คนเสเพล นิยาย บท 54

ลงจมูกลงไปในตอนที่น่าหลงใหลของ คนเสเพล, นิยายInternet ที่เขียนโดย Internet นิยายนี้มีเรื่องราวที่ซับซ้อน ความลึกลับและตัวละครที่ไม่ลืม นิยายนี้สัญญาว่าจะพาคุณผ่านการเดินทางของความตื่นเต้นและความเชื่อมั่นอันหลงใหล ไม่ว่าคุณจะปกติที่การที่รักความลึกลับหรือความอบอุ่นใจของเรื่องราวที่เข้าถึงจิตใจ Internet ได้ถักเสาะเสียงให้เป็นเรื่องราวที่จะยินตัวเองลงบนหน้าความทรงจำ สำรวจหน้ากระดาษของ คนเสเพล ตั้งแต่ตอนที่ บทที่ 53 และปล่อยให้เวทมนตร์บุบคลามไปด้วย

แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้รู้สึกเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด เผื่อฟ้าใสตื่นมากินนมดึกๆ กลัวไม่มีแรงลุกขึ้นมาชงนมให้ลูก ทอรุ้งก็เลยปล่อยให้เขาอยู่ในห้อง พอทานยาเสร็จเธอก็ไปเปลี่ยนชุดนอนที่รัดกุมกว่าที่ใส่อยู่ในเวลานี้

"ไม่ทำอะไรหรอกน่า กลัวไปได้" ชายหนุ่มเอ่ยพูดขึ้นเมื่อเห็นเธอเปลี่ยนชุดใหม่

"เมื่อคืนนี้ก็พูดแบบนี้แหละ" ..แล้วเป็นไงไม่รอดจนได้

"จริงเหรอ ทำไมจำไม่ได้วะ"

"ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ จะดูแลลูกก็ดูไป ฉันจะนอน" ว่าแล้วทอรุ้งก็ค่อยๆ เอนกายลงนอน

ชายหนุ่มเดินมาแล้วก็ห่มผ้าให้เธอ เขานั่งมองอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง แล้วก็ค่อยๆ เอนกายลงนอนข้างๆ กัน

เช้าวันต่อมา..

เมื่อคืนฟ้าใสตื่นขึ้นมากินนมครั้งหนึ่ง แล้วพ่อก็เอานอนต่อ ส่วนแม่หลับไม่รู้เรื่อง แต่ก็ต้องได้ตื่นเช้า เพราะต้องไปทำงาน

พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเขาอยู่ในห้อง สงสัยออกไปตั้งแต่เช้ามืด

"มาหาฟ้าใสเหรอดิน" เสียงนั้นดังแว่วเข้ามาในห้อง

"ครับ" เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมที่จะไปทำงานแล้ว แต่ก็เข้ามาดูเธอก่อน

"สงสัยยังไม่ตื่นทั้งแม่และลูกนั่นแหละ แม่ว่าจะเข้าไปปลุกอยู่พอดีเลย"

"ผมขอเข้าไปข้างในหน่อยนะครับ"

"ได้สิ"

พอแม่เธออนุญาตเขาก็เข้าไปในห้อง

"ยังจะไปทำงานอีกเหรอ" เมื่อคืนนี้ตอนที่เธอพลิกกาย เขาได้ยินเสียงโอดโอยออกมาสองถึงสามครั้ง

"ไม่ไปก็ถูกเขาไล่ออกน่ะสิ" บริษัทนี้เข้มงวดมาก ถ้าไม่ลาไม่มีใบรับรองแพทย์ ก็คือเชิญออกอย่างเดียวโดยที่ไม่แจ้งเตือนก่อน เพราะไม่ค่อยง้อพนักงานเท่าไร

"ออกก็ออกสิ ไม่ต้องไปทำแล้ว"

"นายพูดไม่คิด ไม่ทำงานจะเอาเงินไหนมาใช้" เธอไม่คิดจะขอเงินพ่อแม่ใช้อีกแล้ว ใจจริงอยากจะให้พ่อเลิกขับรถเลยด้วยซ้ำ เพราะทั้งพ่อและแม่ทำงานแบบนั้นมันอันตราย

"ฉันเลี้ยงได้"

"นายจะมาเลี้ยงฉันในฐานะอะไร อีกหน่อยถ้านายมีครอบครัว.." ทอรุ้งหยุดพูดแค่นี้ ที่จริงเธออยากจะบอกว่าถ้าเขามีครอบครัว มีเหรอที่เมียของเขาจะยอมให้มาดูแลเมียเก่าแบบเธอ

"ครอบครัวฉันก็อยู่ตรงนี้ ฉันจะไปมีครอบครัวที่ไหนอีก"

"เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อนายให้ฉันได้แค่คำว่าเพื่อน ฉันไม่ต้องการอยู่แล้ว"

"เธอดูไม่ออกเลยเหรอรุ้ง ทำไมต้องให้ได้พูดด้วยวะ"

"แม่ว่าค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีไหมลูก" เดือนซึ่งกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างนอก ได้ยินที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ถ้าปล่อยไปคงจะทะเลาะกันแน่

"เขาเป็นอะไรกันเหรอเดือน" ธิมาพรอีกคนที่ได้ยิน แต่จับใจความยังไม่ได้ก็เลยเดินมาถาม

ดินก็เลยเปิดหน้าต่างออกมาเพื่อคุยกับแม่ทั้งสอง

"ก็ลูกแม่น่ะสิ มันไม่รู้เลยหรือไงว่าผมรักมัน"

"อะไรนะ//ลูกว่าอะไรนะ" เดือนและธิมาพรพูดขึ้นแทบจะประสานเสียงกัน

"ตกใจอะไรกันครับ" เขาคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าทำไมพวกท่านดูตกใจกันจัง

"เออ.. แม่กำลังจะไปตลาดพอดี"

"ฉันไปด้วย"

"ไปสิ..เดี๋ยวชวนพ่อไปด้วยดีกว่า ลูกคุยกันตามสบายเลยนะ"

"จะไปซื้ออะไรที่ตลาดทำไมต้องใช้รถใหญ่ด้วย" คมสันถามภรรยาในขณะที่กำลังถอยรถออกมาจากบ้านเพราะยังไม่รู้เรื่องอะไร

"ไม่ต้องถามอะไรแล้วรีบขับรถไปเถอะน่า"

ตัดกลับมาที่ห้องนอน

"เมื่อกี้นายพูดกับแม่ว่าอะไรนะ" พอดินหันกลับมา ทอรุ้งก็เลยถามสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่อีกครั้ง

"พูดอะไร"

หรือว่าเราฟังผิด ในเมื่อเขาไม่พูดใหม่เธอก็เลยไม่คะยั้นคะยอที่จะให้เขาพูด "ตายแล้วสายขนาดนี้เลยเหรอ" หันกลับไปมองนาฬิกาก็สายมากแล้ว ถ้าขับมอเตอร์ไซค์คงจะเข้างานไม่ทันแน่

"บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไปทำงานแล้ว"

"จะไม่ทำได้ยังไงลูกโตขึ้นทุกวันอีกหน่อยก็จะได้เข้าโรงเรียนแล้ว"

"ฟังนะรุ้ง ตอนนี้เรามีเงินเดือนมากพอที่จะเลี้ยงเธอกับลูกได้ เลี้ยงทั้งครอบครัวเลยก็ได้"

"นายจะมาเลี้ยงฉันทำไมในเมื่อเราไม่ได้เป็น..อืมม" ทอรุ้งยังพูดไม่จบประโยคเลยด้วยซ้ำก็ถูกเขาปิดปากด้วยจูบ

จูบอยู่แค่ครู่เดียวเขาก็ถอนจูบออก

"พูดดีๆ ก็ได้ทำไมต้องจูบด้วย"

"พูดดีๆ แล้วเคยฟังกันไหมล่ะ"

"ฟังก็ได้นายจะพูดอะไรก็พูดมาสิ" ถ้าไม่ฟังคงได้ถูกจูบอีกแน่

"ฉันไม่อยากให้เธอไปทำงาน อยากให้อยู่ดูแลลูก"

"แต่ลูกก็มียายกับย่าดูแลอยู่แล้วนี่"

"ย่ากับยายจะเหมือนแม่ได้ยังไง" ฟ้าใสกำลังอยู่ในวัยที่ต้องการความอบอุ่นจากพ่อและแม่ เขาไม่อยากให้ลูกมีปัญหาเรื่องครอบครัวเหมือนที่เขาเจอ เพราะตอนนี้พ่อกับแม่ของดินเลิกรากันไปแล้ว เรื่องที่พ่อมีผู้หญิงคนใหม่ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รู้ แต่นางแสร้งทำเป็นไม่รู้ ช่วงหลังๆ มา พ่อของเขาไม่ส่งเงิน ไม่ติดต่อกลับมา แม่โทรไปหา ก็ไม่อยากจะรับสาย นางก็เลยชวนมาเซ็นต์ใบหย่าให้จบๆ กันไป

เขาถึงต้องพยายามผลักดันตัวเองให้อยู่จุดสูงที่สุด ซึ่งมันไม่เหนือบ่ากว่าแรงเลย เพราะดินเป็นคนที่เก่งทุกด้านอยู่แล้ว

"ฉันเข้าใจว่านายอยากจะรับผิดชอบเรื่องลูก แต่เราสองคน.."

"ทำไมเธอจะพูดอะไรอีก จะบอกว่าเราสองคนเลิกกันแล้วอย่างนั้นเหรอ"

"ก็มันเป็นความจริง ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ"

"เลิกแต่เธอน่ะสิ คำก็ไล่สองคำก็ไล่"

"ก็ในเมื่อนายไม่ได้รักฉัน"

"ใครบอกกูไม่รักมึงวะ กูรักมึงแทบจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย มึงดูไม่ออกเลยหรือไงรุ้ง"

"ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย" ไม่รู้ว่าเธอจะใช้อารมณ์ไหนกับเขา ดีใจที่ได้ยินเขาบอกรัก แต่น้ำเสียงนั้นเหมือนไม่ได้บอกรักเลย

"ก็กูอายนี่"

"อะไรนะ" จากใบหน้าที่บึ้งตึงเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าของเขาในเวลานี้ "นายอายเป็นด้วยเหรอ" ทำไมเธอจะไม่ดีใจที่ได้ยินเขาบอกรัก เพราะมันเป็นคำที่เธอรอฟังจากผู้ชายคนนี้มาตลอดทั้งชีวิต

"เปลี่ยนจากบอกรักเป็นขอเอาเลยได้ไหมล่ะ อันนั้นกูไม่อาย"

"ไอ้ดินไอ้บ้าไอ้ลามกไอ้โรคจิต"

"เอ้าา ด่าเข้าไปเดี๋ยวกูเปลี่ยนใจไม่ไปทำงานมันซะเลย"

"แย่แล้ว"

"อะไรอีก"

"ตายายและย่า ไปกันหมดแบบนี้ใครจะดูแลฟ้าใสล่ะ"

เพราะถ้าเธอจะลาออกก็คงออกกระทันหันแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว คงรอให้ถึงสิ้นเดือนก่อนถ้าไม่งั้นเงินที่ทำค้างไว้ก็จะไม่ได้ และจะเสียประวัติการทำงานด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คนเสเพล