เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย มีเพียงผลไม้ไม่กี่ชิ้นและนมอุ่น ๆ แค่แก้วเดียวเท่านั้น ประจวบเหมาะกับสายของราชาที่โทรเข้ามา ถามว่าเธออยากได้อะไรไหมเดี๋ยวจะซื้อเข้ามาให้
เมื่อได้ฟังนาโนที่ขยับแก้วนมหมุนวนก็บอกไปว่าอยากกินบะหมี่ข้ามสะพาน
หลังวางสายไปนาโนก็หันมาทำบางอย่างที่หน้าคอมต่อ แต่แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นเมื่อเหลือบสายตาไปมองก็พบว่าดนัยไม่อยู่แล้ว
นาโนไม่ได้ใส่ใจมันแล้วหันกลับมาทำงานต่อ เดาว่าเขาคงอุ้มคังซีไปแถวนี้นั่นแหละ
เวลาผ่านไปครู่เดียว เสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาในโซนประสาทอีกรอบและเป็นดนัยที่เดินเข้ามา ในมือถืออะไรบางอย่างอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นมาให้กับเธอ
“ให้”
“ให้อะไร?” ท่าทีของนาโนเปลี่ยนเป็นระแวง
“บะหมี่ข้ามสะพาน” ดนัยตอบ “ผมให้เขาแยกเครื่องให้ คุณต้องต้มหน่อยนะ”
นาโนยังไม่ได้รับไว้ แววตาที่เฉียบแหลมของเธอจ้องไปที่เขาแบบไม่ละสายตา เพียงเพื่อหุ้นเขาถึงกับต้องทำขนาดนี้เลย ถ้าคิดว่าต้องมีวันนี้สักวัน จะแสร้งใจกว้างตั้งแต่แรกทำไม? เห็นหรือยังล่ะว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวเป็นยังไง?
แต่เธอไม่ใส่ใจแล้วเอื้อมมือบางไปรับถุงนั่นมา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว ผ่านไปครู่หนึ่งก็เดินออกมาพร้อมชามบะหมี่ข้ามสะพานส่งกลิ่นหอม
หมูแฮมแผ่น เต้าหู้ปลา ผักชี ทุกอย่างเป็นของที่เธอชอบทั้งหมดเลย
นาโนคิดว่าในมุมของผู้ชายผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ การที่ดนัยเอ่ยปากให้ของกับเธอ เขาต้องอายมากแน่ ๆ แต่ก็เป็นลูกผู้ชายมากเหมือนกัน
เขาเป็นคนปลิ้นปล้อนแน่นอน ชอบพูดจาอ่อนโยน เธอจะจับตารอดู
ขณะที่นาโนทานบะหมี่ข้ามสะพาน ดนัยก็นั่งกอดคังซีไปพลาง เด็กน้อยน่าเอ็นดูนอนหลับในอ้อมกอดของเขาตลอด
ทั้งสองไม่คุยกับเลย
หกโมงเย็น ด้านนอกหน้าต่างเกิดมีฝนตกหนักมาก
สภาพอากาศปีนี้แปลกมาก หิมะไม่ค่อยมี ส่วนมากจะเป็นฝนซะมากกว่า
เวลานั้นนาโนก็ได้รับสายโทรศัพท์อีกครั้งเป็นสายชวนให้ไปงานเลี้ยง ที่ไม่ไปไม่ได้
เธอเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเปลี่ยนเป็นกางเกงหนังและแจ็คเก็ตหนังสีดำที่มีขนแกะสีขาวอยู่ข้างใน เสร็จแล้วก็เดินออกมาพร้อมความมั่นใจและความสวยที่เตะตาเกินบรรยาย
นาโนเดินไปอุ้มคังซีออกจากอ้อมแขนของดนัยที่โซฟา หยิบคีการ์ดห้องและเดินออกจากห้องไป
ตอนที่มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา ดนัยก็พอได้ยินบ้างและรู้ว่าเธอจะไปร่วมงานปาร์ตี้ เขาลุกขึ้นยืนและตามออกไป
พอปิดประตูห้องโรงแรมลง เขายังไม่ทันได้พูดอะไร นาโนก็ยกยิ้มมุมปากที่นานวันก็ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเขายังใจเย็นได้อยู่จริง ๆ
เธอยืนพิงกำแพงพลางอุ้มคังซีไว้ในอ้อมกอดแล้วจ้องเขม็งไปที่เขา “คุณมีอะไรอยากจะพูดกับฉันอย่างนั้นเหรอ?”
ดนัยยืนนิ่ง ขมวดคิ้วทำหน้างง ไม่เข้าใจว่าเธอต้องการสื่อถึงอะไร
“คิดจะแสร้งทำต่อไปหรือรอให้ฉันรู้เอง?”
นาโนพูดต่อ “สิ่งที่คุณทำทุกอย่างวันนี้ คุณจงใจใช่ไหม? อดทนกับทุกสิ่งอย่างมานานขนาดนี้แล้ว พูดมันออกมาเถอะค่ะ จะได้ไม่มีปัญหาอึดอัดใจกัน ถึงอย่างไงคุณก็ต้องพูดออกมาอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว ไม่ใช่เหรอคะ? ”
เขาขมวดคิ้วแน่น และฟังคำพูดของเธออย่างรอบคอบ จากนั้นดนัยก็นึกบางอย่างได้ เขาจ้องไปที่เธอและพูดขึ้น “คุณคิดว่าผมทำเพราะหุ้นเหรอ?”
“ในที่สุดก็พูดออกมาแล้วสินะคะ มันคงยากที่จะเก็บกลั้นความรู้สึกไว้ในใจ… ” นาโนกำลังยิ้มแต่มันกลับดูเยือกเย็น
ในที่สุดคิ้วที่ขมวดของดนัยก็ค่อย ๆ คลายออกเผยให้เห็นความเย็นชา
“คุณเห็นผมเป็นคนยังไง? ในเมื่อหุ้นให้คุณไปแล้ว มันก็ต้องเป็นของคุณสิ”
“คนอย่างผมถึงจะแย่แค่ไหน ก็ไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน ผมคิดว่าคุณรู้จักผมดีแล้วซะอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่นะครับ ตอนที่ผมให้หุ้นคุณไป ทำให้ผมนึกถึงฉากของวันนี้เลย… ”
เมื่อสิ้นเสียง เขากลับไม่พูดอะไรต่อ หันตัวกลับเตรียมจะเดินจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง