เธอหยิบร่มขึ้นมา ไม่เรียกรถคัน ไม่เรียกแม้แต่รถแท็กซี่
เพียงเดินไปเงียบๆ ผ่านสายฝนที่กำลังโหมกระหน่ำบนถนนเส้นเปลี่ยว
คุณเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไหม เธอทั้งสง่างามและสะสวย สวมรองเท้าส้นสูง ใส่กระโปรงพลิ้วไหว และริมฝีปากกำลังยกยิ้ม
แต่แท้จริงแล้ว เธอไม่ได้ยิ้ม แต่กำลังเศร้าเสียใจต่างหาก
แม้จะไม่ได้อยู่ต่อหน้าดนัย เธอก็ยังคงมีเกียรติและสูงสง่าเฉกเช่นเคย
แต่นั่นเป็นเพียงภาพลวงตา และเป็นศักดิ์ศรีครั้งสุดท้ายของเธอ!
จังหวะการเดินของนาโนเร็วขึ้น
เธอกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลเตชะโสภา นำกระเป๋าเดินทางออกมา เก็บเสื้อผ้าของตัวเอง ทั้งเครื่องสำอาง รองเท้าและกระเป๋า เธอเก็บทุกอย่างใส่ลงไปในนั้น
จากนั้นเธอก็กลับมาที่คอนโดมิเนียม และจัดการเก็บข้าวของของตัวเองให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเสร็จสรรพเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว
เหล้ารัมมากมายกองอยู่ด้านหน้า วางเรียงชิดติดกันตั้งแต่มุมโต๊ะวางชุดน้ำชายาวไปถึงอีกด้าน ขวดเหล้าสะท้อนแสงไฟจ้าจนรู้สึกแสบตา
เวลานี้ พลันมีเสียงกริ๊งดังมาจากหน้าประตู
นาโนเดินไปเปิดประตูห้อง กลับพบว่าเป็นเชอร์รีน
เชอร์รีนเดินกลับเข้ามา เมื่อเห็นขวดเหล้ามากมายตั้งอยู่บนโต๊ะ เธอขมวดคิ้วยุ่ง “ทำไมมีเหล้าเยอะขนาดนี้”
“อือ ฉันกับดนัยคุยเรื่องการหย่ากันแล้ว…” นาโนตอบพลางนั่งลงบนพรม
เชอร์รีนตกใจ ดวงตาเบิกโพลงและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูด “เธอโกหกปะเนี่ย!”
“ทำไมต้องโกหกด้วย ไม่ได้โกหก ฉันเคยโกหกเธอหรือไง”
ขณะพูด นาโนพลางเอื้อมมือไปหยิบขวดเหล้าที่อยู่ข้างหน้ามาเปิด
สีหน้าของเธอบอกว่าไม่ได้โกหก หัวใจเชอร์รีนเต้นรัว “ทำไม”
นาโนเทเหล้าลงในแก้ว “เหมือนที่เธอคิดนั่นแหละ”
“เพราะผู้ช่วยคนนั้นเหรอ”
หัวใจของเชอร์รีนเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
เธอพยักหน้า กระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ภายใต้ก้นบึ้งหัวใจเจ็บปวดรวดร้าวร้อนดั่งจุดไฟเผา
เชอร์รีนโมโหเดือดดาลขึ้นมา ปากพ่นคำด่าทอไม่เว้นว่าง สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะ ราวกับไฟที่กำลังลุกโหม “ฉันจะไปหาไอ้ดนัยระยำนั่น!”
นาโนเงยหน้าขึ้นมามอง “จำเป็นเหรอ”
“งั้นจะปล่อยดนัยไปทั้งแบบนี้เหรอ”
ภายในใจของเชอร์รีนกำลังเจ็บ และเจ็บปวดมากๆ ด้วย
“ไม่หรอก ฉันตบหน้าเขาไปสามที หน้าเขาทั้งแดงทั้งบวมเป่งเลยล่ะ ดูสิ มือฉันยังไม่หายบวมเลย และฉันยังทำเขาเสียโฉมด้วยเศษแก้วด้วยนะ” เธอพูดไปเรื่อยราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” เชอร์รีนยังคงไม่เข้าใจในเรื่องราวนี้
“เขาบอกว่าอยากคุยกันฉัน เขาถูกใจผู้ช่วยคนนั้น ตอนที่อยู่กับเธอเขาไม่รู้สึกหงุดหงิด สุขกายสบายใจ เขาเลยอยากให้เราแยกกันอยู่ไปก่อน ให้เวลาไตร่ตรองว่าระหว่างเขากับฉัน เรายังเหมาะสมกันจริงๆ ไหม…”
นาโนตอบยาวเหยียด
ใจของเชอร์รีนตกฮวบ
ใจของเธอเจ็บปวด แต่คิดว่าหัวใจของนาโนคงเจ็บยิ่งกว่าหลายพันเท่า
“ที่จริงฉันรู้เรื่องที่เขาถูกใจผู้ช่วยคนนั้นมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พวกเราไปทานอาหารเช้าด้วยกันตอนนั้น ฉันก็รู้สึกตงิดๆ เมื่อความจริงทุกอย่างกระจ่างแจ้ง ก็เหมือนที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด” นาโนกระดกเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า
“ก่อนหน้านี้พวกเธอก็มีความสุขกันดีมาโดยตลอด ไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันเลย และถึงมีก็ไม่ถึงขั้นพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินทะเลาะ หรือฉีดเลือดฉีกเนื้อกันแบบนี้ ยังมีทางที่จะกลับไปไหม”
“ไม่!”
“แค่ความเจ็บปวดแค่ความเหนื่อย ฉันยังพอไหว ถึงเขาเฉยชาไม่ใส่ใจและละเลยต่อฉัน ฉันก็ทนอยู่ได้ แต่ประโยคที่เขาพูดกับฉันในคืนนี้ฉันก็ไม่คิดจะยื้อหรือทนมันอีกต่อไป…”
ตอนที่คุยกับดนัยเธอไม่มีน้ำตาสักหยด
พูดถึงเรื่องการหย่าเธอก็ไม่ร้องไห้ แม้ตอนที่เก็บข้าวของก็ไม่มีน้ำตาแม้หยดเดียว
ทว่า ตอนที่เธออยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นของเพื่อนสนิท ในที่สุดนาโนก็กดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว หัวใจของเธอเหมือนถูกเย็บด้วยเข็มแหลม ความเจ็บปวดรุมเร้าร่างกายของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“เขาบอกว่า ลองคิดดูอีกทีว่าเราเหมาะสมกับอีกฝ่ายไหม การแต่งงานยังจำเป็นที่จะคงไว้หรือเปล่า เขาถามฉันว่าฉันเหมาะสมกับเขาไหม บางทีเพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้คนเราล้มลงได้ง่ายจริงๆ …”
เชอร์รีนรู้ว่า เธอคงดื่มจนเมาไปแล้ว
ถ้าให้พูดตอนยังไม่เมา ด้วยนิสัยของนาโนเธอไม่มีทางพูดออกมามากมายขนาดนี้แน่!
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่ได้เป็นคนนิสัยแบบนี้!
แต่ดีแล้วที่เธอเมา ไม่อย่างนั้น คำพูดพวกนี้คงติดแน่นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจเธอ
เปลือกนอกยังคงหัวเราะได้ พูดคำพูดที่เจ็บแสบและเหยียดหยามได้ แต่ภายในก้นบึ้งของหัวใจกลับเต็มไปด้วยบาดแผล
ตอนนี้ได้ระบายออกมาบ้างก็ดี สำหรับเธอเคยทำเรื่องแบบนี้เสียที่ไหนกัน เป็นเรื่องดีแล้วไม่ใช่หรือ
เชอร์รีนเอื้อมมือไปลูบหลังเธอเบาๆ การปลอบโยนอันอบอุ่นและไร้คำพูดใดๆ แม้นาโนอยากดื่มต่อเธอก็ไม่ขัดข้อง
ทุกคนล้วนต้องได้ปลดปล่อยออกมาบ้าง และเธอคิดว่าตนเองไม่ควรขัดขวางการดื่มของนาโน
นาโนเก็บกลั่นเรื่องราวไว้ภายในใจมานานเกินไป ทั้งเปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นคนไม่รู้จัก แน่นอนว่าในใจต้องหดหู่ อึดอัดจนทนรับไม่ไหว เช่นนั้นก็ระบายมันออกมาเสียเถอะ เธอจะคอยอยู่เป็นเพื่อนเอง
นาโนกัดริมฝีปากแน่นจนขึ้นสีแดงระเรื่อ ฟันแหลมกัดริมฝีปากตัวเองจนเป็นรอยลึก
เธอกำลังร้องไห้ หยดน้ำตาไหลอาบแก้มลงมาคล้ายไขมุขที่ด้ายขาดออกจากกัน
เชอร์รีนลูบริมฝีปากเธอที่กัดแน่นหวังให้คลายออก คลายความโศกเศร้าและทุกข์ตรมที่อยู่กลางใจ “ร้องเถอะ ร้องออกมา ระบายออกมาล่ะดีแล้ว…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง