ทันใดนั้น เธอก็ลุกขึ้น วางตะเกียบในมือลง แล้วลุกจากโต๊ะไป
“หยาดฝน เราจะไปไหน?”สุนันท์มองการกระทำที่หุนหันของเธออย่างสับสน
“หนูมีธุระ จะออกไปข้างนอกสักหน่อย ไม่มีกินอาหารเช้าด้วยแล้วนะคะ”วิ่งขึ้นไปชั้นบน เสียงของเธอก็ดังแว่วมา
ที่สนามบิน
ออกัสอุ้มซาราง เดินไปในห้องโถง ผู้ช่วยเตโชไปรับตั๋วเครื่องบิน และเขาก็กำลังรอ
เมื่อหันมองไป ก็บังเอิญเห็นหัสดินกับยู่ยี่จากที่ไกลๆเดินใกล้เข้ามา คิ้วที่เรียวยาวของเขาก็เลิกขึ้น
“คุณชายออกัส”ในมือของหัสดินมีกระเป๋าเดินทาง ดวงตาคู่คมยิ้มอย่างสดใส“ตอนนี้เลื่อนขั้นเป็นพ่อคนแล้ว อุ้มลูกนี่ จะไปไหนกันครับ?”
“เมืองทะเลหทัย พวกคุณล่ะ?” ออกัสคลายมือ ให้ยู่ยี่อุ้มซารางออกไปจากแขน
ซารางกับยู่ยี่ก็ค่อนข้างจะสนิทกันมาก สองมือเล็กๆโอบไปที่ลำคอของยู่ยี่ หอมไปที่แก้มของเธอ แล้วเอ่ยเรียกุณน้ายู่ยี่
“ช่วงนี้ที่บริษัทกำลังจะมีโครงการใหม่ เลยจะไปที่ซานไบล์สักหน่อย ช่วงนี้สุขภาพของเธอไม่ค่อยจะแข็งแรง ก็เลยไม่ได้ไปด้วย วันนี้จึงมาส่ง ”
ทั้งสองก็พูดคุยกันอยู่อีกสักพัก ในตอนนี้ ผู้ช่วยเตโชกลับมาพร้อมตั๋วเครื่องบิน เสียงตามสายก็ประกาศให้เช็กอินได้ กล่าวทักทายกันเสร็จ ออกัสก็อุ้มซารางมา แล้วจากไป
ยู่ยี่ยังคงโบกมือให้กับซาราง ใบหน้ายิ้มแย้ม ละมุน และเปี่ยมล้นไปด้วยความอ่อนโยน
“ที่รัก ส่งแค่นี้ก็พอ จะขึ้นเครื่องแล้ว มา ขอกอดหน่อย ”หัสดินยื่นมือมา ดึงร่างยู่ยี่มาไว้ในอ้อมแขน
“ไปเถอะค่ะ ดูแลตัวเองนะ ” ยู่ยี่ยกยิ้ม ดันร่างเขาออก“ เหมือนจะเริ่มตรวจสัมภาระก่อนขึ้นเครื่องแล้ว ไปเถอะค่ะ”
โน้มตัวลง หัสดินก็หอมไปที่แก้มของยู่ยี่ จากนั้นก็เดินไปยังจุดตรวจสัมภาระ
ยู่ยี่ยืนอยู่ที่เดิม มองดูเขาเดินผ่านจุดตรวจนั้น โบกมือแล้วส่งยิ้มให้ รอจนร่างนั้นหายลับไป เธอก็หันหลัง และออกจากสนามบินไป
ปล่อยวางเรื่องเก่าๆของเขาลง ไม่เก็บมันเอามาคิด และไม่มีท่าทีเย็นชากับเขาอีก ไม่ทำตัวเหมือนเม่นที่พองขนให้ตั้งชันเพื่อกันเขาออก ชีวิตในตอนนี้ ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน
แม้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเธอจะยังลืมมันไม่ได้ แต่ก็จะพยายามควบคุมตัวเอง ไม่หยิบยกเอามาเป็นเครื่องมือและต่อว่าอีกฝ่ายทุกครั้งที่มีปากเสียงกัน ทำให้ทั้งสองคนต้องมาเจ็บปวดราวกับมีหนามคอยทิ่มแทงไปทั่วร่างอีก
บนเครื่องบิน
เก็บกระเป๋าเดินทางเข้าที่เรียบร้อย หัสดินก็ล้มตัวลงอย่างเกียจคร้าน ราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรออก โทรไปยังหมายเลขหนึ่ง
“ขึ้นเครื่องหรือยัง”?”
“ขึ้นแล้ว กำลังจะบิน คุณล่ะ”เสียงของเรนนี่ อ่อนโยนและตราตรึงใจมาก
“ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเครื่อง นีนี่ไหน เรียกพี่ ให้ผมฟังอีกครั้งสิ”เขาเน้นคำพูด น้ำเสียงเบา และคิดถึงคำนี้จริงๆ มีความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ถูก
เรนนี่รู้สึกรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน พอที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งระทวยได้ “พี่ค่ะ……”
หัสดินหรี่ตาลงเมื่อได้ยินมัน จากนั้นก็จึงพูดขึ้นว่า“เราไปฮีทนาร์หาที่พักก่อน รอผมจัดการธุระที่ซานไบล์เสร็จ จะบินไปหาเราที่ฮีทนาร์”
“ฉันไปซานไบล์ด้วยไม่ได้เหรอคะ ? ฉันเบื่อที่จะเที่ยวคนเดียวแล้ว มันเหงา”
“เด็กดี ซานไบล์มีนักข่าวเยอะเกินไป ที่นั่นมันไม่เหมาะ แค่ไม่กี่วันเอง รอไม่ไหวแล้วเหรอ?”
เรนนี่เป็นคนว่าง่าย และรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อหน่ายและรังเกียจ“ก็ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรอคุณที่ฮีทนาร์นะคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง