“ฟ้ายังไม่สว่างเลยก็ต้องไปที่ร้าน รอตอนที่ออกมาจากร้านก็กลางคืนแล้ว กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเตชะโสภาก็รีบจัดการเอกสาร แม้แต่เวลาที่จะไปบริษัทยังไม่มีเลย อย่าพูดถึงว่าจะมาดื่มมาหาความบันเทิงเลย”
เมื่อเขายกมือขึ้น หัสดินก็เห็นฝ่ามือที่บวมแดง : “โดนมาจากตอนผสมวัตถุดิบ?”
ดนัยส่งเสียงไม่พอใจออกมาเบาๆ : “นายคิดว่าคืนนี้ให้ฉันพักผ่อนได้อย่างเต็มที่สิ!”
ออกัสยังคงรักษาความเงียบเอาไว้อยู่ตั้งแต่แรก
สำหรับความลำบากนี้ของดนัยเขาจะไม่แสดงความคิดเห็น ถ้าหากอยากจะให้แสดงความเห็นออกมาเช่นนั้นเขาก็จะพูดว่าสมน้ำหน้า!
นิสัยของนาโนนั้นทุกคนก็รู้ เธอเป็นคนอารมณ์ร้อน แล้วก็ชอบเที่ยว และยิ่งชอบชีวิตตอนกลางคืนในเมือง ตั้งแต่เด็กไม่ต้องทำงานบ้านอะไรเลย
คนแบบเธอ ไม่คิดว่าจะสามารถอดทนได้ ควบคุมอารมณ์และนิสัยของตัวเองเอาไว้อยู่ทำงานที่ร้านอาหารได้เป็นเวลาเดือนกว่า เธอทำเพื่ออะไรกัน?
ตอนที่เจอกันครั้งสุดท้าย เขาเคยเห็นผิวหนังที่ฝ่ามือของเธอกระด้างอีกด้วย
เธอดูแลรักษามือของตัวเองเป็นอย่างดี ผิวกระด้างขึ้นมานั่นก็เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับการบดส่วนผสมให้ละเอียดอยู่แล้ว
แต่ใครก็ไม่เคยได้ยินคำพูดที่คับแค้นใจของเธอเลยซักประโยคเดียว
ดังนั้นหลังจากที่เชอร์รีนเห็นแล้ว กลับไปในใจก็รู้สึกไม่สบายใจมาก เธอรู้สึกว่านาโนนั้นผ่านมาอย่างยากลำบากและทั้งไม่มีความสุข
เป็นเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ ท่าทางที่แม่ของดนัยมีต่อเธอนั้นทุกคนเห็นกันอยู่แล้ว
แต่นาโนก็เลือกที่จะมองข้าม ไม่มีคำพูดก็หาคำพูดคอยรับมือ ประกอบกับไปทำงานหนักที่ร้านอาหารทุกวัน ทำให้ไม่รู้สึกสงสารเธอไม่ได้เลย
ออกัสเพียงแค่อยากบอกกับเขาประโยคหนึ่ง สถานการณ์แบบนี้เขาเป็นคนทิ้งเอาไว้ให้ตัวเอง แต่จำเป็นที่จะต้องไปพูดด้วยเหรอ?
ดนัยมีความรู้สึกดีกับผู้หญิงคนอื่น และเขาไม่เห็นค่าของนาโน
เมื่อก่อนตอนที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ออกัสไม่ได้ชอบนาโนนัก
เธออารมณ์ร้อน อีกทั้งยังบ้ามากเกินไป ดูเหมือนกับถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่สามารถเจอความลำบากได้ แต่ต่อมาการแสดงออกของนาโนนั้นกลับทำให้เขาต้องเปลี่ยนมุมมองความคิดที่มีต่อเธอ
เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง คนที่ไม่คู่ควรกับเธอนั่นก็คือดนัยต่างหาก!
ถึงแม้ดนัยจะไม่ได้นอกใจ หลังจากที่มีใจให้กับผู้หญิงคนอื่น และเยือกเย็นกับนาโน และให้ความเคารพที่ควรมีในเรื่องของการแต่งงาน
แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้กลับทำให้นาโนเจ็บปวดถึงขั้นสุด มีรอยบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย
ออกัสลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยขึ้น : “มีธุระ ฉันไปก่อน”
หลังจากนั้นก็ออกจากผับไป ไม่ได้อยู่ดื่มเป็นเพื่อนทั้งสองคนอีก
ดนัยกับหัสดินนั้นไม่เหมือนกัน หัสดินในตอนนั้นคือร่างกาย แต่ในใจมีความรู้สึกต่อยู่ยี่
แต่เขากลับเป็นฝ่ายแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ามีความรู้สึกดีกับผู้หญิงคนอื่น นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจ
ในเมื่อเขามีความรู้สึกอีกความรู้สึกหนึ่งที่อยากจะไปเสาะหา เขาไม่จำเป็นจะต้องพูดมากมายอีก พูดมากไปก็มีแต่จะทำให้นาโนยิ่งดูน่าสงสารมากขึ้นเท่านั้น
ถึงที่สุดแล้วก็เป็นความรักของคนอื่น เขาจะไม่พอใจอย่างไร ก็ไม่สามารถไปมีส่วนร่วมได้อยู่แล้วเช่นกัน
หัสดินมองไปยังดนัย : “พรุ่งนี้ไปตีกอล์ฟกันเป็นไง?”
“ไม่มีเวลา ไม่มีอารมณ์ ไม่มีแรงด้วย”
ดนัยโบกมืออย่างไม่มีความสนใจ ตอนนี้เขาไม่รู้สึกสนใจอะไรทั้งนั้น
“แขนกับมือปวดระบมไปหมด มีเวลาไปตีกอล์ฟ ฉันเพียงแค่อยากจะพักผ่อน”
หัสดินยักไหล่ขึ้น รู้สึกว่าเขาดูไม่มีเรี่ยวแรงจริงๆ!
บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ เชอร์รีนกำลังเปิดอีเมล์ดู
ออกัสที่เดินผ่านมายืนอยู่ทางด้านหลังของเธอด้วยความสงสัย
ถึงแม้ว่าระหว่างทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือไม่ชัดเจนอยู่ และยังมีความสนิทสนมที่ยากจะบรรยาย แต่พูดออกมาได้อย่างไม่ชัดเจนนั้น ในใจของเธอเองก็ไม่แน่ใจ
ได้ยินว่าประธานช่วยงานอยู่ที่ร้านอาหาร เธอคิดว่าจะไปที่ร้านซักรอบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ได้ทั้งนั้น
ดนัยลงมาสองสามวัน ไม่แม้แต่จะพูดออกมาเลย
สภาพอากาศร้อนเกินไป อากาศก็แห้ง ทุกวันอยู่ข้างๆเตา จะดีขึ้นได้อย่างไรกัน?
งานการผสมวัตถุดิบที่ร้านนั้นยิ่งยุ่งมากขึ้น และยิ่งใช้วัตถุดิบมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
เวลากลับไปคฤหาสน์ตระกูลเตชะโสภาในทุกๆวันก็ยิ่งดึกมากขึ้นด้วย เป็นเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่ง แต่ทุกวันกลับทำงานแบบนี้ ทำให้ทั้งร่างกายของเขาไม่มีเรี่ยวแรงเลยจริงๆ
ตอนกลางคืน ดนัยไปที่โรงพยาบาล นีรดาฟังคำพูดของหมอ กำลังพยายามออกกำลังกายฟื้นฟูและยังดื่มยาอีกด้วย
“แม่ พรุ่งนี้ผมไม่ไปที่ร้านอาหารแล้วนะ ที่บริษัทมีประชุมสำคัญ”
ดนัยรู้สึกเหนื่อยมากแล้วจริงๆ
“ไม่ว่าจะพูดยังไง แกจะต้องยืนหยัดประคองให้ได้เดือนนึง ฉันพยายามออกกำลังกายฟื้นฟูอยู่ หลังจากนี้เดือนนึงไปที่ร้านอาหารก็คงจะไม่ได้มีปัญหาอะไรมากแล้ว เดือนนี้แกทนไปก่อน”
คำพูดของนีรดาเด็ดขาดโดยไม่ต้องมีข้อสงสัยเลย
ชื่อเสียงของดนัยในเมืองsนี้มีอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ประธานที่สง่างามน่าเกรงขามไปบดวัตถุดิบที่ร้านอาหาร หลังจากที่ข่าวแบบนี้ขึ้นพาดหัวข่าวแล้ว คนในร้านก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาอย่างนับไม่ถ้วน ส่วนมากแล้วก็เป็นลูกค้าผู้หญิง
สำหรับผลสะท้อนกลับเช่นนี้ นีรดารู้สึกดีใจมากที่ได้เห็น
“แม่ ผมเป็นผู้ชายนะวันทั้งวันเอาแต่ไปๆมาๆอยู่แต่ในครัว แพร่ออกไปมีผลกระทบก็ไม่ดีเหมือนกันนะครับ”
แต่นีรดากลับหยิบเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมาสองฉบับ หลังจากนั้นก็กางออกตรงหน้าเขา
“แกดูข่าวพวกนี้ มีอันไหนที่ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อแกบ้าง แกดูสิ ข่าวเยอะแยะขนาดนี้บอกว่าแกเป็นลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่เพียงแต่จะไม่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์แกเท่านั้นนะ แต่กลับยังเป็นการเพิ่มภาพลักษณ์ให้แกอีกไม่น้อยเลยด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง