แคทเธอรีนเงยหน้าขึ้น ทว่าพนักงานเสิร์ฟไล่เธอออกจากร้านอาหารก่อนที่เธอจะทันได้มองเห็นได้ชัด
ทันใดนั้นเอง ชายร่างสูงและกำยำก็ก้าวเข้ามาใกล้ด้วยออร่าที่ราวกับแสงแดดที่อบอุ่น เขาดูสง่างามเป็นธรรมชาติในเสื้อเบลเซอร์กระดุมสองแถวสีน้ำเงินเข้มของเขา
ใบหน้าของเขาคือนิยามของคำว่าน่าทึ่งและดูดี ดวงตาลึกสีเข้มของเขาและเรียวคิ้วดกหนา
ฌอน ฮิลล์...
สิ่งนี้ทำให้เธอตกใจ เธอคาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกับผู้ชายคนนี้เร็วอย่างนี้
ไม่ต้องพูดถึงในเวลาที่เธอกำลังดูเหมือนโดนทารุณและกระเซอะกระเซิง
ไม่สิ เขาไม่ได้ชอบเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาอาจจะขอหย่าทันทีหลังจากนี้
เชสเดินตามมาจากด้านหลังและจำแคทเธอรีนได้ทันที
เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนที่งานเลี้ยงอื่น ๆ นี่ยังไม่รวมถึงที่เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเพียงไม่กี่คนที่สวยในเมลเบิร์น
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องแปลกที่เห็นเธอในสภาพคุ้มคลั่งแบบนี้
ความหยอกล้อขี้เล่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ฌอน นี่ไม่ใช่...”
ฌอนส่งสายตายเตือนไปให้เขา
เชสทิ้งคำพูดของเขาให้ค้างอยู่แบบนั้น
“เคธี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” เฟรยาหลุดเป็นอิสระจากพวกเด็กเสิร์ฟและยื่นมือให้เพื่อนของเธอ
“ฉันไม่เป็นไร...” แคทเธอรีนลอบมองไปที่ฌอน
เฟรยาจำผู้ชายคนนั้นได้เหมือนกัน เธอรู้ว่าเขาหล่อ ทว่าเมื่อมองเห็นเขาใกล้ ๆ ภายใต้แสงไฟทำให้เธออยากจะกรีดร้องออกมาด้วยความคลั่งไคล้
นอกจากเธอแล้ว เจเน็ต รีเบคก้า และซินดี้ยังจับตามองผู้ชายคนนั้นเหมือนกัน พวกเธอไม่เคยพบผู้ชายที่หน้าตาดีอย่างไม่น่าเชื่อและสง่างามอย่างหาตัวจับยากอย่างนี้
เขาเป็นใคร?
คิ้วบนหน้าผากของเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนที่ดวงตาสีเข้มของเขาจะจ้องมองไปที่ผู้จัดการ
“นี่คือวิธีที่คุณปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้จัดการลอเรนซ์หวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทว่าท่าทางภูมิฐานดูน่าเกรงขามอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ ผู้ชายคนนี้ยังมาพร้อมกับคุณชายเชส แฮริสัน ผู้มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมลเบิร์นต่างรู้จัก ผู้จัดการรู้โดยสัญชาตญาณว่าเขาไม่ควรยุ่งกับพวกเขา
ขณะที่เขากำลังจะเงยหน้าขึ้นตอบ เจเน็ตก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
“คุณชายแฮริสันคะ สุภาพบุรุษท่านนี้ต้องเป็นเพื่อนของคุณ ดีเลยค่ะ ฉันจองห้องส่วนตัวไว้กับผู้จัดการเพื่อทานอาหารกับพวกเพื่อนสนิทของฉัน เมื่อพวกเรามาถึงกันแล้ว แต่ว่าคุณลินช์และคุณโจนส์ยังตามตื้อผู้จัดการจนทำให้พวกเธอตกเป็นจุดสนใจแทน...”
“เจเน็ต เธอหน้าด้านขนาดไหนกัน? เป็นพวกเราที่ทำการจองมา พวกเธอสามคนนั่นแหละที่ทำเรื่องไร้สาระ” เฟรยาเถียง “ผู้จัดการลอเรนซ์คิดว่ามันง่ายกว่าที่จะไม่เลือกเรา เพราะพวกเรามีน้อยกว่า”
ผู้จัดการพูดขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “คุณชายแฮริสัน อย่าไปฟังพวกเธอครับ ผมทำงานตามกฎของร้านอาหาร ผู้หญิงสองคนนี้สร้างสถานการณ์ขึ้นเท่านั้น ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำแบบนั้น”
รีเบคก้าพูดแทรกขึ้นอย่างแผ่วเบา “น้องสาว ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบฉันมาก แต่ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ผู้จัดการลอเรนซ์ลำบากใจ เขาแค่ทำตามหน้าที่ของเขา”
รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแคทเธอรีน “เธอเคยเบื่อหน่ายกับความเสแสร้งของตัวองบ้างไหม?”
เชสไม่รู้จะทำอย่างไรหลังจากได้ยินผู้หญิงทะเลาะกัน เขาหันกลับไปมองที่เพื่อนของเขา “นายคิดยังไง?”
แคทเธอรีนอ้าปากค้าง แสงในดวงตาของเธอหม่นลง
ตอนนี้ฌอนคงจะเกลียดเธอเข้าไส้ไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะเข้าข้างเธอ
เขากวาดสายตามองไปที่รีเบคก้าอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนี้ดูเพียงผิวเผินเหมือนไม่มีทางสู้ ทว่าพิจารณาถึงคำพูดของเธอก่อนหน้านี้ในเรื่องที่วิพากวิจารณ์แคทเธอรีนว่าไม่มีค่าที่จะสนใจ เย็นชาและไร้ซึ่งความเกรงใจ
“นี่คือร้านอาหารที่นายแนะนำเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำ โดยไม่ปิดบังมีความดูถูกในดวงตาของเขา “ร้านอาหารที่ผู้จัดการใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงมารยาทพื้นฐานของการต้อนรับ คนแบบเขาไม่ควรได้รับตำแหน่งผู้จัดการ”
ดวงตาของแคทเธอรีนฉายแววเป็นประกาย เธอเงยหน้าขึ้นมองฌอนอย่างไม่เชื่อ
อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เมื่อสังเกตปฏิกิริยาของเธอ
จริงหรือ? นี่เธอรู้หรือเปล่าว่า เธอคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่มีเหตุผล?
“คุณชายแฮริสันครับ...” ในตอนนี้ผู้จัดการลอเรนซ์ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด “ผมไม่รู้เรื่องครับ คุณแคมป์เบล คุณต้องช่วยผมนะครับ”
เจเน็ตก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนแปลกหน้าตรงหน้านี้จะเข้าข้างแคทเธอรีน “คุณชายแฮริสันคะ เพื่อนของคุณคงเพิ่งมาอยู่ที่เมืองนี้ ด้วยเหตุนี้เขาอาจจะไม่รู้จักธาตุแท้ของแคทเธอรีนและเฟรยา --"
ดวงตาเป็นประกายของเชสหรี่ลงขณะที่เขาส่งยิ้มให้ เผยให้เห็นฟันขาวสะอาดของเขา
“ผมไม่รู้เรื่องของ เฟรยา ลินช์ มากนักหรอกครับ แต่ผมพอจะรู้จัก แคทเธอรีน โจนส์ ไม่เพียงแค่เธอจะเป็นคุณหนูของตระกูลโจนส์ แต่เธอยังโดดเด่นท่ามกลางสาว ๆ ที่ร่ำรวยในเมืองด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอ เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของพวกหัวกะทิในอเมริกาได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี และสร้างผลงานที่น่าประทับใจใน ซัมมิท กรุ๊ป ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศพร้อมกับดีกรีปริญญาโทเมื่อปีที่แล้ว เธอไม่เหมือนกับคุณที่เป็นสาวสังคมที่เอาแต่ปาร์ตี้สังสรรค์”
เขาจงใจเน้นคำว่า ‘สาวสังคม’ เพื่อถากถางผู้หญิงทั้งสามคน
สักครู่ต่อมา ซินดี้ฝืนยิ้มออกมาแปลก ๆ “คุณชายแฮริสันคะ การเข้าร่วมงานปาร์ตี้และสังสรรค์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะขยายวงสังคมของเราในฐานะทายาทในอนาคต...”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แคทเธอรีนที่ไม่ใช่ทายาทของธุรกิจของตระกูลจึงไม่ต้องเข้าร่วมงานดังกล่าว
ฌอนหรี่ตาของเขาลง สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่แผ่กระจายผ่านพวกเขาไป
“คุณเป็นใครถึงมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแบบนั้น?” เชสเย้ยหยัน
ใบหน้าของซินดี้ซีดเผือดลงในทันที
รีเบคก้ายิ้มออกมาด้วยความอึดอัด “คุณชายแฮริสันคะ คุณกำลังทำให้พวกเราลำบากใจนะคะ”
“พวกคุณเป็นคนเริ่มก่อน คุณก็ควรจะโทษตัวเองสิ”
เชสเม้มริมฝีปากด้วยความเย้ยหยัน “เมื่อมองข้ามความจริงที่ว่า คุณแคมป์เบลใช้วิธีติดสินบนเพื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย คุณโจนส์คนนั้นก็ไม่ได้รับการศึกษาสูงนักและไม่มีประสบการณ์ แต่เธอก็หวังที่จะรับช่วงต่อธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วของตระกูล คุณได้ยินการเยาะเย้ยไหม? ไม่มีตัวเลือกอื่นในตระกูลโจนส์แล้วเหรอ?”
ทั้งรีเบคก้าและเจเน็ตใบหน้าเป็นสีแดงด้วยความอับอาย
แคทเธอรีนและเฟรยา พยายามหักห้ามใจไม่ให้ปรบมือให้กับผู้ชายคนนี้สำหรับการดูถูกอย่างตรงไปตรงมา
ทันใดนั้นเอง เจเน็ตก็ตอบขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “ดูเหมือนคุณชายแฮริสันจะตัดสินใจเป็นอย่างดีแล้วที่จะเข้าข้างสองคนนี้ ซินดี้ รีเบคก้า เราควรจะออกไปหาอะไรทานที่อื่น”
รีเบคก้าไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เธอพยักหน้ารับและเตรียมจะไปออกไปพร้อมกับซินดี้
“เดี๋ยวก่อน...” ฌอนพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณชายฮิลล์ ปล่อยฉันนะ!