ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 706

"วุ่นวาย อะไรก็วุ่ยวายไปหมด" เธอไม่ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็เรียกพนักงานมา 2 คนมานวดให้เธอกับยู่ยี่

ยู่ยี่บอกว่า เธอยังจำที่นี่ได้

นาโนขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ "ฉันเคยพาเธอมาที่นี่ด้วยหรอ? ตอนไหนกัน ทำไมฉันจำไม่ได้เลยล่ะ? "

"เมื่อนานมาแล้ว พวกเราเจอฉันทัชที่นี่ แล้วตอนนั้นมันก็น่าอายสุดๆไปเลย ฉันไม่ยังเคยขายขี้หน้าขนาดนั้นมาก่อนเลย!"

ยู่ยี่นึกย้อนกลับไป แล้วยิ้มออกมาบางๆ

นาโนมีพลังขึ้นมาทันที บังคับให้เธอพูดออกมา ยู่ยี่นวดที่หางคิ้วเบาๆ บังคับให้เธอพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์​ในตอนนั้นออกมา

" แหม่ งั้นคุณฉันทัชก็ไม่ได้เห็นเธอเป็นสิ่งที่ปรารถนาที่ต้องเอาให้ได้นิ? " นาโนหัวเราะตาปิด

ยู่ยี่รู้สึกรับไม่ได้จึงยกขาถีบเธอไปสองที แต่บนใบหน้าก็ยังปรากฏ​ความสุขสม ใช่สิ ใครจะไปคิดว่าการเจอหน้ากันที่น่าอายครั้งนั้น มันกลับไม่ได้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการพบเจอ

แต่งหน้า เปลี่ยนชุดให้เสร็จสับ แล้วไปผับที่นัดไว้กันเถอะ

ในขณะที่ประตูของผับเปิดออก หัวคิ้วของยู่ยี่ก็ขมวดขึ้นมา เธอคิดไม่ถึงว่าออกัส หัสดิน และดนัยก็อยู่ที่นี่ด้วย

นาโนเองก็คิดแบบนั้น

แต่เชอร์รีนกลับยืดไหล่ตรง เพื่อเป็นการบอกว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้

ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ได้แต่นั่งลง นาโนจงใจที่จะนั่งคั่นกลางระหว่างหัสดินและยู่ยี่เอาไว้ ให้ทั้งสองคนนั่งห่างกัน

บรรยากาศ​ไม่ได้สนุกสนานและคึกคัก​ เหมือนที่คิดไว้ แต่มันกลับเงียบเหงา หรือมันอาจจะเป็นเพราะความสัมพั​นธ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้กันนะ

"ออกมาสังสรรค์​กันไม่ใช่หรอ? ทำไมใบ้กินกันทุกคนเลยล่ะ มีเรื่องก็อะไรก็พูดมาเลย ปล่อยมันออกมา!" นาโนตบโต๊ะเสียงเบา

หลังจากนั้น ผู้ชายก็รวมตัวสังสรรค์​กันเป็นกลุ่ม ส่วนผู้หญิง​ก็ล้อมตัวกันเป็นวง ต่างคนต่างพูดเรื่องของตัวเอง

ในตอนนั้นเอง สายตาของหัสดินที่มองไปที่ร่างของยู่ยี่ตลอดเวลา แล้วก็บังเอิญโดนนาโนจับได้ เธอหรี่ตาทรงอัลมอนด์​ของเธอลง แล้วจ้องเขม็งไปทางหัสดินอย่างไม่เกรงใจ

"มองอะไรของนาย! ตอนที่เธอยังอยู่กับนาย นายกลับไม่รู้จักรักษาเอาไว้ ตอนนี้เธอกลายเป็นเมียคนอื่นไปแล้ว นายจะมองให้ได้อะไรขึ้นมา ถึงได้บอกว่าผู้ชายชั่วๆจะต้องสูญเสียเช่นกัน!"

หัสดินลูบจมูกไปมา ยิ้มอย่างเย้ยหยันออกมาทีหนึ่ง ละสายตาจากไป และไม่หันมากลับมองเธออีก

ตอนที่นาโนไปเข้าห้องน้ำ หัสดินเดินเข้ามาหยิบแก้ว แล้วมือบังเอิญไปชนเข้ากับมือของยู่ยี่ ในตอนนั้นเองเธอรีบชักมือออกทันที

เขาตะลึง จากนั้นเอ่ยออกมาว่า "ชีวิตโอเคไหม?"

"ก็ดี"  ยู่ยี่ตอบคำถามอย่างทางการ, เกรงใจ และมีมารยาท ทั้งน้ำเสียงยังแฝงไปด้วยความห่างเหิน

"ผ่านไปนานขนาดนี้ ผมคิดว่าระหว่างเราคงยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่นะ" หัสดินพลันรู้สึกขมขื่นในใจ

" โทษทีนะ ฉันเองก็มีหลักในการคบเพื่อนเหมือนกัน แต่ไหนแต่ไรมาฉันก็ไม่เคยมีเพื่อนที่ไม่รู้จักขอบเขตแบบนี้ " ยู่ยี่ยังใช้น้ำเสียงแบบเดิม " ถึงแม้ฉันจะลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดบางอย่าง ฉันลืมมันไม่ลงจริงๆ"

พึ่งนั่งลงได้ไม่นาน เชอร์รีน และออกัสก็จะกลับกันแล้ว ลูกๆอยู่ที่บ้าน แม่บ้านดูแลไม่ไหว จึงจำเป็นต้องกลับไป

นาโนเข้าใจดี จึงโบกมือไล่พวกเขากลับไป แต่หัสดินก็ไม่กลับไปซะที เธอได้แต่ยิ้มแห้ง ส่ายหัวไปมา พึ่งจะมาลุ่มหลงเธอเอาตอนนี้จะไปมีประโยชน์​อะไรกัน?

เสียงโทรศัพท์​ของยู่ยี่ดังขึ้น สีหน้าเธอดูดีอกดีใจ รับสายนั้น แล้วขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ พูดเสียงเบาออกมาว่า คุณบ้าไปแล้วรึไง?

นาโนที่นั่งอยู่ข้างๆรู้สึกแปลกใจอย่างมาก ยู่ยี่ปัดผมทัดหู แล้วพูดต่อว่า “ฉันทัชทำลังมาที่นี่ เขารีบบึ่งรถมาจากเฮทเค”

“ ไม่เจอกันแค่วันเดียว เหมือนไม่เจอกันมาสามปีเลยนะ  ”

นาโนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “ความยับยั้งใจของคุณฉันทัชแย่เกินไปแล้ว”

ยู่ยี่ตบหลังนาโนเบาๆ ยัยนี่ชอบพูดจาหน้าไม่อายจริงๆ!

หัสดินยกถือแก้วเหล้าไว้ในมือ กระดกรวดเดียวหมดแก้ว แบบไร้สุ้มเสียงใดๆ แก้วแล้วแก้วเล่า

รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ รู้ทั้งรู้ว่ากำลังหาเรื่องใส่ตัว แต่เพื่อที่จะได้เห็นเธอเพิ่มอีกสักหน่อย ก็เลยตั้งใจอยู่ที่นี่ให้นานขึ้น เหอะๆ

ฉันทัชมาถึงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาปรากฏกายต่อหน้าผู้คน แทบจะไม่เห็นร่องรอยของความเหนื่อยล้า และฝุ่นละอองใดๆที่ติดตัวเขามาเลย ยังคงสง่างาม และงดงามอย่างหาสิ่งใดเปรียบเปรยมิได้

นาโนยิ้ม

จ้องไปยังใบหน้าที่แดงระเรื่อของยู่ยี่ หัสดินก็อยู่ไม่สุขอีกต่อไปแล้ว หลังมือเกร็งจนเส้นเลือดเผยออกมา เเทบจะบีบแก้วเหล้าให้แหลกคามือ จนในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วจากไป

อยู่ต่อไม่ได้อีกแล้ว มีแต่จะสะเทือนใจมากขึ้นก็เท่านั้น มีทางออกเดียวเท่านั้น คือจากไป

เหลือเพียง  4 คน หากรวมฉันทัชที่รีบเร่งมาเข้าไปด้วย ก็ไม่ได้สังสรรค์กันต่อ ทักทายกันไปมานิดหน่อย แล้วแยกย้ายต่างคนต่างกลับ

นาโนและดนัยเดินเคียงคู่ท่ามกลางท่ามฟ้าอันมืดมิด แสงสว่างจากดวงจันทร์กำลังพอดี เธอเดินไปควงแขนของดนัยเอาไว้

ดนัยขยับเล็กน้อย แล้วดึงแขนออก จังหวะการก้าวเท้าของนาโนพลันหยุดชะงัก เธอยืนอยู่ที่เดิม

ส่วนดนัยก็ยังเดินหน้าต่อไป เร็วมาก ระยะห่างของทั้งสองคนก็เริ่มกว้างขึ้นไปช่วงหนึ่ง จะบอกว่าไกลก็ไม่ไกล แต่จะบอกว่าใกล้ก็ไม่ใกล้

ใบหน้าอันงดงามของนาโนพลันเปลี่ยนสี เธอยกมือขึ้นแล้วโยนกล่องที่อยู่ในมือใส่หลังของเขา

เขาโดนกล่องรองเท้าหนักๆโยนเข้าไปเต็มๆ รองเท้าแก้วที่งดงามชวนน่าหลงใหลร่วงลงสู่พื้น ดนัยรู้สึกเจ็บที่แผ่นหลัง จึงหยุดเดิน

หนึ่งก้าว สองก้าว นาโนรีบวิ่งไปหาเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกที่เเหลมคม

ความโกรธที่สะสมมาหลายวันก็คล้ายกับภูเขาไฟลูกหนึ่ง ในที่สุดมันก็ปะทุออกมา

“ดนัย นายกำลังทำท่าทางเหมือนคนใกล้ตายให้ใครดูกัน เหมือนกับว่าใครติดหนี้นายเป็นสิบๆล้าน เจอฉันไม่ได้เลย รู้สึกเหมือนฉันเป็นแบคทีเรีย ถ้างั้นก็หย่ากับฉันซะ ทำให้มันจบๆกันไป จะได้ไม่ต้องทำร้ายทั้งนายแล้วก็ฉัน แล้วก็เสียเวลาฉันด้วย!”

“ นายคิดว่าถ้าไม่มีนายแล้ว ผู้ชายคนอื่นก็ไม่เอาฉันงั้นหรอ หึๆ ฉันจะบอกนายให้นะ ผู้ชายที่ต้องการฉันนะมีเป็นร้อยล้านคน ”

เธอกำลังโกรธ และกำลังระบายความอัดอั้น

ตั้งแต่เริ่มจนจบดนัยก็ได้ฟังอย่างเงียบเชียบ ไม่ได้กล่าวหรือเอ่ยคำใดออกมา ไม่มีใครรู้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่

หัวเราะหึๆ เสียงเย็นอีกครั้ง นาโนเก็บรองเท้าที่อยู่บนพื้นขึ้นมา

หันหลังกลับ แล้วเดินไปยังทิศทางตรงข้าม เธอกำลังไปโรงแรมอีกที่หนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง