“คุณเป็นคนซื่อสัตย์มาก ไม่พูดโกหก การปฏิบัติตัวของคุณผมไม่เคยมีความเชื่อมั่นขนาดนี้มาก่อนเลย บอกคำตอบกับผมนะครับ ผมต้องการได้ยินคำตอบจริงๆที่อยู่ในใจของคุณ....”
มือทั้งสองข้างของยู่ยี่ปล่อยจากท้อง หลังพิงกับพนักพิงเบาะที่อยู่ทางด้านหลัง : “คุณฉันทัชกำลังทำให้ทางหนีทีไล่ของฉันตันนะคะ!”
“เปล่านี่ครับ ผมกำลังชื่นชมศีลธรรมที่โดดเด่นของคุณ ซื่อสัตย์....”เขาอยู่ห่างจากเธอไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ลมหายใจที่แพร่ออกมาจากรอบๆตัวเขาโอบล้อมเธอเอาไว้
เธอไม่ใช่คนที่พูดโกหกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อน หรือตอนนี้
เธอคิดอยู่เล็กน้อย ยู่ยี่กัดริมฝีปากตัวเอง : “ฉันรู้สึกดีกับคุณฉันทัชจริงๆค่ะ”
ริมฝีปากบางของฉันทัชยกขึ้น ใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้นอ่อนโยน ดวงตาที่ลึกซึ้งเปล่งประกายออกมาภายใต้แสงไฟบนถนน
ถูกเขาจ้องมองแบบนี้ ยู่ยี่ใบหน้าแดงและหัวใจเต้นแรงขึ้น พลางรีบเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง : “ผู้ชายแบบคุณฉันทัช เพียงแค่เป็นผู้หญิงก็ล้วนจะมีความรู้สึกดีทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ฉันเองก็มีความรู้สึกดีที่บริสุทธิ์ใจด้วยเหมือนกัน”
“แบบนี้ก็เพียงพอแล้วครับ....”เขาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง : “เรามาลองเดินตามความรู้สึกที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ลองคบกันดูไหมครับ?”
กระดาษชั้นนั้นที่ไม่เคยถูกเจาะขาดมาก่อนนั้นถูกเจาะจนขาดแล้ว หัวใจของยู่ยี่เต้นแรง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ หน้าอกก็ขึ้นลงไปตามนั้นด้วย
“ผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะทำตามอารมณ์ ประโยคนี้พูดออกมาได้นั่นก็แสดงออกถึงอะไรในใจของผมชัดเจนและเข้าใจดี ความกังวลเหล่านั้นในใจของคุณที่มีต่อผมไม่จำเป็นจะต้องมีเลยครับ ผมอายุสามสิบเจ็ด ไม่ใช่ยี่สิบเจ็ด แล้วก็ยิ่งไม่ใช่แค่สิบเจ็ดด้วย ส่วนความรู้สึกที่ทำร้ายคุณให้คุณต้องรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงช่วงนั้น สิ่งที่คุณควรทำก็คือลืมมันไปซะ ไม่ใช่จะเก็บมันอยู่ในใจต่อไปแบบนี้ คุณอายุยังน้อยเพิ่งจะยี่สิบเจ็ด เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะอยู่คนเดียวไปจนแก่ตลอดไปแบบนี้ ก็ยังต้องได้สัมผัสกับเรื่องของความรักอีกในที่สุดอยู่แล้ว ในเมื่อเกิดความรู้สึกดีๆในใจขึ้นมาแล้ว ทำไมจะมาลองไปกับผมไม่ได้ล่ะครับ?”
ดวงตาที่ลึกซึ้งของฉันทัชมองต่ำลงเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยน เอ่ยพูดขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้เข้าถึงอารมณ์
ทุกๆประโยคที่เขาเอ่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ราวกับกำลังปลุกปั่นหัวใจของเธอ อัตราความถี่ของหัวใจที่กำลังเต้นอยู่นั้นยิ่งเต้นเร็วขึ้น และยังมีความรู้สึกคอแห้งอีกแล้ว
“ฉันขอคิดดูก่อนนะคะ รอให้ฉันคิดดีแล้ว ฉันจะให้คำตอบกับคุณ”ซักพักหนึ่ง ยู่ยี่จึงเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“โอเคครับ....”
เธอห่อหุ้มตัวเองด้วยเสื้อคลุมยืนอยู่ใต้แสงไฟบนถนน มองดูมือใหญ่ข้อชัดเจนวางอยู่บนพวงมาลัย หมุนไปทางซ้ายเบาๆ แล้วขับออกไป
ยู่ยี่กลับมาถึงห้อง ห้องไม่ใหญ่นัก สองห้องกับหนึ่งห้องโถง แต่สำหรับคนหนึ่งคนนั้น เวลานี้ยังดูกว้างไปอย่างเห็นได้ชัด
ในห้องรับแขกนั้นเงียบมาก มีเพียงแค่เสียงหายใจของเธอที่กำลังสะท้อนกลับมาเบาๆ อยู่คนเดียวเต็มไปด้วยความเหงา โดดเดี่ยว
คุณอายุยังน้อยเพิ่งจะยี่สิบเจ็ด เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะอยู่คนเดียวไปจนแก่ตลอดไปแบบนี้ ก็ยังต้องได้สัมผัสกับเรื่องของความรักอีกในที่สุดอยู่แล้ว
ประโยคนี้ของเขาพูดถูก เธออายุยี่สิบเจ็ด เส้นทางของชีวิตยังเดินไปไม่ถึงครึ่งเลย ในเมื่อความรักทำให้เธอต้องเจ็บลึกมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เชื่อในความรักอีก แต่ต่อไปก็ยังคงเลือกที่จะแต่งงานอยู่ดี
รอจนถึงตอนนั้นการเลือกแต่งงานอีกครั้ง บางทีอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับความรัก เพียงแต่อยากจะหาใครซักคนที่มาใช้ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งไปด้วยกันอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความรัก
ในเมื่อเกิดความรู้สึกดีๆในใจขึ้นมาแล้ว ทำไมจะมาลองไปกับผมไม่ได้ล่ะครับ?
ทุกคำพูดทุกประโยคที่พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำกระทบอยู่ในหัวใจของเธอ ดังก้องไม่หยุด เขามีความสามารถในการที่จะทำให้รู้สึกมอมเมาได้จริงๆ....
วันรุ่งขึ้น
ยู่ยี่ตื่นสาย บนถนนก็มีรถติด ถึงบริษัทช้าไปสามสิบนาที
เธอค่อยๆเดิน แล้วเข้าไปในออฟฟิศอย่างเงียบๆ แต่กลับเห็นว่าพนักงานทั้งหมดของออฟฟิศยืนอยู่ตรงนั้น ผู้จัดการกำลังเอ่ยพูดด้วยสีหน้าท่าทางแห่งความดีใจ น้ำลายฟุ้งไปหมด
ยังดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ ยืนอยู่ทางด้านหลังสุด เธอเองก็ฟังอยู่ด้วยเช่นกัน
“ทุกคนรู้กันแล้วว่าแผนกของเราคืนนี้จะไปร่วมรับประทานอาหารกับคุณฉันทัช นี่เป็นเกียรติกับแผนกของพวกเรามาก ตอนช่วงบ่ายทุกคนไม่ต้องไปไหนนะ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวนั่งรถไปที่โรงแรมด้วยกัน”
“ผู้จัดการคะ โรงแรมระดับสามดาวหรือห้าดาวคะ?”
“ผู้จัดการคะ ผู้จัดการจ่ายหรือว่าพวกเราต้องรวมเงินกัน?”
ได้ยินแล้ว ผู้จัดการก็เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ : “บริษัทเลี้ยง แล้วก็ ยี่มาที่ออฟฟิศหน่อย”
ยู่ยี่รู้สึกว่าไม่มีเรื่องดี เธอเดินเข้าไป และเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ คำถามของผู้จัดการก็ทิ้งออกมา คุณฉันทัชชอบทานอาหารรสชาติแบบไหน ชอบเหล้ายี่ห้ออะไร
คิ้วของเธอกระตุกขึ้น : “ผู้จัดการคะ ฉันไม่รู้จริงๆค่ะ ฉันกับคุณฉันทัชเรารู้จักกันผิวเผินจริงๆ”
ผู้จัดการไม่ได้ฟังว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่เลย แล้ววางเมนูของที่โรงแรมนั้นลงตรงหน้าเธอ : “มา ยี่ลองเมนูอาหารดู”
ในใจของผู้จัดการได้กำหนดไปแล้วว่าความสัมพันธ์ของเธอกับฉันทัชนั้นไม่ได้เบาบาง กับคำพูดของเธอที่พูดออกมาแบบนั้น ผู้จัดการมองเป็นอากาศไปทั้งหมดแล้ว
กัดด้ามปากกา ผู้จัดการนั่งอยู่ตรงข้าม ยู่ยี่มองต่ำแล้วเหลือบมองผู้จัดการ หลังจากนั้นด้ามปากกาก็ขีดเขียนลงบนเมนูอย่างรวดเร็ว อืม ที่เธอสั่งนั้นล้วนแต่เป็นอาหารที่ตัวเองชอบทั้งสิ้น
ออกมาจากออฟฟิศ เธอนั่งลงที่โต๊ะแล้วเริ่มยุ่งเรื่องงานต่อ ดูแล้วมาอยู่ที่บริษัทก็เป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว ทางหัวหน้าบอกว่าวันนี้เงินเดือนออก
ที่เธอทำนั้นคือบัตรธนาคาร ตอนช่วงกลางวันที่ทานข้าวอยู่นั้นก็มีข้อความส่งมา เตือนเธอว่าเงินเดือนเข้าบัญชีแล้ว
ตั้งแต่เธอออกมาจากมหาวิทยาลัยหลายปีขนาดนี้ นี่เป็นเงินก้อนแรกที่เธอหามาได้ด้วยตัวเอง ไม่กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะแล้ว ในใจของเธอนั้นรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง