“อย่าร้องไห้สิ ถ้าเธอร้องฉันก็จะร้องด้วยนะ ที่รักราตรีสวัสดิ์…”
นาโนกดวางสายโทรศัพท์แล้วเดินตรงไปข้างหน้า
กลางดึกช่วงเวลาตีสาม ใครที่ไหนเขาจะออกมาเดินบนถนนกัน?
แสงไฟจากสองข้างทางที่สาดส่องเข้ามา ทำให้เงาของเธอทั้งใหญ่และกว้างขึ้น แต่กลับยิ่งทำให้เธอเหงาเหลือเกิน
นาโนลากกระเป๋าเดินทางและมุ่งหน้าต่อไป
หญิงสาวหยิบหูฟังออกมา ใส่เข้าไปในหูและเปิดเพลงของนักร้องจีน
สมัยก่อนเธอไม่ชอบเท่าไรนัก ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่ แต่งงานกับภรรยาสาวสวย แต่สุดท้ายก็ทรยศต่อการแต่งงาน
เพียงแต่ว่า เขาเป็นนักร้องผู้ร้องเพลงที่เธอกำลังฟังอยู่ตอนนี้ ชื่อเพลงว่า ‘ช่วยให้หลุดพ้น’
“ถนนที่สว่างไสว ทันใดก็มีสายลมพัดมา ความอบอุ่นที่แสนห่างไกลไม่สามารถลดความโศกเศร้านี้ได้ เธอกำลังล่องลอยไปตามลมไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ช่วงค่ำคืนที่เงียบสงัด ฉันก็ซ่อนตัวในบาดแผลที่คุณทำไว้ ความฝันเลือนรางดั่งอากาศ…”
“ถ้าหากรักต้องอยู่ด้วยกัน ยิ่งเกลียดชังยิ่งต้องให้อิสระ ความรักและความเกลียดชังยุ่งยากไม่มีหลุดพ้น…”
เธอเดินอยู่บนถนนเส้นเปลี่ยว พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ
ถนนสายนี้มีแสงไฟนีออนส่องสว่างอยู่ทั่วทุกที่
แต่พื้นที่โดยรอบ กลับเงียบสงบไร้ผู้คน มีเพียงแค่เธอคนเดียวที่อยู่ตรงนี้
เธอยืนนิ่งอยู่หลายนาที ก่อนจะโบกมือเรียกรถแท็กซี่ เธอไปบนขึ้นรถและนั่งพิงกระจกหน้าต่าง
ทอดมองทิวทัศน์ด้านนอกอันคุ้นเคยค่อยๆ ผ่านเลยไป และกลืนหายไปกลับค่ำคืนอันมืด
เธอกำลังก้าวไปข้างหน้าและทิ้งเมืองนี้ไว้ด้านหลัง…
ตอนที่เธอไปถึงสนามบินก็เป็นเวลาเกือบตีสี่แล้ว ภายในสนามบินปลอดโปร่งไร้ผู้คน
นาโนไปที่ช่องขายตั๋ว แล้วสอบถาม “ตอนนี้มีเที่ยวบินที่ยังขึ้นเครื่องได้อยู่ไหมคะ”
เจ้าหน้าที่ตรวจดูแล้วตอบว่า “มีค่ะ ไปปารีสฝรั่งเศส”
นาโนยื่นเงินซื้อตั๋วมาหนึ่งใบ
ปารีสเป็นเมืองสวยงาม โรแมนติก ดูสง่าและประณีต เธอมาคิดตลอดว่าอยากไปสักครั้ง แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ไป
หลังจากซื้อตั๋วได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสียงประกาศแจ้งให้เช็กอินขึ้นเครื่องก็ดังขึ้น
นาโนกอดเสื้อกันหนาวแน่น เดินคนเดียวไปที่ด่านตรวจตั๋ว ขึ้นเครื่องบิน และออกเดินทางไปยังเมืองไม่คุ้นเคย
แม้เธอจะเป็นคนโผงผางอารมณ์ร้อน แต่ยังรู้สึกอ้างว้างและหวาดกลัวเมื่อต้องเดินทางคนเดียว
แต่ตอนนี้ ความกลัวนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย…
เมื่อเครื่องบินขึ้น เธอคาดผ้าปิดตานั่งอยู่ในความมืด น้ำตารินไหลลงอาบแก้ม หญิงสาวยกมือเช็ดให้มันแห้งหายไปและนั่งหลับตาด้วยความเงียบสงบ
เชอร์รีนนั่งมองโทรศัพท์มือถืออย่างตกตะลึง เมื่อได้สติกลับมาจึงหันไปพูดกับออกัสที่พึ่งตื่น “นาโนไปแล้ว เธอไปแล้ว”
หัวใจของออกัสเต้นแรง เขากอดเธอโดยไร้คำพูดใดๆ
เขาไม่รู้จะปลอมเธออย่างไรดี คิดแล้วคิดอีก จึงพูดขึ้นว่า “เธอจะมีความสุข”
“อืม เธอก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน ฉันก็หวังให้เธอมีความสุข เพราะเห็นแก่ดนัยเธอเลยอดทนมานาน และเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้เธอกลับมาเป็นตัวเองเหมือนเดิมแล้ว ใช้ชีวิตตามใจนึกและปลดปล่อยอารมณ์ได้เต็มที่ ฉันคิดว่าเธอคงจะมีความสุข…”
เชอร์รีนร้องไห้ไม่หยุด เมื่อนึกถึงนาโนเธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ระหว่างเธอกับดนัยมันเริ่มต้นอย่างเงียบๆ ตอนที่ทุกคนรับรู้ พวกเขาก็แต่งงานกันไปแล้ว
การหย่าร้างก็เช่นกัน ดูกันไปเงียบๆ ตอนที่รู้เรื่องพวกเขาก็หย่าไปแล้ว
เธอจะกลัวการเดินทางไปเมืองที่ไม่คุ้นเคยคนเดียว ในค่ำคืนอันมืดมิดไหมนะ
เชอร์รีนครุ่นคิด เธอขึ้นเครื่องห่างออกไปไกลจากเมืองน่าเศร้าแห่งนี้แล้ว อืม อันที่จริงยิ่งไกลยิ่งดี
เมื่อวันหนึ่งที่เธอกลับมา เธอต้องเต็มไปด้วยความสง่างามและความแพรวพราวอย่างแน่นอน…
ที่บาร์
“กลับได้แล้ว อยู่ใกล้ชาดแดง อยู่ใกล้หมึกดำ สองคนนั้นไม่มีอะไรดีสักอย่าง มีแต่จะทำให้แย่ไปตามๆ กัน!”
ออกัสอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“รีบกลับมาเลย ลูกชายคุณมองหาให้มาเล่นขี่ม้ากันแล้ว!” เชอร์รีนรีบพูดต่ออีกประโยค “ถ้ายังไม่กลับแล้วลูกร้องไห้ขึ้นมาฉันไม่เกี่ยวนะ”
หลังจากวางสาย ออกัสก็ไม่มีท่าทีว่าจะอยู่ต่อ
เขาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปพูดกับดนัย
“ใช่สิ ฉันเกือบลืมบอกบางเรื่องกับนาย เมื่อคืนตอนตีสาม นาโนออกจากเมืองSแล้วนะ ไปต่างประเทศ ส่วนไปที่ไหนฉันกับเชอร์รีนก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอไม่บอกอะไรเลย แต่ฉันคิดว่านายคงไม่ได้สนใจเรื่องที่อยู่ของเธอเท่าไหร่หรอกเนอะ…”
พูดทิ้งท้ายไว้แค่นี้ แล้วก็เดินออกจากร้านไป หัสดินขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ยัยแม่มดไปแล้วเหรอ
ดนัยตกใจอย่างเห็นได้ชัด แก้วเหล้าในมือเขาหยุดนิ่ง ร่างกายแข็งทื่อไม่ขยับเช่นกัน
แต่ไม่นานชายหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตาดื่มต่อ หัสดินจ้องอยู่นานสองนานก่อนจะละสายตาไป
แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าเขาอาจควบคุมยัยแม่มดไม่ได้ก็เลยทะเลาะกัน!
ที่คฤหาสน์ภูษาธรมีงานในตอนค่ำ หัสดินเลยอยู่เป็นเพื่อนเขาได้ไม่นาน พอถึงสามทุ่มกว่าก็ต้องกลับแล้ว
ดนัยเองไม่ได้นั่งดื่มต่อเช่นกัน คุยกับหัสดินแค่สองสามประโยคก็กลับ
คนหนึ่งไปซ้ายคนหนึ่งไปขวา ทั้งสองแยกย้ายกันไป
ดนัยไม่ได้กลับไปที่คอนโดหรือคฤหาสน์ตระกูลเตชะโสภา แต่เขากลับไปที่โรงพยาบาล
นีรดายังคงหลับใหลอยู่เหมือนเดิม และไม่รู้ได้ว่าเธอจะตื่นขึ้นมาอีกเมื่อไร!
เขานั่งหมดแรงอยู่กับเอกสารของบริษัท ก่อนจะเริ่มจัดการกับเอกสารพวกนั้น ผ่านไปไม่นาน เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้เขาละสายตาไปมองและหยิบมันขึ้นมา
“ท่านประธานคะ พรุ่งนี้ฉันคงไปทำงานไม่ได้ เลยจะโทรมาขอลางานหนึ่งวันค่ะ”
ปลายสายคือบาร์บี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง