“รดา พี่เอาหนังสือมาให้เผื่อหนูอยากอ่าน” กองทัพเปิดประตูเข้ามาได้จังหวะได้ยินตอนที่รดาคุยกับพี่ชายพอดี
“ถามผมก็ได้ครับ ผมยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง” กองทัพเดินเข้าหยุดยืนขนาบข้างเด็กสาว ในมือยังถือหนังสือวารสารด้านธุรกิจของต่างประเทศที่รดาชอบอ่าน ซึ่งเล่มนี้เป็นเล่มใหม่ที่เขาฝากเพื่อนซื้อมาพึ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน
"ความจริงผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกคุณหรอกนะครับ แต่ฐานะการใช้ชีวิตของพวกเรากับคุณมันต่างกันมาก” ธนาชี้แจงเหตุผลให้คุณหมอหนุ่มฟังอย่างนอบน้อมและมีเหตุผล
“ผมเข้าใจครับ และก็ไม่แปลกใจที่คุณจะเป็นห่วงรดา เราไม่เคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน พอเจอกันครั้งแรกผมก็มาแนะนำตัวในฐานะคนรักของน้องสาวคุณ เป็นใครก็ตกใจครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมกับรดารู้จักกันตั้งแต่ห้าปีก่อนตอนที่ผมยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์ แค่ขาดการติดต่อกันไปช่วงที่ผมไปต่อfellowที่อเมริกา มาเจอกันอีกครั้งตอนที่รดาเกิดอุบัติเหตุเมื่อสี่เดือนก่อนและได้เรียนรู้กันอย่างจริงจังช่วงที่รดาไปฝึกงานที่บริษัท คุณอาจจะมองว่าระยะเวลามันสั้นแต่เชื่อเถอะครับว่าผมรักเธอจริงๆ ผมรีบทำหน้าที่ของผมให้สำเร็จแล้วรีบกลับมาหาเธอ..ผมทำเต็มที่แล้วจริงๆ”
“คุณคือคนใจดีที่ช่วยติวภาษาอังกฤษให้รดาเมื่อห้าปีก่อนเหรอครับ” เมื่อธนาได้ฟังที่ชายหนุ่มเล่าแล้วก็พอจับใจความสำคัญได้ ที่แท้คุณหมอหนุ่มตรงหน้าคือคนในใจของน้องสาวตนตลอดมานี่เอง
“ครับ ผมคือผู้ชายคนนั้น”
“ผมฝากน้องสาวผมด้วยนะครับ เห็นเธอแข็งแกร่งแบบนี้แต่ข้างในก็อ่อนไหวเหมือนผู้หญิงคนอื่นทั่วไป ผมเห็นเธอมีความสุขผมก็ดีใจแล้วครับ”
“ยินดีครับ อะนี่หนังสือพี่ฝากเพื่อนซื้อมาให้ พี่กลับไปทำงานก่อนนะครับ” น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนหันไปพูดกับเด็กสาวแววตาอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ” เจ้าหน้าที่เข็นรถเข็นที่ญาดานั่งอยู่กลับเข้ามาในห้องหลังจากที่พาตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่ชั้นล่าง
“คุณหมอมาทำอะไรอีกลูก” ญาดาเอ่ยถามบุตรชายและบุตรสาวที่ยังยืนอยู่ที่เดิมก่อนหน้าที่เธอจะออกไป
“คุณกองทัพแค่เอาหนังสือมาให้รดาเฉยๆ ค่ะ พี่พยาบาลพาแม่ไปเที่ยวไหนมาบ้างคะ” รดาเลือกที่จะบอกผู้เป็นมารดาออกไปแค่นั้น ก่อนจะเฉไฉไปเรื่องอื่น
“คุณพยาบาลพาแม่ไปตรวจร่างกายมา ที่นี่เครื่องมือเขาทันสมัยดีนะแม่ว่า เจ้าหน้าที่ก็พูดจาเพราะ” ญาดาตอบกลับบุตรสาวสีหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากที่กลับมาจากตรวจร่างกายญาดาก็นอนหลับพักผ่อนในช่วงสายเกือบเที่ยง
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ห้องรับแขกดังขึ้นโดยมีธนานั่งทำงานอยู่และรดานั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ
[สวัสดีค่ะ]
[รดาเที่ยงนี้หนูอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมพี่กำลังจะสั่งอาหารเที่ยง]
[ไม่ค่ะ คุณสั่งอะไรมาก็ได้ค่ะ รดาทานได้หมด]
[โอเคครับ]
“คุณหมอโทรมาเหรอ” ธนาเอ่ยถามขึ้นเมื่อน้องสาววางสายลง
“ค่ะ เขาโทรมาถามว่าตอนเที่ยงอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”
“เขาดูแลน้องสาวพี่ดีแบบนี้ตลอดหรือเปล่า”
“อือ..ไม่แน่ใจนะคะเพราะปกติเขาจะสั่งมาเอง นานๆ ครั้งถึงจะถามว่าอยากทานอะไร แต่ทุกครั้งที่เขาสั่งมาก็เป็นของโปรดรดาทั้งนั้นค่ะ” รดาย้อนนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้าที่คุณหมอหนุ่มมักจะสั่งอาหารกลางวันที่เธอชอบมาเกือบทุกครั้ง แต่เธอเองไม่ค่อยสังเกตเห็นแต่พอนึกย้อนกลับไปถึงรู้ว่า เขาเอาใจใส่เธอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
มื้อเที่ยง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ อาหารกลางวันค่ะ” อาหารกลางวันถูกจัดขึ้นโต๊ะหน้าตาน่ารับประทาน
“ศาสตราจารย์สวัสดีค่ะ” คุณหมอหนุ่มผู้ทานอาหารตรงเวลาปรากฏตัวขึ้นเมื่อนาฬิกาเข็มสั้นและเข็มยาวชี้ที่เลขสิบสอง
“สวัสดีครับ”
“หนูครับ ไปปลุกคุณแม่มาทานข้าวได้แล้วครับ วางหนังสือลงก่อน” เมื่อสะโพกหนาหย่อนนั่งลงข้างๆ และเอ่ยบอกเมื่อรดายังนั่งจ้องหนังสือในมือไม่ยอมวาง
“พี่ธนา ไปเรียกคุณแม่มาทานข้าวหน่อยค่ะ” รดาบอกคนเป็นพี่ชายทั้งที่สายตายังจ้องตัวหนังสือตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
“อย่าให้พี่ต้องดุนะครับ วางหนังสือลงก่อนแล้วไปล้างมือมาทานข้าว” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนไป
“ขอจบหน้าก่อนก็ไม่ได้” รดาเดินหน้างอสวนพี่ชายกับแม่เข้าไปในห้อง
“ไม่ยอมวางอีกแล้วสิครับ” ธนาเอ่ยถามขึ้น
“ครับ ต้องโดนดุทุกครั้งกว่าจะวางได้”
“เป็นแบบนี้ประจำตั้งแต่เด็กแล้วครับ ถ้าอ่านไม่จบก็ไม่ยอมวางไปทำอย่างอื่น” ธนาเอ่ยเสริมขึ้น
หลังจากทานอาหารเสร็จกองทัพก็หยิบแฟ้มเอกสารที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นมาวางบนโต๊ะกระจกข้างโซฟา
“ทางโรงพยาบาลได้ทำการตรวจร่างกายคุณป้าอย่างละเอียดแล้วนะครับ ชีพจรและความดันคุณป้าปกติดี แต่กล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่เป็นปัญหาตอนนี้กำลังจะเข้าขั้นวิกฤติ คุณป้าต้องเข้ารับการผ่าตัดใส่หัวใจเทียมโดยด่วน ถ้าขืนยังยืดเวลาออกไปอีกจะไม่สามารถทำการรักษาได้แล้วครับ”
“แล้วคุณแม่จะสามารถเข้าผ่าตัดได้ตอนไหนคะ”
“พรุ่งนี้ครับ เรารอไม่ได้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอที่รัก