ฝ่ามือเขาร้อนผ่าว ร้อนจนทำให้ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก จนรู้สึกหวาดหวั่นบ้าง
หลังจากผ่านไปนาน หัวใจที่เต้นโครมครามของเชอร์รีนค่อยๆ สงบลงเรื่อย ๆ พลันเริ่มพูดเน้นย้ำทีละคำ “ทำไมคุณอยากจะแต่งงานกับฉัน?”
เธอไม่ใช่เด็กสาวอายุ 18 ปี ที่อยู่ท่ามกลางนิทานเทพนิยายอันปกคลุมไปด้วยความรักอันสวยงาม
เขามีอำนาจและทรัพย์สินมากมาย สามารถบังคับดินฟ้าอากาศใน เมืองsได้ เธอเป็นแค่คุณครูธรรมดาทั่วไปก็เท่านั้น ทั้งสองคนเจอหน้ากันไม่ถึง 5-6 ครั้งด้วยซ้ำ
แถมยังพูดคุยกันจริงจังแค่เพียงครั้งเดียว นั่นก็คือคืนที่ทั้งสองคนดื่มเหล้าจนเมาหยำเป และหลับนอนกันอย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว
แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว เขาก็หลงใหลในร่างกายของเธอแล้วเหรอ?
เป็นไปไม่ได้! แค่ตัวเธอคิดเองยังรู้สึกตลกเลย!
เช่นนั้น ทำไมเขาต้องการแต่งงานกับเธอ?
เมื่อเงียบงันอยู่เพียงพริบตาเดียว บุหรี่ที่อยู่กั้นกลางปลายนิ้วของเขายังคงกะพริบยังไม่ดับลง เขาเผยอริมฝีปากบาง จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเฉยเมยไร้ความรู้สึก
“มีเหตุผลแบบนั้น ผมต้องการหาคนมาแต่งงานด้วย ส่วนคุณ ผมก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว...”
เมื่อหันไปสบตากับดวงตาดำขลับอันลึกซึ้งของเขาแล้ว เชอร์รีนกลับรู้สึกว่ามีความโดดเดี่ยวอ้างว้างฉาบบางๆ วนอยู่ในนั้นด้วย และยังมีอารมณ์อันสับสนที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
รอจนเธอวิเคราะห์ซ้ำอีกครั้ง ออกัสกลับยอมปล่อยมือเธอแล้ว แววตาอันสงบนิ่ง น้ำเสียงสุขุมทุ้มต่ำแต่เชือดเฉือน “ให้เวลาคุณหนึ่งคืน พรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบกับผม ถ้าตกลง ก็เอาทะเบียนบ้านกับบัตรประชาชนมาด้วยเพื่อไปจดทะเบียนพร้อมกัน ถ้าไม่ตกลง ผมก็ไม่ได้บีบบังคับคุณ แต่ต้องไปโรงพยาบาล...”
“…” เชอร์รีนดำดิ่งสู่ความเงียบงัน เธอต้องคิดให้รอบคอบกับเรื่องนี้จริงๆ
“ยังมี” เขาเว้นระยะพูด เพื่อแสดงเจตจำนงให้เธอ “อย่าคิดหนี อย่าทำเลยเพราะมันไร้ประโยชน์ที่สุด มันเท่ากับเปลืองแรงอย่างสิ้นเชิง”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไป เหลือแค่เงาของร่างกายที่ทอดยาวตามหลังเท่านั้นเอง
มัวแต่คิดหนีให้รอดชีวิตตลอดทั้งวัน แต่กลับมาโดนประโยคนี้ย้ำขึ้นในตอนนี้ ตั๋วรถไฟของเธอก็ยังทำเรื่องคืนเงินไม่ทันเลยด้วยซ้ำ แถมเสียค่าตั๋วไปฟรีๆ
เชอร์รีนลากกระเป๋าเดินทางที่อัดแน่น พร้อมทั้งกลับมายังโรงเรียนด้วยความคิดอย่างหนักหน่วง
ตกดึก
เชอร์รีนกำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่จนเองวางเอาไว้บนโต๊ะ แต่ความคิดที่อยู่ในใจราวกับมีภูเขาลูกใหญ่กำลังทับอยู่ในนั้น
เรื่องมันพัฒนาจนเลยการคาดเดาไปแล้ว ซึ่งเผลอแวบเดียวมันอยู่เหนือการควบคุมของเธอไปแล้ว
การแต่งงาน เธอเองก็เคยคิดมาก่อน ทว่าการแต่งงานกับออกัส ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยคิดมาก่อนเลย!
เขาไม่ได้พูดล้อเล่น ส่วนเธอเองก็ต้องการเก็บลูกคนนี้เอาไว้จริงๆ ราวกับ คำแนะนำของเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการเรื่องนี้แล้ว
เธอซดน้ำซุปบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปร้อนๆ ไปด้วย และคิดเตลิดไปเรื่อยเปื่อย แต่คำพูดอันสุขุมถือว่าเป็นการตักเตือนทางอ้อมของเขาเช่นนี้กลับคอยดังกล้องอยู่ข้างหู
ผมต้องการหาคนมาแต่งงานด้วย ส่วนคุณ ผมก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร เป็นคนเหมาะสมที่สุดแล้ว...
จนหัวใจมันเริ่มผิดจังหวะ เชอร์รีนส่ายหน้าไปมา และพูดรำพึงรำพันกับตนเอง “การแต่งงานสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่แสนธรรมดามาก แค่ไม่รู้สึกรังเกียจกัน ก็แต่งงานกันได้...”
เธอนึกว่าการแต่งงานแม้ทั้งสองคนจะไม่ได้ผูกสมัครรักใคร่กันจริงๆ แต่อย่างน้อยระหว่างคนสองคนก็ต้องมีความรู้สึกกันอยู่บ้าง
แน่นอนว่า มุมมองทฤษฎีของเขามันง่ายดายกว่าเธอเยอะ....
แต่ เธอกลับรู้สึกว่าแววตาของเขากลับแสดงอารมณ์อันสับสนและซับซ้อนปะปนอยู่ลึกๆ แต่กลับมองไม่ออก...
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ท้องฟ้ายังคงขมุกขมัว เสียงลมหนาวพัดต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไหวไปตามลม น้ำเย็นยิ่งยวดควบแน่นกับฝุ่นในอากาศจนเป็นผลึกน้ำแข็งและโปรยปรายลงมา เพิ่มความหนาวเหน็บมากขึ้น
รถยนต์แลนด์โรเวอร์สีดำจอดอยู่ใต้ตึกผู้อาศัยทั่วไป ข้างตัวรถยนต์กลับมีก้นบุหรี่หล่นอยู่จำนวนไม่น้อย ซึ่งหมายความว่ารออยู่สักพักแล้ว
“เมื่อก่อนฉันไม่เคยกลัวคุณเลย ก็แค่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณเท่านั้นเอง” เชอร์รีนตอบตามความเป็นจริง
เขาเหลือบตามองเธออยู่ชั่วครู่ และยื่นฝ่ามือใหญ่ออกไป “ผมให้คุณเอาทะเบียนบ้านกับบัตรประชาชนมาด้วย”
เชอร์รีนไม่ชอบน้ำเสียงที่เด็ดขาดและความมั่นใจของเขาเลย ทำเหมือนว่าตนเองเป็นเหยื่อที่อยู่ในมือของเขา แทบไม่สามารถหลุดหนีออกไปได้ เธอย่นคิ้ว และเหลือบมองเขา และจงใจพูดกระแนะกระแหนใส่ “คุณมีสิทธิ์อะไรที่มั่นใจว่าฉันจะตอบตกลงกับคุณ?”
“ถ้าไม่ตอบตกลง คุณก็คงนอนต่อ...” มุมปากเขาฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางค่อยๆ หรี่ตาอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกของเธอมันแสดงออกมาทางสีหน้าแล้ว ยังต้องไปคาดเดาอีกเหรอ?
จากนั้น ก็หยุดพูดเว้นระยะเอาไว้ และค่อยพูดต่อ “ยังมี ผมทำตัวสบายขนาดนั้น ยังกล้ามาแผลงฤทธิ์ต่อหน้าผมอีก…”
เชอร์รีนตกใจ จนไม่สามารถพูดต่อกรได้ ทำไมคนคนนี้ถึงได้เฉียบแหลมอ่อนไหวง่ายเฉกเช่นสัตว์ป่านะ?
เธอไม่พอใจ ไม่มีความสุข จากนั้นก็เอาทะเบียนบ้านกับบัตรประชาชนยื่นให้เขาอย่างไม่สบอารมณ์
จากนั้นก็สตาร์ทรถ รถแลนด์โรเวอร์สีดำถอยรถออกจากลานจอดรถ และเคลื่อนตัวออกไปทางด้านหน้า
เธอนั่งอยู่เบาะด้านหลัง พร้อมทั้งมองออกไปนอกกระจกรถ มือทั้งสองข้างประสานกัน มันรู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง ว่าตกลงแล้วการเลือกแบบนี้มันถูกหรือผิดกันแน่?
แต่เรื่องมันมาพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมต้องหวนคิดเรื่องอีกเยอะแยะด้วย?
การเลือกเดินหน้าไปอย่างช้าๆ ต่อไปถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นค่อยคิดกันใหม่แล้วกัน
รถยนต์เคลื่อนตัวทะยานไปทางด้านหน้าอยู่สักพัก แววตาของออกัสก็กวาดตามองมุมปากของเธอ และขยับริมฝีปาก และถามเธอกลับ “คุณมั่นใจนะว่าจะไปสำนักงานเขตในสภาพหน้าตาแบบนี้?”
เธอกลับไม่รู้ตัวถึงความผิดปกติที่อยู่บนใบหน้าของตนเอง พลันย่นคิ้วหากัน และตอบกลับอย่างเย็นชา “สภาพหน้าตาแบบไหน? ตอนนี้ประธานออกัสเพิ่งจะมาคำนึงถึงเรื่องหน้าตา มันไม่สายไปหน่อยเหรอ?”
“คุณครูเชอร์รีนเองก็ไม่ติดขัดอะไร ผมก็ไม่มีเหตุผลติดขัดอยู่แล้ว...” น้ำเสียงของเขาสุขุมทุ้มต่ำ และไม่ได้มีความรู้สึกอะไร กับการที่เธอฟาดงวงฟาดงาใส่จนเกินควร
แต่เชอร์รีนเพิ่งจับใจฟังความหมายที่อยู่ในประโยคนั้นของเขาได้ แต่ไม่เข้าใจ “ตกลงว่าคุณหมายความถึงอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง