บทที่ 30 – ตอนที่ต้องอ่านของ คนเสเพล
ตอนนี้ของ คนเสเพล โดย ชะนีติดมันส์ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 30 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
"ดิน..ดิน.." ขณะเดินมาที่รถหญิงสาวพยายามส่งเสียงเรียกชื่อให้เขาออกมาส่องดู แต่ก็เงียบ ถ้าเธอไปหาหมอกับพ่อและแม่ พวกท่านต้องรู้แน่ว่าอาการที่เธอเป็นอยู่มันคืออะไร
"ดินยังไม่ตื่นหรอกลูก เมื่อวานนี้สอบวันสุดท้ายคงจะเหนื่อย แล้วนั่นจะไปไหนกัน" คนที่ตอบออกมากลับเป็นแม่ของเขา
"ก็รุ้งน่ะสิอาเจียนหลายครั้งแล้ว ดูผิดปกติฉันก็เลยจะพาไปหาหมอก่อน" คนที่ตอบก็คือแม่ของเธอ
"ถ้าฉันไม่ยุ่งเตรียมของให้พี่ศักดิ์ ก็คงจะไปเป็นเพื่อน"
"ไม่เป็นไรหรอกพร จะไปคลินิกแถวนี้เอง ไม่ไปถึงโรงพยาบาลหรอกคนเยอะ"
พูดคุยกันรู้เรื่องเดือนก็เลยพาลูกสาวออกมาโดยพ่อของทอรุ้งเป็นคนขับ
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น คนร่างหนาที่นอนหลับอยู่ถึงกับสะดุ้ง
"ดีนะที่ตั้งนาฬิกาไว้" ชายหนุ่มปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งจากโทรศัพท์มือถือไว้ แล้วก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ..พอออกมาข้างนอกก็เห็นว่าแม่กำลังเก็บผ้าพับใส่กระเป๋า คงจะเป็นของพ่อ เขาก็เลยไม่สนใจ
"ดินจะไปไหนลูก" แม่เห็นหลังไวๆ ก็เลยรีบเดินออกมาถามดู
"วันนี้มีสอนพิเศษรุ่นน้องครับ"
"ลูกจะกลับง่ายไหม บ่ายแก่ๆ พ่อก็จะเดินทางแล้วนะ"
"เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ" พูดแค่นี้เขาก็ออกจากบ้านไป ใช่แล้วเรื่องที่เขาโกรธให้พ่อก็คือพ่อมีเมียน้อย ที่ดินรู้เรื่องนี้..เพราะช่วงเทศกาลคราวก่อนพ่อมาพักที่บ้าน วันนั้นศักดิ์วางโทรศัพท์ไว้แล้วก็เข้าห้องน้ำ เผอิญมีคนโทรมา ดินก็เลยรับสายให้ ประโยคแรกที่ได้ยินมันทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจผู้เป็นลูกชายมาก
จากแต่ก่อนที่เขาเทิดทูนพ่อ ความรู้สึกนั้นก็เปลี่ยนไป จนกลายเป็นความเหินห่าง แต่พ่อของเขาก็รู้ดีว่าลูกรู้เรื่องนี้แล้ว เพราะวันนั้นพ่อรีบเดินมาแย่งโทรศัพท์จากมือของลูกชาย และยังบอกลูกไว้ถ้าไม่อยากให้พ่อกับแม่เลิกกัน ก็อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ชายหนุ่มก็เลยได้แต่เก็บกด
เย็นวันเดียวกัน..
"แม่จ๋า..พ่อจ๋า" ทอรุ้งร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล และพยายามคุยกับพ่อและแม่ แต่ทั้งสองไม่ยอมคุยด้วยถ้าเธอไม่บอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง
ที่จริงพ่อของเธอจะไปแจ้งความ เพราะคิดว่าลูกสาวถูกล่วงละเมิด แต่ทอรุ้งบอกไม่ใช่ และก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าใครเป็นพ่อของเด็ก
พ่อกับแม่เค้นถามมาตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน เพราะไม่อยากจะมาพูดคุยกันที่บ้าน กลัวชาวบ้านจะได้ยินก็เลยต้องคุยกันให้จบก่อน แต่ทอรุ้งเอาแต่เงียบ และก็ร้องไห้ เธอยอมถูกตี ถ้าพวกท่านจะลงโทษ แต่ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนที่ทำให้ท้อง
เดือนเอ่ยชื่อชนกันต์ขึ้นมาว่าเป็นเขาใช่ไหม แต่ทอรุ้งก็ปฏิเสธ
"ไหนบอกวันนี้พ่อของทอรุ้งจะไปออกรถไง ทำไมถึงยังอยู่บ้านกันอีก" ธิมาพรกลับมาจากส่งสามี เพราะเรียกรถในหมู่บ้านออกไปส่งที่ บขส.ในตัวเมือง พอกลับมา ก็ยังเห็นรถพ่อของทอรุ้งจอดอยู่ที่บ้าน
"ให้เพื่อนขับแทน" คนที่ตอบก็คือคมสัน เพราะตอนนี้เดือนแทบไม่อยากจะพูดคุยกับใคร
"เป็นอะไรกันหรือเปล่า ทำไมดู.." ธิมาพรดูผิดสังเกตก็เลยถามดู แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆ นางก็เลยออกมาก่อน คิดว่าคงเป็นเรื่องในครอบครัว
ทอรุ้งเอาแต่ร้องไห้อยู่ในห้องนอนของตัวเอง เธอคิดไว้แล้วว่าพ่อกับแม่ต้องรู้เรื่องนี้เข้าสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะรู้เร็วขนาดนี้
"ฉันเห็นแต่ลูกชาวบ้านชาวช่องเขา แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัว" เพราะไม่มีวี่แววเลยว่าลูกสาวของนางจะเป็นเด็กเสียคนแบบนี้ ความทุกข์ใจของแม่หนักหนายิ่งนัก และเดือนได้แต่ปรับทุกข์กับสามีอยู่ในห้อง
ที่เดือนและสามีไม่กล้าทำรุนแรงกับลูกสาว กลัวว่าลูกจะคิดสั้น และดูท่าทางแล้วฝ่ายชายคงจะไม่ยอมรับเด็กในท้องของลูกสาวด้วย ลูกถึงได้ยอมปิดปากเงียบอยู่แบบนี้
"ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว พูดมากไปก็อายชาวบ้านเขา" คมสันได้แต่ปลอบใจภรรยา ถ้ายอมรับเรื่องแบบนี้ได้เร็วก็จะทุกข์ใจน้อยลง
"มันไม่มีแฟนที่ไหน แล้วมันจะท้องกับใครล่ะพี่"
"ดิน..พ่อกับแม่จะให้หวาไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่หวาไม่ไป"
ได้ยินแบบนั้นดินหันกลับมามองหว่าหวา ตอนนี้ปัญหาชีวิตรุมเร้าเข้ามาจนเขาแก้ไม่ได้ และอยากหลีกหนีจากปัญหาทุกปัญหา เพราะเหนื่อยเหลือเกิน
"เราไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยกันไหมดิน"
"อนาคตรอหวาอยู่ หวาไปเถอะ"
"ดินเรียนเก่งจะตาย แค่สอบชิงทุนไปก็ได้แล้ว"
"เรามีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ไปไหนไม่ได้หรอก"
อะไรกัน..ภาระที่เขาพูดถึงคือเราใช่ไหม..เราไปเป็นภาระในชีวิตของเขาใช่ไหม ยิ่งได้ยินที่สิ่งที่เขาปรับทุกข์กับคนรักแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้ทอรุ้ง คิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้ว ที่จะไม่บอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง เธอคิดว่าจะปล่อยเขาไปมีอนาคตของตัวเอง
เวลาทานข้าวเย็น..
กลับมาจากตลาดก็ไม่เจอหว่าหวาอยู่ที่บ้านแล้ว ธิมาพรก็เลยมาทานข้าวร่วมกับครอบครัวของทอรุ้ง และดินก็ไม่ปฏิเสธที่จะมาร่วมรับประทานด้วย ส่วนทอรุ้งจะไม่ออกมาทานก็ไม่ได้ เพราะกลัวพ่อกับแม่จะโกรธมากกว่านี้
"น้าลืมถามเรื่องอาการของหนูรุ้งเลย ไปหาหมอแล้วคุณหมอบอกว่ายังไง" ขณะที่ทุกคนกำลังทานข้าวอยู่นั้น ธิมาพรพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะดูเหมือนว่าบรรยากาศจะอึมครึมเกินไป
ได้ยินแบบนั้นดินถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอไปหาหมอมา
"อาการไม่ดีขึ้นเลยเหรอลูก น้าว่าจะถามอยู่ แต่มัวคุยกับแฟนของตาดินก็เลยเพิ่งมีโอกาสได้มาถามนี่แหละ" ธิมาพรยังคงถามต่อ เพราะยังไงก็ได้เกริ่นไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คนเสเพล