เมื่อได้ยินดังนี้ สุนันท์ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปรกติ“แม่ค่ะ แม่รักเจ้าหลานชายออกัสคนนี้มากไม่ใช่เหรอ ทำไมคราวนี้ถึงไม่ให้ไปหาล่ะ ไม่คิดถึงเขาเหรอคะ?”
“ไอคิดถึงมันก็คิดถึงอยู่ แต่ว่า ให้เขามาไม่ได้อีก ตลอดสามปีที่อยู่อเมริกาก็ทำออกัสเหนื่อยมามากพอแล้ว เราให้หาอะไรมาบำรุงเขาบ้าง และปล่อยให้เขาได้พักผ่อนด้วย”
“หรือว่า สุขภาพของออกัสจะสู้คุณแม่ไม่ได้งั้นเหรอ ? คุณแม่พักผ่อนนะคะ อย่าเก็บเอาเรื่องเล็กน้อยมาเป็นกังวลมาก”
“สามปีที่อยู่อเมริกา ทำเอาออกัสลำบากไปด้วย……”
“แม่ หนูบอกแล้ว ว่าแม่ลำเอียงเข้าข้างออกัสมาก แม่ก็ไม่เชื่อ ฟังที่แม่พูดมา มีคำไหนที่ไม่ปกป้องออกัสบ้าง ?”
“ฉันไม่ปกป้องออกัส ไม่รักออกัส แล้วจะให้ใครมารัก ?”
เมื่อได้ยินดังนี้ คุณหญิงมัทนาก็อดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงสูง แล้วพูดว่า “ตอนมาถึงอเมริกาในปีแรกๆ ออกัสคอยแต่จะหาหมอมาให้หยาดฝน เพื่อการผ่าตัด รักษาใบหน้าของเธอ เมื่ออาการหยาดฝนค่อยๆดีขึ้น ฉันก็มาเกิดเรื่องขึ้นอีก มีอาการเลือดออกในสมองถูกส่งตัวไปรักษาที่อเมริกา ออกัสก็มาวิ่งเต้นเรื่องของฉัน ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ
ฉันนอนไม่ได้สติอยู่สามเดือน และตลอดสามเดือนนี้เขาก็คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง จากนั้นก็เข้ารับการผ่าตัด แม้ว่าจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่สภาพร่างกายนั้นก็ยังแย่อยู่มาก คนที่คอยดูแลเคียงข้างฉันตลอดก็คือออกัส
จากนั้นก็ตามมาด้วยวิกฤตทางการเงินที่รุนแรงในสหรัฐ สำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯประสบปัญหาความผันผวนอย่างมาก มีหนอนบ่อนไส้ บริษัทได้รับความเสียหายมาก ผู้ถือหุ้นต่างก็กระเหี้ยนกระหือรือในเวลานั้น พากันโจมตีมาที่ออกัส แกรู้ไหมว่าเขาลำบากมากแค่ไหน วันๆหนึ่งได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง……”
สุนันท์ไม่ได้พูดอะไร ออกัส ลำบากมากจริงๆ
“แกก็พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย ไปอยู่อเมริกาได้สี่ห้าวันก็จะเดินทางกลับเพราะปรับตัวกับที่นั่นไม่ได้ ขาของพ่อแกก็มาหักอีก ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ เดินทางไปกลับล้วนเป็นออกัสคนเดียว เขาคนเดียวต้องแบกรับหน้าที่ตั้งสามอย่าง จะไม่เหนื่อยได้ยังไงกัน ?
แกกับสิงหาก็พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย รักษาตัวในโรงพยาบาลที่สหรัฐมานานขนาดนั้น สิงหาก็ไม่เคยโผล่หน้ามาที่โรงพยาบาลเลย เขาจะยุ่งแค่ไหนกันเชียว หรือต้องรอให้ฉันตาย ถึงจะมีเวลามาดูได้งั้นเหรอ ? ”
คำพูดนี้ ทำเอาสุนันท์รู้สึกไม่ชอบใจนัก“คุณแม่ นี่คุณแม่พูดอะไรกัน ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย”
“สิ่งที่เกิดขึ้นมันแย่กว่านี้ จะกลัวอะไรกับแค่คำพูดของฉัน ? เวลาที่ต้องการ ทั้งลูกสาวและลูกเขยพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย คนที่พึ่งพาได้ก็มีเพียงหลานชายคนเดียว !”
“สภาพร่างกายหนูปรับตัวกับที่นั่นไม่ได้ ตอนอยู่ที่อเมริกาก็เอาแต่อาเจียนและท้องเสีย สิงหาเขาก็งานยุ่ง เรื่องพวกนี้แม่ก็รู้ดีทุกอย่าง ทำไมต้องมาโมโหด้วย ”
“งานยุ่ง ? ฉันว่ารอให้ฉันตาย ไม่แน่สิงหาก็คงไม่ว่างมางานศพของฉันด้วยล่ะมั้ง !”
เมื่อคำพูดที่มีน้ำโหสิ้นสุดลง คุณหญิงมัทนาก็วางสายไปทันที
สุนันท์ก็นั่งอยู่กับที่อย่างจนใจ เธอรู้ว่าแม่ของเธอเป็นห่วงสุขภาพของออกัสมาก จากนั้น ก็จึงได้ให้ป้าบัวออกไปข้างนอกกับเธอ ไปซื้อพวกอาหารเสริมและของบำรุง
ในอีกฟากหนึ่ง
ไกรวิทย์มองไปยังคุณหญิงมัทนาที่หายใจหอบด้วยอารมณ์โมโห ใบหน้าที่น่าเกรงขามของเขาก็ทำอะไรไม่ถูก เอื้อมมือไปและตบไปที่หลังมือของเธอ เพื่อให้เธออารมณ์เย็นลง“จะทำแบบนี้ไปทำไม ให้ตัวเองมานั่งอารมณ์เสียอยู่แบบนี้ ”
“นอนไม่ได้สติอยู่นานขนาดนั้น ลูกเขยไม่เคยไปดูเลยครั้งเดียว จะไม่ให้ฉันโกรธได้ยังไง ? ”
“เอาเถอะพอแล้ว อย่าโมโหจนเสียสุขภาพไปเลย ร่างกายของคุณภรรยาเพิ่งจะดีขึ้น หากต้องอารมณ์เสียจนล้มป่วยไปอีก สามีอย่างฉันต้องปวดใจแน่ๆ!”
ในช่วงที่เธอนอนหมดสติ ไกรวิทย์ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เห็นเธอที่นอนไม่ฟื้นสักที เขาก็รู้สึกชีวิตของเขานั้นว่างเปล่าไปกว่าครึ่ง
“อายุก็ปูนนี้แล้ว ทำไมยังชอบพูดอะไรที่มันน่าขนลุกแบบนี้อีก” หัวหน้ามัทนาควบคุมลมหายใจของตัวเองให้สงบ เธอแค่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยก็เท่านั้น
แม่ยายป่วยหนัก นอนอยู่บนเตียงมานานกว่าหนึ่งปี แต่ในฐานะลูกเขย ไม่เคยไปเยี่ยมเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ลูกสาวยังมาพูดแก้ต่างให้ลูกเขยอีก จะไม่ให้เศร้าเสียใจได้ยังไง ?
หลายปีมานี้ สิงหาก็ดูจะแย่ลงขึ้นทุกวัน……
......
บรรยากาศในรถก็ดูจะยิ่งอุดอู้ ไม่มีใครพูดอะไร ซารางหันซ้าย แล้วหันขวา รู้สึกเพียงอึดอัดมาก
ทำไมหม่ามี๊กับคุณอานิสัยไม่ดีถึงไม่คุยกันเลย ?
“หม่ามี๊ ทำไมไม่คุยกับคุณอาเลย ? ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ออกัสก็หันมา แล้วมองไปยังเชอร์รีน จ้องเธอเขม็ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง