ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 613

สรุปบท บทที่ 613 ฉันไม่เชื่อหรอก: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

อ่านสรุป บทที่ 613 ฉันไม่เชื่อหรอก จาก ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง โดย candy cat

บทที่ บทที่ 613 ฉันไม่เชื่อหรอก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย candy cat อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนเขาพูดเหตุผลอยู่ด้วยกัน เธอไม่มีการตอบสนอง ไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น

ทว่าประโยคสุดท้ายตะเกียบในมือพนาวันก็ชะงักค้าง เกิดประกายแสงแวบผ่านดวงตา ซึ่งสว่างเจิดจรัสยิ่ง ทว่าก็หายไปในเสี้ยววินาทีต่อมา

ถ้าเมื่อก่อนเขาพูดเช่นนี้ เธอต้องซาบซึ้งกินใจและรู้สึกรื่นรมย์ใจแน่

ทว่าตอนนี้……

เสียดายบนโลกนี้ไม่มีคำว่า ถ้า

“ผมรู้ว่าคุณยังติดใจเรื่องผมจะฆ่าคุณในห้องหนังสือ มันไม่ใช่เจตนารมณ์ของผมเลย ตอนนั้นอารมณ์ผมปั่นป่วน ผมควบคุมตัวเองไม่ได้”

“หมอบอกว่าผมป่วยทางจิต คุณรู้แต่ว่าดาหวันตายแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตายยังไง”

อาคิระลุกขึ้นนั่งขอบเตียง และสบตากับเธอ

เขาจ้องมองเธอ ก่อนจะเล่ารายละเอียดการตายของดาหวันให้เธอฟัง

พนาวันฟังแล้วก็กำตะเกียบในมือไว้แน่น ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย

ผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งต้องจบชีวิตด้วยสภาพเช่นนั้น ช่างน่าเวทนาและวังเวงมาก

เธอสวยขนาดนั้น แต่กลับต้องตายอย่างน่าสงสารปานนั้น

“ผมคิดเสมอว่า ถ้าวันนั้นผมไม่ส่งรูปถ่ายให้คุณแม่ธันยวีร์ คุณแม่ธันยวีร์ก็คงไม่ไปหาดาหวัน แล้วโศกนาฏกรรมวันนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น”

“ผมคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ดาหวันตาย ผมคือคนผิด ดังนั้นผมถึงฝันร้ายทุกคืน ฝันร้ายตอนเธอตายอย่างน่าเวทนา จึงมักจะนอนไม่หลับเสมอ......”

เขาพูดอย่างเชื่องช้า

“จวบจนถึงตอนนี้ผมไปหาหมอจิตแพทย์ เมื่อได้ยานอนหลับมา ผมถึงจะหลับสนิทถึงเช้า”

“ภาพก่อนตายของเธอซึมเข้ากระดูกผมแล้ว อารมณ์ผมจึงพลุกพล่าน ทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้น”

“ยังมีอีกเรื่องที่คุณไม่รู้ ตอนผมอยู่ที่เมือง S ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ถึงขั้นลักพาตัวยู่ยี่ไปบนภูเขารกร้าง และผมเกือบฆ่ายู่ยี่ตายด้วย”

“โชคดีที่สุดท้ายฉันทัชมาถึง หลังจากผมมีสติ ผมก็แจ้งความจับตัวเอง จึงถูกขังในเรือนจำเมือง S”

“ฉันทัชเห็นแก่มิตรภาพความเป็นเพื่อน ปล่อยผมออกจากเรือนจำ และเขายังสั่งปิดเรื่องนี้อีกด้วย จึงไม่มีใครรู้......”

นิ้วมือพนาวันสั่นระริกเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงสภาพเขากลับถึงคอนโดในเฮทเคทันที

เนื้อตัวสกปรกโสโครก ใบหน้ามีแต่รอยแผลบาดและเถ้าฝุ่น ลักษณะไม่ต่างจากยาจกเลย

พนาวันไม่ได้ส่งเสียงพูดจา

เธอหลุบตากินโจ๊กต่อ

จริงอยู่ เธอรู้เพียงเรื่องผิวเผินเท่านั้น ไม่รู้ถึงตื้นลึกหนาบางเลยสักนิด

“จริงอยู่ที่ก่อนหย่า ฉันเคยพยายามเข้าไปในชีวิตของคุณ อยากปัดเป่าความเหงาและโดดเดี่ยวของคุณทิ้ง ถ้าคุณพูดก่อนหย่ากับฉัน ฉันคงดีใจจนนอนไม่หลับหลายคืน”

“รู้จักคุณเก้าปี แต่งงานแปดปี เป็นครั้งแรกที่คุณเปิดอกเล่าเรื่องในใจ แล้วฉันจะไม่ซาบซึ้งได้ยังไง?”

“แต่มันก็เป็นเมื่อก่อน ตอนนี้คุณกับฉันไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว สำหรับฉันแล้ว คุณไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น”

เธอเงยหน้ามองเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ฉันอยากลืมอดีตจริง ๆ และอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดังนั้น คุณไม่ต้องพูดแบบนี้กับฉัน”

เลิกคิ้ว อาคิระจ้องเธอแบบไม่ละสายตา

“เคยได้ยินคำนี้ไหม น้ำที่สาดออกไปแล้วมันเก็บกลับมาไม่ได้ ไม่ว่าจะเคยพูดอะไร ทำอะไรไว้บ้าง แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ผมย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ทำยังไงคุณถึงจะปล่อยวางเรื่องพวกนั้นได้?”

น้ำเสียงของผู้ชายเคร่งขรึม ไม่ได้หงุดหงิดและไม่ได้แข็งกระด้าง

มีเพียงความหดหู่ใจและรู้สึกหมดหนทาง

“ไม่มีอะไรปล่อยวางไม่ได้ ไม่มีการให้อภัยหรือไม่ให้อภัย มันผ่านไปแล้ว และฉันก็ลืมไปแล้วด้วย”

พนาวันทำหน้าเรียบเฉย ชวนให้รู้สึกไม่มีสิ่งใดแปรเปลี่ยนความคิดเธอได้

และไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเล่าเมื่อครู่ เธอได้ยินกี่ประโยคและเก็บใส่ใจกี่ประโยค

ครุ่นคิดดูแล้ว พนาวันจึงถามว่า“มีโอกาสรักษาหายกี่เปอร์เซ็นต์คะ?”

“บอกไม่ถูกครับ ต้องดูอาการและการฟื้นฟูของร่างกายด้วยครับ ซึ่งอาการของคุณไม่ค่อยดีนัก เพราะไม่ใช่มะเร็งระยะแรกแล้วครับ” คุณหมอกล่าว

พนาวันนิ่งเงียบ

เธอรู้สึกว่า แม้คุณหมอจะไม่พูดตรง ๆ แต่กลับแอบสื่อให้รู้ว่าอาการของเธอไม่สู้ดีนัก

“ระวังสุขภาพของตัวเองให้ดีนะครับ และพักผ่อนเยอะ ๆ ด้วย อย่าให้เป็นหวัดอีกนะครับ ให้เริ่มมารักษาในอีกสองวันข้างหน้านี้นะครับ”

คุณหมอกำชับอีกครั้ง

ตอนกลางวันเธอให้พยาบาลจัดอาหารมาให้

เธอเตรียมจะกิน ทว่าลุงสินก็มา

เขาถือกล่องเก็บอุณหภูมิมาด้วย เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“คุณชายให้ผมส่งมาครับ”

พนาวันบอกว่าตัวเองมีของกินแล้ว กินสองชุดไม่ไหว ดังนั้นชุดนั้นก็ให้ลุงสินเอากลับไปกินเถอะ

ได้ยินดังนั้นลุกสินก็ยิ้มออกมา

เขาฉวยโอกาสตอนเธอไม่ทันสังเกต แย่งกล่องกับข้าวในมือเธอไป เขายิ้มแล้วเริ่มหยิบตะเกียบขึ้นมากิน “ผมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงพอดีเลยครับ ไม่เกรงใจแล้วนะครับ อาหารกลางวันที่คุณชายส่งมาเป็นอาหารบำรุงสำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะครับ ถ้าไม่ได้เป็นอะไร ไม่เหมาะที่จะกินครับ ดังนั้นผมกินชุดนี้จะดีกว่าครับ”

ถ้าคุณชายรู้ว่าเขากินอาหารบำรุงร่างกาย เขาต้องแบกรับความหงุดหงิดของเจ้านายแน่

พนาวัน“……”

ตอนเย็นอาคิระไปรับหมีพูลที่โรงเรียน แล้วพาไปยังโรงพยาบาล

“นับจากวันนี้ ลูกพักอยู่กับแม่นะ ถ้าเก็บเสื้อผ้าได้แล้ว พ่อจะสั่งคนส่งมาให้”

“ทำไมจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้ครับ?” หมีพูลกำลังกัดกินคอเป็ดอยู่ เพราะว่าเผ็ดมาก ใบหน้ารูปไข่ของเขาจึงเริ่มแดงก่ำ และอดส่งเสียงบอกว่าเผ็ดไม่ได้

“ช่วงนี้แม่ลูกเดินไม่สะดวกและยังไม่สบายอีกด้วย ถ้าไม่มีคนดูแล พ่อไม่วางใจ” กล่าวจบเขาก็เลี้ยวไปทางซ้าย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง