ดนัยยังพูดต่อ “คืนวันนี้ฝนตกและคุณก็เปียกโชกไปทั้งตัว ผมก็พาคุณมาที่ห้องของเธอด้วยความไร้ยางอายและไม่ปิดบัง แถมยังเอาเสื้อผ้าของเธอให้คุณใส่”
เขาพูดต่อ “กลับกัน ถ้าหาคนที่เปียกโชกไปทั้งตัวคือเธอ แต่ห้องที่ใกล้ที่สุดแถวนั้นคือห้องคุณ ผมก็จะพาเธอกลับมาที่นี่เหมือนเดิม เพียงแต่จะไม่บุกเข้ามาตามอำเภอใจ ผมคงทักทายก่อนอย่างแรกและขออนุญาตยืมชุดคุณให้เธอเปลี่ยนแบบเกรงใจสุด ๆ …”
ความแตกต่างของทั้งสองต่างกันมาก
บาร์บี้กัดฟันแน่นเธอยกแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นจิบพร้อมสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เธอกัดปากบางจนเป็นรอยช้ำม่วง “คือฉันมีเรื่องที่ต้องทำ”
“รอให้ผมพูดทุกอย่างจบแล้ว แล้วจะให้คนไปส่งคุณ” เขาไม่รอให้เธอพูดจบ ดนัยก็พูดดักเธอไว้
นาโนยกคิ้วสูงและสนอกสนใจเรื่องนี้มากขึ้น
แก้วน้ำในมือจากเดิมที่หวังจะสาด เธอก็ค่อยๆ วางมันลงและจ้องไปที่สองคนนี้เหมือนกับดูละครทางโทรทัศน์
“คุณยังไม่รู้ตัวเหรอ? ในตอนที่คบกัน บางครั้งที่เราออกไปเดทกัน แต่ส่วนใหญ่คุณจะเป็นฝ่ายพูด ผมเป็นฝ่ายฟัง มันไม่ใช่ว่าผมชอบฟังนะ แต่มันเป็นเพราะผมพยายามไม่ให้มีบรรยากาศเก้อเขินระหว่างเรา”
“แล้วอีกอย่างที่คุณชอบหนังโรแมนติก การไปดูหนังกับคุณในโรงหนัง มันเป็นอะไรที่เสียเวลามากสำหรับผม ถ้าเกิดอยากดูหนังผมอยากนอนดูที่บ้านมากกว่า นอกจากสิ่งที่ผมทำเพื่อคุณแล้ว คุณลองมองการคบกันของเราสองคนสิ ว่ามันมีความรักไหม?”
หน้าของบาร์บี้เริ่มร้อนและค่อย ๆ ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
นาโนที่ยืนอยู่ข้างเขา เธอพูดขึ้นแบบไม่ไว้หน้าและยืนกราน “พวกงานอดิเรกกับนิสัยมันเริ่มใหม่กันได้…”
“แต่ผมกับเธอไม่ต้องเริ่มใหม่ งานอดิเรกของเราทั้งสองเข้ากันได้ดี แถมรู้ใจกันเป็นอย่างดี… ”
ดนัยจ้องลึกเข้ามาในตาของนาโน “ผมชอบบาสเกตบอล เธอก็ชอบบาสเกตบอลเหมือนกัน พวกเราอยู่ดูการแข่งขันบาสเกตบอลที่บ้านด้วยกันได้ ไม่ก็ดูหนังอเมริกันฟอร์มยักษ์หรือสยองขวัญทางโทรทัศน์”
“เมื่อก่อนพวกเราไม่เคยรู้สึกห่างเหินกันแม้แต่นิดเดียว ไม่ต้องกลัวว่าต้องโดดเดี่ยว แถมยังใช้เวลาคุยกันทั้งวันยังรู้สึกว่าไม่พอเลยด้วยซ้ำ… ”
“นั่นเพราะว่าพวกคุณอยู่ด้วยกันมานาน ก็ต้องคุ้นชินกับนิสัยและงานอดิเรกของอีกฝ่ายอยู่แล้ว” บาร์บี้พูด
“ไม่ใช่ มันคือความแตกต่างระหว่างรักกับไม่รัก ผมรู้สึกดีกับคุณมาตั้งแต่แรกและมันเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้ผมเหนื่อย”
“ผมที่เหนื่อยไปทั้งกายและใจได้มาเจอกับที่หลบภัยชั่วคราวให้ได้หายใจและพัก เพราะงั้นระหว่างเราก็แค่ที่พัก แต่ไม่ใช่ความรู้สึกดี ๆ และก็ไม่ใช่ความรัก ตอนนี้คุณเข้าใจหรือยัง?”
บาร์บี้พยักหน้าเล็กน้อยแต่ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ เธอก้มหน้าสบพื้นและไม่รู้ว่าต้องหันหน้าไปทางไหน
“คุณเป็นผู้หญิงที่ดี ผมไม่อยากทำให้คุณเสียเวลา และไม่อยากให้ทำคุณหลงผิด ถ้างั้นเรื่องที่พูดวันนี้ก็ขอให้มันจบลงที่นี่”
ดนัยพูดเสริม “ผมไม่ใช่คนที่จู้จี้จุกจิกและไม่ค่อยพูดกับผู้หญิงเท่าไหร่ แต่ผมเห็นคุณในฐานะเพื่อนเลยเป็นข้อยกเว้น”
“ความช่วยเหลือของคุณผมไม่ต้องการ น้ำใจของคุณผมก็ไม่ต้องการเหมือนกัน เพราะการที่ผมตัดสินใจทำแบบนี้ไปแล้ว นั่นก็เพราะผมได้คิดพิจารณาถึงผลลัพธ์ของมันแล้ว”
“ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ ถ้าหากคุณอยากได้ความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้ ฉันยินดีแต่นอกจากนั้นฉันขอปฏิเสธ” คำพูดของบาร์บี้ไร้น้ำหนัก สายตาเธอลุกลี้ลุกลน
เธอรู้สึกว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก และตอนนี้เธอก็รู้สึกอายแบบสุดขีด “ฉะ…ฉัน…ฉันมีธุระต่อ…งั้นขอตัวก่อนนะคะ…”
เธอลุกขึ้นหันหลัง เธอรีบเดินไปที่หน้าประตูด้วยความสับสันจนเกือบล้มลงอยู่หลายครั้ง
ดนัยยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง