ทั้งที่รักมาก แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจและเบื่อหน่าย ไม่มีใครรู้ว่าเธอในตอนนั้นจะเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังมาเกลียดเธออีก
จริงดั่งว่า ออกัสไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ความรู้สึกผิดต่อหยาดฝนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น
“เรื่องพวกนี้ฉันไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ แต่ตอนนี้มันก็เป็นอดีตไปแล้ว ต่อให้จะหยิบยกขึ้นมาพูดอีก ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ หากตอนนั้นเธอเลือกที่จะพูดความจริงกับฉัน เรื่องทุกอย่างคงไม่ลงเอยแบบทุกวันนี้ ในเมื่อเปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้ คนที่ต้องเจอยังไงมันก็ต้องเจอ คนที่ควรรักมันก็จะรัก นี่คือโชคชะตา……”
ระหว่างที่พูด เขาก็กำมือเรียวเล็กไว้ในฝ่ามือแน่น เพื่อให้เธอได้สัมผัสถึงไอความร้อนที่แผ่ซ่านออกมา
คำพูดแบบนี้ เชอร์รีนไม่เคยได้ยินออกัสพูดมันมาก่อน และไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากปากของเขา นี่เป็นครั้งเดียว และครั้งแรก
ใจที่สงบนิ่งก็ราวกับถูกก้อนหินก้อนหนึ่งโยนลงมา จากนั้นก็เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ กระทบเข้ามาที่หัวใจของเธออยู่ซ้ำๆ
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะพูดคำพูดเหล่านี้กับหยาดฝน หัวใจที่ร้อนรุ่ม ก็อ่อนลง และอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย
สีหน้าของหยาดฝนก็แปรเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน ความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบายได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เธอแน่นิ่ง เจ็บปวด และรู้สึกโกรธ!
เธออยากจะกรีดร้องตะโกนเสียงดัง เพื่อระบายความโกรธ ความเกลียด ความคับแค้นใจ และความเจ็บปวด ในใจของเธอออกมาให้หมด
แต่ว่า เธอกลับส่งเสียงไม่ออก ได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงนั้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งค้าง ขยับเคลื่อนไหวแทบไม่ได้
ถูกกดขี่ข่มเหงมานานหลายปี และเฝ้ารออีกกว่าสี่ปี สุดท้ายเธอได้อะไร ?
“คุณกลับไปก่อน เดี๋ยวผมจะไปหาซาราง……”ละสายตาออกไป ออกัสออกแรงบีบไปที่มือของเธอ จากนั้นก็คลายมันออก
“ค่ะ”เชอร์รีนพยักหน้า สีหน้าอ่อนโยนลงไปมาก ลุกขึ้นยืน และออกจากร้านกาแฟไป
นั่งอยู่กับที่โดยไม่ขยับไปไหน หยาดฝนฟุบลงที่โต๊ะกาแฟ ศีรษะฝังลงกับแขนทั้งสองข้าง หัวไหล่บางๆก็สั่นไหวเบาๆไม่หยุด
ภายในใจรู้สึกปวดใจไปด้วยเล็กน้อย ออกัสลุกขึ้น ยกฝ่ามือใหญ่ขึ้น แล้ววางไปที่แผ่นหลังของเธอ“ ฉันจะส่งเธอกลับเมืองs ”
ไม่มีเสียงตอบรับ เธอยังคงไม่ขยับเคลื่อนไหว นั่งอยู่กับที่ ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง เสียงถอนหายใจต่ำๆ ร่างที่เรียวยาวก็โน้มตัวลง เขาช้อนร่างเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว เดินออกไป ไปยังโรงแรมห้าดาวในตัวเมืองของเมืองทะเลหทัย
นอนอยู่บนนั้น ผมเผ้าของหยาดฝนยุ่งเหยิงไปหมด เธอหลับตา และยังคงไออยู่เป็นระยะ ผ้าห่มคลุมโปงศีรษะไว้อย่างมิดชิด ไม่แม้แต่จะปล่อยให้อากาศได้เข้าไปได้ เธอเป็นคนสวย และสง่างาม แต่ในตอนนี้กลับสิ้นสภาพ และทุกข์ระทม
ไม่วางใจกับสภาพอารมณ์ในตอนนี้ของเธอ ออกัสไม่ได้จากไป แต่กลับนั่งอยู่ที่โซฟา
เดินขึ้นไปยังชั้นบน เชอร์รีนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อดคิดถึงคำพูดที่ชายหนุ่มพูดในร้านกาแฟเมื่อครู่ไม่ได้
เงยหน้าขึ้น ก็เห็นองค์ชายที่รออยู่ตรงหน้าประตูห้อง ด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล หัวใจของเธอสั่นสะท้าน ค่อยๆหลับตาลง ควบคุมอารมณ์ที่ปั่นป่วนนั้นเอาไว้
เดินใกล้เข้ามา เธอพูดว่า “ ทำไมยังไม่กลับห้องอีก?”
สายตาขององค์ชายจ้องไปที่ริมฝีปากที่ถูกกัดและบวมของเธอ ชะงักเล็กน้อย แต่ก็กลับคืนสภาพปกติในทันที “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ยกมือขึ้น เชอร์รีนเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าทัดเข้าไปที่ใบหู ในใจรู้สึกละอาย“ ไม่เป็นไร ไปเถอะ เข้าห้องกัน ”
ขณะที่พูด มือของเธอก็จับไปที่รถเข็น ซารางถือนมเปรี้ยวแล้วมองมา มองมาที่ริมฝีปากของหม่ามี๊ น้ำเสียงใสๆของเธอพูดว่า“หม่ามี๊ ปากไปโดนอะไรกัดมาหรือเปล่า ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ร่างของเชอร์รีนก็แข็งทื่อ แล้วหันไปหาองค์ชายตามสัญชาตญาณ แต่องค์ชายก็ราวกับไม่สนใจ ยื่นมือไปแล้วกอดซารางเอาไว้“คิดถึงคุณอาองค์ชายบ้างหรือเปล่าหืม?”
“คิดถึง คิดถึงคุณอาองค์ชายมากๆเลย”ศีรษะเล็กๆของซารางก็พยักหน้าให้ราวกับไก่จิกข้าวเปลือก
หัวเราะเสียงดัง องค์ชายยื่นมือแล้วบีบไปที่จมูกเล็กๆของเธอ“ ดีมาก ไหน ซารางเรียกแด๊ดดี้ก่อน”
ซารางเม้มริมฝีปาก สักพัก ก็จึงเรียก“แด๊ดดี้”ออกมา
เมื่อได้ยินคำว่าแด๊ดดี้ เชอร์รีนก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย เดินเข้าไปในครัว เพื่อเตรียมอาหารค่ำ องค์ชายกำลังเล่นกับซารางที่ห้องนั่งเล่น และมีเสียงหัวเราะคิกคักดังมาเป็นระยะ
ในระหว่างที่กำลังทานอาหารค่ำ พนักงานที่ร้านเวดดิ้งก็โทรเข้ามา แจ้งเรื่องให้ไปลองชุดแต่งงานได้ในวันพรุ่งนี้
เชอร์รีนรับคำ แล้ววางสายไป ซารางเองก็ได้ยินเช่นกัน ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยความตื่นเต้น“หม่ามี๊จะไปใส่ชุดแต่งงานใช่ไหมคะ ? หนูไปด้วย!”
“กินข้าวก่อน วางนมเปรี้ยวไว้ข้างๆ กินข้าวเสร็จแล้ว ค่อยกินนมเปรี้ยวนะ”เห็นเธอมือหนึ่งถือนมเปรี้ยว อีกมือถือซาลาเปา เชอร์รีนก็ขมวดคิ้ว
หัวเราะแหะๆ ซารางวางนมเปรี้ยวลงบนโต๊ะ แล้วถือซาลาเปาขึ้นมา
หลังจากนั้น องค์ชายก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมเอกสารให้กับทางฝั่งเมืองs ซารางเองก็ทำการบ้าน และเชอร์รีนก็กำลังล้างถ้วยชาม
เหนื่อยมากจริงๆ ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มกับการถ่ายรูป ฟ้ายังไม่สว่างก็ออกเดินทาง ทั้งแต่งหน้า ทำผม และเปลี่ยนเสื้อผ้า มันทำให้รู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ
ทรุดตัวลง เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า แต่ในหัวก็กลับมีภาพของพวกเขาสามคนในร้านกาแฟเมื่อช่วงบ่าย ทั้งบทสนทนา และทุกๆคำพูด
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความง่วงงุนก็หายลงไปไม่น้อย นั่งอยู่ตรงนั้น สภาพเธอเหม่อลอยดูไม่มีสติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง