่อเห็นแบบนี้ เจียงเฉิงก็รีบพูดว่า “ดื่มเถอะ ยาดีแม้มีรสขมแต่รักษาโรค”
“ฉันไม่ได้ป่วย” สวี่ฉิงพูดอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นสวี่ฉิงเป็นแบบนี้ เจียงเฉิงก็ก้มหน้าลงและยิ้มเจื่อนๆ เขาเดินไปนั่งข้างๆ สวี่ฉิงและพูดว่า “คุณภรรยา ผมรู้ว่าทำไมคุณถึงปฏิเสธผู้ชาย เพราะคุณเคยถูกทำร้ายความรู้สึก ดังนั้นคุณจึงเป็นโรคที่เรียกว่าภาวะซึมเศร้า”
“ภาวะซึมเศร้า?” สวี่ฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใช่ แต่ถ้าคุณเชื่อผม ผมช่วยรักษาคุณให้หายได้” เจียงเฉิงพูดพร้อมกับมองไปที่สวี่ฉิงอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง