วันเวลายังคงดำเนินต่อไป และเธอยังคงยุ่งอยู่ในร้านอาหารทั้งวัน
เมื่อถึงเวลากลับที่พักในตอนเย็นแล้ว เธอก็จะหาเวลาไปช้อปปิ้งกับเชอร์รีนและยู่ยี่
แต่ว่า ตั้งแต่คืนนั้นที่ทะเลาะกันดนัยก็ไม่ได้โทรหาเธออีกเลย หลังจากที่เขาเริ่มเผยอารมณ์โกรธอย่างรุนแรงในครั้งนั้น
หลังจากลองคำนวณดูแล้วก็เห็นว่าเป็นเวลาเกือบแปดวันแล้วที่ทั้งเธอและเขาไม่มีการติดต่อหากัน
นาโนเฝ้ามองดูโทรศัพท์มือถือของเธอแทบทุกคืน แต่เธอก็พบแต่ความผิดหวัง ตลอดหนึ่งสัปดาห์ เธอทำโทรศัพท์มือถือตกไปแล้วถึงสามเครื่อง
ในวันนี้ยู่ยี่และฉันทัชกำลังจะเดินทางกลับเฮทเค นาโนกับเชอร์รีนก็จะไปส่งทั้งสองคนที่สนามบินด้วย
พวกเขากอดกันและเอ่ยปากร่ำลาอีกฝ่าย จากนั้นจึงมองดูคนทั้งสองเดินผ่านด่านรักษาความปลอดภัยเข้าไป
เมื่อเธอกำลังจะเดินกลับออกไป สายตาของนาโนบังเอิญเหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคย นั่นก็คือร่างของดนัย
ข้างกายของเขายังมีบาร์บี้ด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่ ดนัยลอบยิ้มเบา ๆออกมา มีความรู้สึกพิเศษและอบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
เมื่อนาโนเห็นภาพตรงหน้าเธอก็เข้าใจ เชอร์รีนมองไปทางเธอด้วยนัยน์ตาที่ประหลาดใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้วเป็นปม
กว่าพวกเขาจะได้สติกลับมา ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองก็ขึ้นไปบนรถที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว โดยมีดนัยเป็นคนเปิดประตูให้บาร์บี้
เชอร์รีนมองไปที่นาโนด้วยความกังวล
แต่สีหน้าท่าทางของนาโนกลับสงบนิ่งมาก เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดต่อสายโทรหาหัสดิน "สองสามวันมานี้ดนัยไปไหนมา?"
“ไปทำงานนอกสถานที่ ทำไมเหรอ?” หัสดินพูดต่อว่า “ไปทำงานนอกสถานที่ที่สหรัฐอเมริกา เห็นว่าเขาเป็นตัวแทนลงนามในการไปเซ็นเอกสารสัญญากับบริษัท WG”
นาโนวางสายแล้วโทรหาดนัยอีกครั้ง
ไม่มีใครรับสาย เธอกดโทรต่อ ปรากฏว่าติดสายอยู่ระหว่างการโทร เธอกดโทรต่อ ก็ยังคงติดสายอยู่ระหว่างการโทร ก็ยังโทร เสียงที่ส่งผ่านมาคือเสียงปิดเครื่อง
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอยืนอยู่ที่นั่น โทรไปแปดครั้ง รับแล้ววาง โทรอีก โทรอีกเรื่อยๆ โทรต่อไปเรื่อยๆ!
เชอร์รีนเรียกชื่อเธอออกมาอย่างแผ่วเบา นาโนหันหลังมามองเธอ ถึงขั้นเผยรอยยิ้มออกมา “ไปเถอะ เรากลับกันเถอะ”
แม้ระหว่างเธอและนาโนนั้นจะรู้จักกันมานาน แต่เชอร์รีนก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่านาโนกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้
เธอแอบรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย เธอกลัวว่านาโนจะทำเรื่องอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิม
ดังนั้นเธอจึงตามติดนาโนไปตลอดทาง ถึงแม้ว่าเธอจะไล่เธอไป เธอก็ไม่ได้จากไป
นาโนก้าวเข้าไปในครัวด้านหลังของร้านอาหารตามปกติ เธอยุ่งอยู่กับการผสมส่วนผสมต่างๆแล้วบดทุกอย่างให้เข้ากัน นิ่งสงบมาก
แต่เชอร์รีนรู้สึกว่านี่คือความสงบก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่...
การผสมส่วนผสมต่างๆเข้าด้วยกันมักเผชิญกับความยุ่งเหยิงและต้องใช้แรงงานมากเป็นพิเศษ
นาโนถือค้อนไม้ในมือ ทุบลงบนก้อนส่วนผสมครั้งต่อครั้ง
ด้วยในช่วงนี้คือฤดูร้อน ข้างนอกร้านอาหารมีแสงแดดที่กำลังส่องแสงเจิดจ้า แสงสว่างที่เจิดจ้าทำให้คนรู้สึกแยงตา
ครัวด้านหลังเดิมทีก็ร้อนอบอ้าวอยู่แล้ว บวกกับที่ยืนอยู่ข้างๆเตาอบ ความรู้สึกร้อนรุ่มนั้นสามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องให้พูด
ถึงแม้เชอร์รีนจะยืนห่างจากเตาอยู่เล็กน้อย แต่เธอยังคงมีปฏิกิริยาที่รุนแรง เหงื่อที่หลังของเธอไหลลงมาจนทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด
ให้ตายเถอะ ร้อนอะไรเบอร์นี้!
เชอร์รีนก็ทนดูต่อไม่ไหวอีกต่อไป เธอยกเท้าขึ้นและก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือไปคว้าค้อนจากมือของนาโนแล้วโยนมันทิ้งลงไป "แบบนี้เธอไม่ปกติ!"
แม้ว่าเธอจะเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ แต่สภาพแวดล้อมของเธอกลับยังสู้พนักงานไม่ได้เลย
อย่างน้อยพนักงานก็ยังได้รับลมเย็นๆอยู่บ้าง แต่เธอกลับทำงานหนักที่สุดอยู่ด้านหลัง
นาโนนั่งลงบนเก้าอี้ ยกมือขึ้นและปาดเหงื่อที่หน้าผาก "งั้นแบบไหนล่ะจึงจะปกติ?"
เชอร์รีนยังคงส่ายหัว “เงียบขนาดนี้ นี่ไม่ใช่นิสัยของเธอเลย?”
สาขาย่อยก็ยุ่งวุ่นวายอยู่เหมือนกัน มีบิลและเอกสารที่นาโนจะต้องตรวจดูด้วยตัวเองอยู่ทุกวัน เธอใช้เวลาอยู่ที่สาขาย่อยนั้นอยู่ครึ่งชั่วโมง
จนกระทั่งตอนที่เดินออกมาอีกที ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
ราวกับว่าฝนจะตก อากาศก็ร้อนอบอ้าว ทำให้คนรู้สึกคล้ายกับขาดอากาศหายใจ ภายในรถเปิดแอร์พร้อมขับกลับไปที่โรงแรม
นาโนเหนื่อยมาก จึงเดินไปที่ห้องอาบน้ำ เปิดน้ำอุ่น ต้องการจะกำจัดความเหนื่อยล้าที่มีอยู่ในตัวเธอออกไปให้หมด
เชอร์รีนนั่งอยู่บนโซฟา วันนี้เธอตามนาโนไปทั้งวัน จนตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วว่างานของนาโนนั้นลำบากและสกปรกเพียงใด
คาดว่ามากกว่าครึ่งของหญิงสาวจะไม่ยอมไปทำงานในสภาพแวดล้อมแบบนี้แน่ คนที่จู้จี้จุกจิกและยังรักสวยรักงามอย่างนาโนยืนหยัดทนทำมาได้อย่างไรกัน?
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอจึงรับสาย เป็นออกัสที่โทรเข้ามา เขาถามเธอว่า “นี่มันดึกมากแล้วนะ ทำไมคุณยังไม่กลับบ้านอีก?”
เชอร์รีนจึงตอบกลับว่า “คืนนี้ฉันไม่กลับไปแล้วล่ะ ฉันจะพักอยู่ที่โรงแรมเป็นเพื่อนนาโน สภาพของเธอทำให้ฉันกังวลมากเลย”
ออกัสมึนงง ดังนั้นเชอร์รีนก็เลยเอาเรื่องที่เห็นทั้งหมดวันนี้เล่าให้เขาฟังตรงๆ
“เขาเดินทางไปอเมริกาเพื่อเซ็นเอกสารสัญญาจริงๆ การร่วมมือกับอเมริกาในครั้งนี้มันสำคัญมากๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของเตชะโสภากรุ๊ปในปีหน้าทั้งปี เขาจึงจำเป็นต้องไปที่นั่นด้วยตัวเอง!”
สำหรับเรื่องนี้ออกัสรู้เรื่องอยู่ก่อนแล้ว
“ตอนแรกที่เขาจะต้องเดินทางไป เขายังหยิบเอาเอกสารมาให้ผมดูและให้ผมวิเคราะห์อยู่เลย”
เชอร์รีนยังคงไม่พอใจเอามากๆ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นแล้วยังไงล่ะ นาโนเป็นภรรยาของเขานะ สามีต้องเดินทางไปทำงานข้างนอก บอกกับภรรยาตัวเองสักคำคงไม่เกินไปหรอกใช่ไหม?
ออกัสขมวดคิ้ว แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก "ถ้าอย่างนั้นเธอก็อยู่เป็นเพื่อนนาโนไปแล้วกัน ถ้าต้าเป่าและเสี่ยวเป่าคิดถึงเธอ ผมจะให้พวกเขาโทรหาคุณนะ"
ต้าเป่า กับ เสี่ยวเป่าเป็นชื่อเล่นที่ออกัสตั้งขึ้นมาใหม่ให้ลูกทั้งสอง ลูกสาวคือต้าเป่า ลูกชายคือเสี่ยวเป่า
แต่ว่า ซารางคัดค้านกับชื่อเล่นดังกล่าวอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง