ว่าแล้วเธอก็คว่ำโต๊ะไปเลย อาหารทั้งโต๊ะหล่นไปอยู่ที่พื้น อ่างแตกละเอียด ส่งเสียงดังอย่างชัดเจน
ออกัสไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่มองอยู่อย่างเงียบๆเท่านั้น
แววตาของเชอร์รีนกวาดมองไปรอบๆ เพียงแค่เห็นตรงที่รู้สึกไม่พอใจ เธอก็จะยกขึ้นมาแล้วโยนลงบนพื้น ทุบให้แหลกละเอียด
เห็นอะไรก็ทุบอันนั้น สามารถหยิบขึ้นมาได้เธอก็ใช้มือ หยิบไม่ได้ก็ใช้เท้าเตะ
ระหว่างนั้นซักพักหนึ่ง ในร้านอาหารเละเทะไปหมด
พวกพนักงานรู้สึกตกตะลึง ลูกค้าที่อยู่ในร้านก็ตกใจด้วยเช่นกัน ต่างพากันเดินออกมา
ในที่สุดดนัยก็เอ่ยขึ้น : “ควรหยุดได้แล้วนะ!”
เชอร์รีนหันหลังมา หัวเราะขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ยิ่งทุบเขวี้ยงอย่างบ้าคลั่งมากกว่าเดิม
พระพุทธรูปที่วางอยู่ในร้านก็ถูกเธอทุบด้วย และแจกันก็โดนทุบตามไปด้วย
“การระบายอารมณ์ก็มีขีดจำกัดและขอบเขต!” ดนัยเข้าไปข้างหน้าแล้วยืนอยู่ตรงหน้าเธอ คิ้วขมวดเข้าหากัน
“คุณดนัยกำลังทำอะไรอยู่คะ? หรือว่าจะเตือนฉันใช่ไหม?”
เชอร์รีนกำลังหัวเราะ
“วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีมาก แล้วก็ฉันมีเงิน อยากจะทำตามอำเภอใจ! ไม่ใช่ว่าทำของของคุณพังไปแล้วเหรอคะ? ชดใช้ให้ในราคาเดิมเป็นไงคะ? หรือว่าคุณดนัยต้องการให้ชดใช้ให้เป็นสองเท่า?”
เห็นแก่หน้านี้ของออกัส วันนี้เธอจะรื้อร้าน ดนัยก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้!
เรื่องวันนี้ ดนัยกำหนดเอาไว้ว่าจะต้องถูกเอารัดเอาเปรียบแล้ว!
เขาจะไปบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์เพื่อเอาค่าชดเชยได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
และเชอร์รีนเองก็แน่ใจเขาตรงจุดนี้ ทำร้านอาหารจนเปลี่ยนไปมาก ปลดปล่อยความโมโหในใจออกมา หลังจากนั้นก็ฉิ่งหนีไป!
ตอนสุดท้าย ไม่รอให้ดนัยเอ่ยพูด เธอก็เปิดกระเป๋าสตางค์ที่พกมาด้วยของตัวเอง แล้วโยนเงินออกมาปึกนึง เงินกระจัดกระจายอยู่ในอากาศ เหมือนกับหิมะกำลังตก
“ค่อยๆก็แล้วกันนะ ถ้าหากไม่พอ ก็ไปหาฉันที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ได้!” ทิ้งประโยคนี้ไว้อย่างสบายใจ แล้วเชอร์รีนก็เดินออกจากร้านอาหารไปก่อน
ริมฝีปากบางของออกัสโค้งขึ้น แต่กลับเบาบางมากเป็นพิเศษ เขาเดินผ่านดนัยไปแล้วตบลงบนไหล่เขา จากนั้นก็ออกไปโดยไม่ได้หันกลับมา
บนรถ เชอร์รีนอังแอร์ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกโมโหที่อัดอั้นอยู่ในใจในที่สุดก็หายไปเกือบหมดแล้ว แต่กลับยังเอ่ยขึ้นมา : “เมื่อกี้ฉันควรจะเอาเงินปาใส่หน้าเขาไปเลยจริงๆ!”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ทำแบบนั้นล่ะครับ?” ออกัสหลงเชื่อ
คิดแล้ว เชอร์รีนก็เอ่ยขึ้นมา : “เงินหนาไม่พอ ปาไปแบบนั้นคาดว่าก็คงจะไม่เจ็บ!”
มุมปากของออกัสกระตุกยิ้มออกมา ส่วนเชอร์รีนก็หยิบโน๊ตบุ๊คออกมาแล้วเปิดอีเมล์ และเป็นอย่างที่คิดในนั้นมีรูปถ่ายใหม่ที่นาโนส่งมาให้
ไม่รู้ว่าเธอไปที่เมืองไหน ดอกไม้บานเต็มไปหมด
เธอยืนอยู่ตรงกลาง ถูกล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ เหมือนกับราชินีแห่งดอกไม้ และยังมีน้ำใสๆที่ไหลผ่าน ตรงหว่างคิ้วยังคงมีความเศร้าอยู่ ถึงแม้ว่ามุมปากจะกำลังยิ้มอยู่ก็ตาม
เชอร์รีนเชื่อว่าความเศร้าเหล่านี้ ซักวันหนึ่งจะหายไปทั้งหมด!
ข้อตกลงการหย่าของทนายยังไม่ได้เอามาให้เธอ เนื่องจากว่าสองวันนี้เขาไปทำงานต่างเมือง รอให้กลับมาจากต่างเมืองก่อนก็จะเอามาให้เธอ
ดูท่าทางแล้ว เธอจำเป็นต้องทำให้ดนัยขายหน้าอีกซักครั้ง
ความยากลำบากเหล่านั้นที่นาโนได้รับทั้งหมด เธอก็จะเป็นคนพูดออกมาเอง พูดออกมายังจะสามารถทำให้ดนัยทนไม่ได้อีกด้วย!
วันนี้ดนัยดูเหมือนกับโชคไม่ดีนัก
ตอนเช้าก็ทุบโดนมือ ตอนกลางวันเชอร์รีนก็มาก่อเรื่อง ตอนบ่ายก็ถูกประตูหนีบอีก ทายาแล้วก็ไม่สามารถขยับได้!
มิน่าล่ะบาร์บี้ถึงได้มีความคิดแบบนั้น ความจริงแล้วบางครั้ง ความคิดของผู้หญิงล้วนแต่เป็นเพราะผู้ชายที่ให้มาโดยไม่รู้ตัว
บรรยากาศเงียบมาก จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำลายความเงียบนี้ เป็นนีรดาโทรมาให้เขาไปที่โรงพยาบาล
ถึงแม้ว่าบาร์บี้จะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ แต่ก็รีบเก็บมือไป แล้วเอ่ยพูดฝันดีขึ้นมาเบาๆ พลางโบกมือให้เขา
ดนัยพยักหน้าให้เธอ ดวงตาอ่อนโยนลง หลังจากนั้นก็ให้คนขับรถสตาร์ทรถขับออกไปยังโรงพยาบาล
นีรดารู้เรื่องที่เชอร์รีนมาพังร้านแล้ว รู้สึกโมโหมาก : “นี่คุณครูนะ ที่ไหนมีคุณครูแบบนี้กัน! อยากจะไปที่โรงเรียนไปฟ้องร้องเธอเสียจริงๆ!”
“ช่างเถอะครับ เห็นแก่หน้าของออกัส” ดนัยเอ่ยขึ้นนิ่งๆ
“ฉันยังได้ยินมาว่ามีเด็กผู้หญิงมาที่ร้าน แล้วกินข้าวกลางวันกับแกด้วย ใช่คนนั้นที่แกรู้สึกดีด้วยหรือเปล่า?” นีรดาเอ่ยถาม
ดนัยไม่ได้ปิดบัง พยักหน้าลงนิ่งๆ
“มือผมเจ็บอยู่ พรุ่งนี้ไปที่ร้านไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้หยุดวันนึงแล้วกันนะครับ”
“ถ้าหากแกรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนั้น ก็พามาให้ฉันดูหน่อยสิ ผู้หญิงที่จะทำให้แกรู้สึกดีด้วยได้มีไม่มาก ในเมื่อมีความรู้สึกดีๆนั่นก็แสดงว่าต้องชอบด้วย ต่อไปก็ต้องเป็นผู้หญิงที่แกแต่งงานด้วย และอาจจะกลายมาเป็นภรรยาของแก ถ้าเป็นไปได้ เรื่องที่ร้านอาหารก็ต้องส่งต่อให้เธอแล้ว”
นีรดาเอ่ยขึ้น
แต่งงาน ภรรยา ดวงตาของดนัยนั้นสั่นไหวเล็กน้อย เขาเอ่ยขึ้น : “ตอนนี้แค่รู้สึกดีเท่านั้นเอง พูดถึงเรื่องพวกนั้นตอนนี้มันเร็วไปนะแม่!”
“มือของแกเจ็บ ฉันก็เป็นแบบนี้ ที่ร้านจะต้องมีคนดูแลสิ ฉันรู้สึกว่าแกมีความคิดแบบนั้นกับเธอ นั่นก็แสดงว่าต่อไปจะมีความเป็นไปได้สูงมาก ให้เธอรับมือจากร้านอาหารไปก็ได้นี่”
ดนัยเอ่ยขึ้น
“ยังไม่ได้พัฒนาไปถึงขั้นนั้น พูดมามากมายขนาดนั้นทำไมกัน ไม่ใช่ว่าแม่ชอบบอกว่ากลัวว่าสูตรลับของการผสมวัตถุดิบรั่วไหลออกไปเหรอครับ ช่างเถอะ ที่ร้านผมไปเองแล้วกัน มือเดียวก็ทำได้เหมือนกัน เพียงแต่จะช้าลงหน่อย!”
นีรดายังอยากจะพูดอะไรอีก เขาก็ไปห้องน้ำแล้ว เตรียมตัวอาบน้ำ ยุ่งมาทั้งวัน เสื้อแขนสั้นก็เปลี่ยนมาหลายตัวแล้วด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง