"ถ้านายออกไปทางประตูพ่อกับแม่ฉันก็เห็นน่ะสิ"
"เห็นก็เห็นสิจะเป็นไรไป"
"นายเป็นผู้ชาย นายไม่รู้หรอก"
"เอ๊อ! ไปหน้าต่างก็ไปหน้าต่าง ทำเหมือนกูเป็นชู้ไปได้" ว่าแล้วดินก็เปิดหน้าต่างออก มองซ้ายมองขวา เพราะกลัวว่าคนจะเห็นว่าเขาออกทางหน้าต่างห้องของเมียตัวเอง "หมดกันชื่อเสียงที่กูสะสมมา" เป็นถึงผู้จัดการ แต่ต้องปีนออกหน้าต่างเนี่ยนะ ใครเห็นคงอายเขาแย่
"แม่นึกว่าลูกอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ลูกไปไหนมาแต่เช้า" ธิมาพรเปิดประตูออกมาจังหวะที่ลูกชายกำลังจะเปิดพอดี
แต่ดินไม่ตอบ เพราะถ้าตอบไปคงได้โกหก เขาก็เลยเลือกที่จะเงียบแล้วเดินเข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
"รุ้งล่ะครับน้า" พอออกมาดินก็เข้าไปที่บ้านหลังนั้นก่อน
"ให้พ่อไปส่งที่บริษัทแล้วจ้า"
"ทำไมไม่รอไปพร้อมผมล่ะครับ"
"แม่ก็ไม่รู้ เป็นอะไรกันอีกหรือเปล่า" ที่นางถามแบบนั้นเพราะเพิ่งจะเห็นไปเที่ยวมาด้วยกันเอง
"เปล่าหรอกครับ" อารมณ์ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริง
[บริษัท]
"ตอนเย็นพ่อไม่ต้องมารับหรอกนะ เดี๋ยวรุ้งขับมอเตอร์ไซค์กลับเอง" เพราะรถมอเตอร์ไซค์ของเธอยังจอดอยู่ที่บริษัท
หญิงสาวยืนมองพ่อขับรถออกไปถึงได้เข้ามาที่แผนก
"หัวหน้าคะ ฉันขอโทษด้วยที่ไม่ได้ลา" เพราะเธอลงโอทีไว้กับเพื่อนแล้ว แต่ไม่ได้มาทำ
"ก็เห็นมีคนลาให้แล้วไม่ใช่เหรอครับ" ..แถมคนที่ลาเป็นถึงผู้จัดการ
"เออ..ค่ะ" ทอรุ้งไม่ค่อยชินกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของภาณุเลย ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงจะมีคำพูดอะไรมากมายกว่านี้ แต่ตอนนี้พูดแค่นั้นแล้วเขาก็เดินไป
"น่าสงสารหัวหน้านะ"
"ใช่..ดูสิ ตามจีบมาตั้งหลายเดือน" หลายคนต่างก็พูดคุยกันเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าทอรุ้งจะไม่ได้ยิน แต่เธอก็ไม่เคยแสดงออกว่าให้เขาเข้ามาในชีวิตของเธอสักที
"ผู้จัดการมา" เสียงนั้นแว่วเข้ามาในหูเมื่อตอนที่เธอกำลังทำงาน แต่หญิงสาวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง เพราะถ้ามองเธอนั่นแหละจะเป็นเป้าสายตายิ่งกว่าผู้จัดการเสียอีก
"ตามสบายเลยครับ ผมแค่เข้ามาดูงานเฉยๆ" ดินเห็นว่าทุกคนยืนขึ้นเมื่อเห็นเขาเข้ามา
"ของล็อตนี้ที่จะส่งไปภูเก็ตค่ะ" เลขายื่นเอกสารส่งให้กับผู้จัดการได้ดู
ภูเก็ตเลยเหรอ หวังว่าคงไม่ใช่รถพ่อเรานะไกลขนาดนั้น ..ถึงแม้เธอจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานแต่ก็ยังแอบฟังที่พวกเขาคุยกัน
"ดูคนขับรถด้วยนะ อยากจะให้เป็นหนุ่มแข็งแรงหน่อย เพราะถ้าให้คนที่มีอายุเดี๋ยวจะขับไม่ไหวเอา"
ประโยคนี้ออกจากปากของผู้จัดการ ทอรุ้งถึงกับหันไปมอง เขาก็มองมาที่เธอเช่นกัน เพราะคิดว่าเธอคงจะเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องรถคันที่ไปส่งของแน่
"ได้ครับ" ภาณุยืนรับงานอยู่ตรงนั้นและก็แอบสงสัย เพราะผู้จัดการไม่จำเป็นต้องเข้ามาดูงานที่จะส่งออกด้วยตัวเองแบบนี้ก็ได้ ยังไงเอกสารก็ต้องถูกส่งเข้าไปในห้องของผู้จัดการอยู่แล้ว
แล้วสายตาภาณุก็มองมาที่ทอรุ้ง เพราะพ่อของเธอเป็นพนักงานขับรถ ผู้จัดการคงจะเป็นห่วงเรื่องนี้ ระยะทางเป็นพันกิโลเมตร ซึ่งเขาก็ช่วยเธอไม่ได้ถ้าถึงคิวรถของพ่อเธอ แต่ด้วยอำนาจของผู้จัดการมันง่ายมากที่จะช่วยเธอเรื่องนี้
"ตอนเที่ยงไปทานข้าวด้วยกันนะ" พอเสร็จธุระจากตรงนั้นแล้ว ดินก็เดินตรงมาที่โต๊ะของเธอ โดยไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น
"ค่ะ" หญิงสาวตอบออกไปแล้วก็ก้มลงทำงานต่อ ที่เธอตอบไปแบบนั้นเพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับเขาอยู่พอดี แต่เรื่องที่เธอจะคุยพูดตรงนี้ไม่ได้ด้วย
ดินแอบแปลกใจเล็กน้อยที่เธอตอบตกลงอย่างง่ายดาย ..พอได้คำตอบเขาก็เลยออกมาพร้อมกับเลขา ก่อนออกมาอดไม่ได้ที่จะมองไปดูใบหน้าของภาณุ จนคนที่ถูกมองต้องได้หลบสายตา
เที่ยงวันเดียวกัน.. พอสัญญาณพักเที่ยงดังขึ้น ทอรุ้งก็รีบไปหาเขาที่ห้องโดยไม่รอ
"ฉัน.."
"มาพบผู้จัดการหรือคะ เชิญเข้าไปข้างในได้เลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ" แต่ก่อนขอเข้าไปยังไงก็ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ทันได้ขอเลยด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะทุกคนรู้ว่าเธอเป็นภรรยาเก่าของเขามั้ง
"นายซื้อยามาหรือยัง" นี่แหละคือสิ่งที่ทอรุ้งรีบมาหา
"ยาอะไร" ดินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองก็รู้แล้วว่าคนที่ถามคือใคร และถามหายาอะไรแต่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้
"จะยาอะไรอีกล่ะ!"
"ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย" ชายหนุ่มมองไปที่ประตู เพราะถ้าใครเอาหูแนบฟังคงได้ยินเสียงที่เธอตะคอกเขาแล้ว
"นายยังไม่ซื้อยาคุมให้ฉันใช่ไหม"
"ยัง"
"แล้วจะทำยังไงกว่าฉันจะออกจากบริษัทได้ก็ตอนเย็น นายไปซื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ" เพราะพนักงานธรรมดาไม่ถูกอนุญาตให้ไปไกลบริษัท แต่ถ้าไปซื้อที่ร้านขายยาข้างหน้า ทุกคนต้องมองแน่เพราะมันเป็นยาคุม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คนเสเพล