"อย่าบอกนะว่าเธอจะนอนทั้งชุดนี้" ชายหนุ่มขยับตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เพื่อมองดูเธอให้ถนัดตา เมื่อเห็นว่าเธอเดินมานั่งลงอีกฝั่งหนึ่งของเตียงเดียวกัน โดยที่ยังอยู่ในชุดแต่งงาน
"จะใส่ชุดไหนนอนมันก็เรื่องของฉันสิ"
"แล้วจะไม่อาบน้ำหรือไง"
"ไม่อาบ"
"ถ้างั้นก็เอาที่เธอสบายใจเลยแล้วกัน แต่ฉันคงนอนด้วยไม่ได้หรอกนะ คนอะไรจะไม่อาบน้ำนอน" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นทำเหมือนว่าไม่ได้ขู่
"เดี๋ยวก่อนสิคุณ" ที่เธอต้องเรียกไว้เพราะไม่อยากให้เขาออกจากห้องไป กลัวว่าพ่อกับแม่จะยังไม่เข้านอน "ก็ฉันถอดชุดไม่ได้นี่" หญิงสาวรีบหาข้ออ้างเมื่อเห็นเขาไม่คิดจะฟัง
"แล้วทำไมไม่ขอความช่วยเหลือ"
"ถ้าฉันขอ แล้วคุณจะช่วยหรือไง"
"ทำไมฉันจะไม่ช่วย"
"จะรู้เหรอก็เห็นเก๊กท่าอยู่ได้" ประโยคนี้เธอพูดออกมาเพียงแค่เบาๆ ไม่หวังให้เขาได้ยินด้วย แต่อ่านแค่ปากก็รู้แล้ว
"เธอรู้ไหม..ถอดชุดผู้หญิงนี่ฉันถนัดนัก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินกลับมาหาเธอที่ยังนั่งอยู่บนเตียง จนหญิงสาวต้องรีบขยับกายเข้าไปชิดหัวเตียง
"ฉะ..ฉันทำเองก็ได้" น้ำอิงรีบกระโดดลงเตียงอีกฝั่ง แต่เธอใส่ชุดที่รุ่มร่ามก็เลยเหยียบชายกระโปรงเข้า
อึบ!
"โอ๊ยย"
"เป็นอะไรไหมนั่น" ชายหนุ่มรีบเดินอ้อมมาดูเพราะตอนนี้เธอกองอยู่กับพื้น "ลุกไหวไหม" เขาไม่ได้ลงไปช่วยหรอก เพราะเห็นว่าเธอกำลังพยายามลุกขึ้นอยู่
"คนแล้งน้ำใจ" กว่าจะลุกขึ้นได้..พอลุกขึ้นแล้วน้ำอิงก็เข้าห้องน้ำไปปลดกระดุมในห้องน้ำเอง
พอเธอเข้าไปแล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีก
{"ฮัลโหล"}
อ๋อ..ที่ไม่รับสายตอนนั้นเพราะเราอยู่ด้วยเหรอ รู้จักเกรงใจกันด้วยหรือเนี่ย ..ถึงแม้จะอยู่ในห้องน้ำก็ได้ยินเสียงก้องเข้ามา
สองชั่วโมงผ่านไป และตอนนี้ก็เข้าวันใหม่แล้ว
คนตัวเล็กเพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำ พอออกมาก็เห็นเขาหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ..เราคิดมากไปเองหรือเปล่า คิดว่าเขาจะทำอะไร อุตส่าห์แอบอยู่ในห้องน้ำเป็นชั่วโมงๆ
"โอ๊ย" จังหวะที่กำลังจะนอนก็รู้สึกเจ็บแขน เพราะตอนตกเตียงเธอใช้มันค้ำยันร่างไว้ โชคดีนะที่แขนไม่หัก
หญิงสาวพยายามนอนลงให้เบาที่สุด เพราะกลัวว่าเขาจะตื่น ขนาดหายใจยังไม่กล้าหายใจแรงเลย
เช้าวันต่อมา..
"เขาออกไปตั้งแต่เมื่อไร" ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว น้ำอิงรีบ เช็คร่างกายของตัวเองดู ว่าตอนนอนหลับเขาได้ทำอะไรไหม พอเห็นว่าทุกอย่างอยู่ครบก็หายใจโล่งขึ้นมาก "หวังว่าคงจะเป็นแบบนี้ตลอดไปนะ"
หญิงสาวรีบเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ลงมาข้างล่าง
"นี่เราจะไปไหน" ทัตเทพเห็นหลานสาว ไม่ใช่สิ..ต้องเรียกว่าเห็นลูกสะใภ้แต่งตัวเหมือนจะออกไปทำงาน
"เข้าบริษัทค่ะคุณลุง เออ..คุณพ่อ" ทั้งสองยังคงต้องปรับตัว
"เมื่อวานนี้เพิ่งจัดงานแต่งทำไมไม่พักก่อนล่ะลูก" อิงนภาเข้าไปเตรียมอาหารเช้าช่วยแม่บ้าน ได้ยินว่าลูกสาวลงมาก็เลยออกมาดู
"ก็แค่แต่งงาน ไม่ได้ป่วยสักหน่อยค่ะแม่"
"เจ้าเด็กคนนี้ดูพูดเข้า"
น้ำอิงอดไม่ได้ที่จะมองหาเขา..แต่ก็ไม่เห็น
"บอกว่าจะเข้าบริษัท" คนที่พูดก็คือแม่อีกนั่นแหละ เพราะทัตเทพไม่กล้าพูด กลัวว่าลูกชายจะไม่ได้เข้าบริษัท ซึ่งท่านก็คิดเหมือนกับภรรยาหมาดๆ ของเขา ทั้งสองคิดว่าเขาคงจะรีบวิ่งแจ้นไปหาคนรัก
"ขอโทษค่ะ ก็คุณเขาไม่แจ้งว่าจะเข้ามาด้วยเรื่องอะไรค่ะ"
"ไม่เป็นไร ออกไปก่อน"
"ถ้าโครงการสระบุรียังไม่เสร็จ ฉันจะไม่รับทำโครงการอื่น" หญิงสาววางเอกสารลงตรงหน้าเขาและกำลังจะออกมา
"โครงการนั้นผมบอกแล้วไงว่าจะทำเอง"
"คุณรู้ไหมว่ามันเป็นโครงการใหญ่มาก ทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อของคุณแล้ว และเงินของลูกค้าก็จมอยู่ที่โครงการนั้นเท่าไรต่อเท่าไร" เพราะหลายคนที่ต้องการอยากจะเป็นเจ้าของคอนโดหรูแห่งนั้น ได้วางเงินไว้บ้างแล้ว
"ทำไมผมจะไม่รู้"
"คุณรู้หรือคะ ถ้าคุณรู้ทำไมโครงการนั้นยังไม่ไปไหนจนฉันเข้ามาบริหาร"
"คุณเอาโครงการบ้านจัดสรรออกไปทำ ส่วนโครงการนั้นเป็นหน้าที่ของผม" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับมองดูแฟ้มเอกสารที่เธอเพิ่งเอาเข้ามา
"ไม่ค่ะ ฉันจะทำคอนโดที่สระบุรีให้เสร็จ" คอนโดสระบุรีเป็นคอนโดที่วางแบบแผนไว้ครบวงจร และในพื้นที่นั้นไม่ได้มีแค่หลังเดียว เพราะโครงการนี้มีพื้นที่ใช้สอยเกือบพันไร่ ..มันถึงเป็นช่องทางของคนที่อยากจะโกงกิน
หมั่บ! ขณะที่หญิงสาวเดินมาใกล้จะถึงประตูก็ได้ถูกเขาคว้าให้หันกลับมาก่อน
"คุณรู้ไหมว่าถ้าคุณยังทำโครงการนั้นอยู่ แม้แต่ชีวิตของคุณก็จะเอาไม่รอด"
"ถึงขนาดขู่จะเอาชีวิตกันเลยหรือคะ" ดวงตางามกรอกมองขึ้นดูคนร่างสูงที่รั้งตัวเธออยู่
"มีคนบอกไหมว่าคุณดื้อมาก ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่ยังไงคุณก็เป็นผู้หญิง"
"สวัสดีค่ะคุณนาเดีย" เสียงนี้ดังเล็ดลอดเข้ามาในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่หลังประตูบานนั้น
"หึ" สายตาเจ้าเล่ห์ของน้ำอิงกรอกมองขึ้นไปสบตาเขาอีกครั้ง มือเรียวค่อยๆ ยื่นขึ้นไปโอบต้นคอของอีกฝ่ายให้โน้มลงมาหา
"??"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คลั่งรักเมียแต่ง
มีจ่ออีกมั้ย ทำไมตัดจบแบบนี้...
ทำไมจบแบบนี้เนื้อเรื่องยังไม่จบเลยไม่มีต่อหรอคะ...
พี่น้องเอากันด้วยหรอขัดใจตรงนี้มาก...