ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 731

"ถ้างั้นดูท่าแล้วนี่กำลังสับสนเรื่องความรักอยู่สินะ แต่ถ้าพูดตามจริงแล้ว ฉันสงสัยในตัวของแฟนเธอมากสุดๆ ที่จริงแล้วเขาทำงานอะไรกันแน่ ถึงดูยุ่งขนาดนั้น แล้วก็ไม่เคยจะเห็นเขามารับส่งเธอมาทำงานเลยนี่ ยิ่งไม่เคยเห็นเขาส่งข้อความหาเธอด้วยเลย จริงๆ แล้วเขาเป็นใครกันแน่!"

“ที่จริงแล้วเขาก็ยุ่งๆ อยู่จริงๆ นั่นแหละ ดังนั้น….. "

บาร์บี้ยิ้มอย่างเย้ยหยัน พูดออกไปเช่นนั้น

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับประธานจะให้เพื่อนร่วมงานรู้ตอนนี้ไม่ได้ เธอเองก็ไม่สามารถพูดได้ ทำได้แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ไม่ว่าจะยุ่งหรือไม่ยุ่งก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ เราจะตามใจผู้ชายแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งเธอให้ท้ายแล้วก็ตามใจเขา เขาก็จะยิ่งกำเริบเสิบสานมากเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เธอเป็นแฟนเขา ไม่ว่าจะขออะไรก็ล้วนถูกต้องและสมเหตุสมผลทั้งนั้น ในเวลาแบบนี้เธอจะต้องคุมเกมให้ดี ไม่งั้นก็จะโดนผู้หญิงคนอื่นมาแย่งไปนะ! "

พอฟังจนจบ บาร์บี้ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาในใจ

เธอรู้ดีว่าที่เพื่อนร่วมงานพูดมามันถูกต้องทั้งหมด ถึงยังไงผู้หญิงที่อยู่รอบตัวของท่านประธานก็มีไม่น้อย ทั้งยังสะสวยไปซะทุกคน

พอคิดได้แบบนี้ ในใจเธอก็รู้สึกไม่มั่นใจสุดๆ

และถึงเวลาทำงานแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้เม้าท์กันต่อ แต่ต่างคนต่างกลับไปทำงานของตัวเอง

แต่ในใจของบาร์บี้ก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงบทสนทนานั้นตลอดเวลา

พอถึงเวลาทานอาหารเที่ยง หลังจากที่บาร์บี้ทักทายกับเพื่อนร่วมงานเสร็จ ก็หยิบกระเป๋าของตัวเองแล้ววิ่งออกไปนอกบริษัท เธอวางแผนที่จะไปที่ร้านอาหาร

ดนัยยังคงกำลังยุ่งอยู่ วัตถุดิบของร้านอาหารก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น

บาร์บี้เดินเข้ามา เอ่ยปากพูดว่า "พวกเราไปกินข้าวเที่ยงกันก่อนเถอะค่ะ ต่อให้ยุ่งแค่ไหน ตอนเที่ยงก็ต้องกินข้าวนะคะ”

วางของในมือลง ดนัยขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วพยักหน้า ร้านอาหารที่ไปในครั้งนี้ก็เป็นร้านอาหารร้านเดิมที่เคยไปมาแล้วหลายครั้ง

พอสั่งอาหารเสร็จ พนักงานก็เดินออกไป มือที่อยู่ใต้โต๊ะก็บิดหูกระเป๋าไปมาไม่หยุด บาร์บี้กัดปากล่างแล้วพูดว่า "เรื่องที่คุยกับคุณไว้เมื่อคืน พวกเราคุยต่อกันตอนนี้ได้ไหมคะ?”

เรื่องที่คุยกันไว้เมื่อคืน?

ดวงตาของดนัยหรี่ขึ้นเล็กน้อย มันแสดงให้เห็นว่าเขาจำไม่ได้แล้วว่าระหว่างทั้งสองเคยคุยอะไรกันไป

ในใจของบาร์ทั้งผิดหวังทั้งโกรธ แต่เธอกลับไม่ได้แสดงมันออกมา “ฉันคิดว่าระหว่างเรามันห่างเหินกันเกินไปค่ะ เราทำตามใจของตัวเองหน่อยไม่ได้หรอคะ? “

ดนัยยกแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้น แล้วแกว่งไปมาเบาๆ สายตามองไปยังร่างของเธอ “เธออยากตามใจตัวเองยังไงล่ะ?”

ทุกครั้งที่สบตาเขาอย่างนี้ บาร์บี้ก็จะรู้สึกเหมือนความกดดันกำลังคืบคลานเข้ามา

แต่เธอก็ยังทำใจกล้าพูดออกไปว่า “อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เหมือนพวกเราในตอนนี้ โทรหากันบ้างหรือส่งข้อความมา เวลาแค่นี้ก็ควรจะมี ตอนช่วงเช้าไม่มีเวลา งั้นหลังจากเลิกงานจะไปดูหนังหรือเดินเล่นกันไม่ได้เลยเหรอคะ?”

ในเมื่อทำใจกล้าพูดเรื่องนี้ออกไปแล้ว ถ้างั้นก็ถือโอกาสพูดให้หมดทุกเรื่องไปเลยแล้วกัน “ตอนนี้ฉันเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่คิดว่าการขอร้องแค่นี้มันมากเกินไปนะคะ”

ในตอนนั้นเอง พนักงานก็ยกอาหารที่สั่งไว้เข้ามา หลังจากที่วางครบทุกจานแล้ว พูดไปว่าอาหารที่สั่งได้ครบแล้วค่ะ แล้วก็เดินออกไป

หัวข้อสนทนาเมื่อครู่ถูกขัด บาร์บี้อยากจะพูดต่อ แต่กลับรู้สึกว่ามันจะดูแปลกๆ

ดังนั้น จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ ทั้งสองคนเริ่มทานอาหารเที่ยง แต่บรรยากาศโดยรอบนั้นเงียบสงัด

ทานอาหารในบรรยากาศแบบนี้มันทำให้รู้สึกอึดอัดจริงๆ บาร์บี้อยากจะให้บรรยากาศมันครื้นเครง จึงหาหัวข้อสนทนาขึ้นใหม่ พูดถึงเรื่องสนุกๆ ที่เคยเห็นในบริษัท

ดนัยฟังอย่างเงียบๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรมากมาย แต่กลับแสดงออกว่าเบื่อนิดๆ

เมื่อเห็นดังนั้น บาร์บี้ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง พูดถึงเรื่องหนัง ช่วงนี้มีหนังเรื่องหนึ่งพึ่งเข้าโรง เป็นหนังรักโรแมนติก

เขาก็ยังคงฟังอย่างเดิม ในบางทีคิ้วเข้มๆ ก็กระตุกเบาๆ และบางครั้งสายตาก็กวาดมองไปที่นาฬิกาข้อมือที่อยู่บนข้อมือของเขา

ส่วนมากบาร์บี้จะเป็นผู้พูด ดนัยจะเป็นผู้ฟัง ในบางทีเขาก็จะเอ่ยออกมาบ้าง แต่กลับไร้เสียงหัวเราะ

“ไม่มีครับ คุณนาโนไม่เคยเอ่ยถึงครับ” ทนายตอบกลับ

พยักหน้า เชอร์รีนแสดงออกว่าเธอเข้าใจแล้ว จึงให้คนรับใช้เสิร์ฟการแฟมาให้คุณทนายแก้วหนึ่ง

หลังจากรอจนทนายจากไป เธอก็เปลี่ยนชุด

เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าในตอนกลางคืน เธอมองนาฬิกาแว็บหนึ่ง ฝากเด็กๆ ทั้งสองไว้กับคนรับใช้ คนขับรถก็พาเธอไปยังโรงพยาบาล

ดนัยที่กำลังทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนนีรดา เปิดประตูห้องคนไข้ออก เชอร์รีนก็เดินเข้าไปโต่งๆ

พอได้ยินเสียง นีรดาก็เงยหน้าขึ้น

กวาดสายตามองเชอร์รีนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ สายตาเธอบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างมาก

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นในร้านอาหาร เธอก็รู้สึกว่าเชอร์รีนทั้งไม่มีมารยาท ทั้งไม่เคยได้รับการสั่งสอน

ตอนนี้ก็เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยโทงๆ อย่างนี้ ไม่ได้ถือของขวัญมาด้วยก็แล้วกันเถอะ แม้กระทั่งคนก็ไม่คิดทักทาย

นั่งหัวโด่อยู่ต่อหน้าทั้งสองคน เชอร์รีนไม่มีความเกรงใจดนัยเลยสักนิด

“ไม่ว่าคุณทานข้าวเสร็จรึยัง แต่ฉันมีเวลาจำกัด เพราะฉะนั้นรีบสะสางเรื่องที่ควรสะสางกันก่อนเถอะค่ะ”

ดนัยเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเธอ “ควรจะสะสางเรื่องอะไร?”

“ดูสิ ประธานดนัยของเรานี่สูงส่งจนลืมเรื่องไปแล้วจริงๆ!”

น้ำเสียงของประโยคนั้นแฝงไปด้วยการเยาะเย้ยที่เยือกเย็น และการประชดประชันที่ดุเดือด ยกมือขึ้น โยนเอกสารที่อยู่ในมือไปยังตรงหน้าของดนัย

เขามองตาต่ำ อักษรตัวโตๆ หลายตัวพลันฉายเข้าไปในม่านตา——หนังสือสำคัญการหย่า!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง