“ขอโทษครับผมลืมเคาะประตู” ทั้งสองผละออกจากกันอัตโนมัติเหมือนเกิดแรงผลักของประจุไฟฟ้าขั้วบวกกับขั้วบวก
หน้าห้องผ่าตัด
เจ้าหน้าที่เข็นเตียงผู้ป่วยออกจากห้องพักหลังจากเตรียมความพร้อมก่อนทำการผ่าตัดมายังห้องผ่าตัดแผนกศัลยกรรม หญิงวัย 58 ปีนอนหน้าซีดปากซีดไร้เลือดฝาดอยู่บนเตียงสีหน้าเป็นกังวล
“แม่คะ แม่ต้องสู้นะคะหนูกับพี่ธนาจะรอแม่อยู่ด้านนอก คุณหมอเก่งมากแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยื่นไปกุมมือผู้เป็นมารดาด้านที่มีสายน้ำเกลือเสียบคาอยู่และอีกข้างก็มีเครื่องวัดออกซิเจนติดอยู่
“จ๊ะลูก” ญาดาตอบกลับบุตรสาวเสียงแผ่วใบหน้าฝืนยิ้ม ยกมืออีกข้างมากุมมือบุตรสาวและบุตรชายออกแรงบีบเล็กน้อย
“ผมกับน้องรอแม่อยู่ด้านนอกนะครับ” เสียงทุ้มอ่อนนุ่มสั่นเครือเล็กน้อยของชายหนุ่มคนที่ดูแลแม่มาตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเสียไป ถึงข้างนอกจะดูเข้มแข็งแต่ข้างในก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะรู้ถึงสุขภาพร่างกายของผู้เป็นมารดาอย่างดีว่าตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน
“ธนาอย่าลืมที่สัญญากับแม่นะลูก” ก่อนเข้าไปด้านในยังไม่ลืมย้ำเตือนบุตรชายคนโตอีกรอบ
“ครับแม่ แม่ก็อย่าลืมที่สัญญากับผมไว้นะครับ ว่าแม่จะสู้” สิ้นประโยครดาและพี่ชายก็ละมือออกจากมารดา ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เข็นเข้าไปด้านในเพื่อเตรียมผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
กองทัพในชุดศัลยแพทย์สีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาวหลังจากที่ยืนมองอยู่นาน
“รดา คุณเชื่อใจผมไหม”
“ฉันแค่กลัวค่ะ” รดาพยักหน้าพร้อมตอบออกไปเสียงเบา
“ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ดีที่สุด คุณเชื่อใจผมนะ..ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเสียใจเด็ดขาด” กองทัพเอ่ยบอกน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง สายตาคมเข้มจ้องมองใบหน้าเรียว ดึงรั้งร่างบางเข้ามากอดแนบอก แขนแกร่งทั้งสองข้างยกขึ้นโอบกอดไว้แน่น ส่งผ่านความรู้สึกถึงกันและกันนานนับนาทีก่อนจะผละออก
“ฉันจะรอคุณอยู่ตรงนี้ คุณต้องพาแม่ฉันกลับออกมาด้วยนะคะ” สิ้นเสียงรดาประตูห้องผ่าตัดก็ปิดลงพร้อมกับไฟสีแดงที่ติดอยู่ด้านหน้าเปิดสว่างขึ้น
ชายหญิงสองคนนั่งกุมมือกันอยู่บริเวณด้านหน้าห้องนานนับชั่วโมงก็ไม่มีทีท่าว่าไฟด้านหน้าห้องจะปิดลงหรือบุคคลที่อยู่ด้านในจะเปิดประตูออก เมื่อเวลาย่างเข้าสู่ชั่วโมงที่สามรดาเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้แต่ลุกขึ้นยืนและชะเง้อมองด้านในทั้งที่มองเข้าไปก็เห็นแต่กระจกและเงาของตัวเอง
ด้านในห้องผ่าตัด
การผ่าตัดใส่หัวใจเทียม (Heartmate π) โดยหัวหน้าทีมแพทย์คือศาสตราจารย์นายแพทย์เธียรวิชญ์ เศรษฐบุตรกุญชร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก
“คนไข้ชื่อคุณญาดา ธนากิจโรจน์ อายุ58ปี มีภาวะCongestive heart failure (ภาวะหัวใจล้มเหลว) เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ร่างกายคนไข้ค่อนข้างอ่อนแรง ชีพจรและความดันปกติค่ะ” พยาบาลชำนาญการประจำทีมผ่ารายงานประวัติการตรวจร่างกายล่าสุดก่อนทำการผ่าตัด
“ผมจะเริ่มผ่าตัดแล้วนะครับ คุณป้าเชื่อใจผมนะครับ” เป็นครั้งแรกที่กองทัพรู้สึกกดดันและเป็นกังวล ถึงที่ผ่านมาจะเคยผ่าเคสลักษณะแบบนี้มาหลายเคส แต่ด้วยคนป่วยที่นอนอยู่ด้านหน้านี้คือมารดาของหญิงสาวที่เขารัก
“../..” ญาดาพยักหน้าตอบกลับเล็กน้อยเนื่องจากขณะนี้กำลังใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่
“เริ่มผ่าตัดได้ครับ วิสัญญีวางยาสลบได้เลยครับ” หลอดยาสีไสขนาดเล็กถูกหยิบขึ้นมาจากถาดสเตนเลสบนรถเข็น และถูกฉีดเข้าทางสายน้ำเกลือด้วยฝีมือวิสัญญีแพทย์หญิงวัยกลางคน และใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีคนไข้ก็สลบไป เจ้าหน้าที่นำผ้าสีเขียวมาคลุมคนไข้โดยเปิดแค่ช่วงทรวงอกที่จะทำการผ่าตัด
การผ่าตัดกินเวลาไปนานเกือบสองชั่วโมงยังไม่มีทีท่าว่าจะแล้วเสร็จเพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนเนื่องจากเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย
“BP (Blood Pressure ความดันเลือด) ลงเรื่อยๆ นะคะศาสตราจารย์” เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าเพราะตอนนี้ร่างกายคนไข้กำลังเข้าขั้นวิกฤต
“หาจุด Bleed (หาจุดเลือดออก) ” เสียงทุ้มสั่งออกไปเสียงดังขณะที่มือทั้งสองข้างยังจับมีดผ่าตัดอยู่ ดวงตาสองข้างยังจดจ้องอยู่กับการผ่าตัดตรงหน้า
“ดรอปลงเรื่อยๆ เลยค่ะ” เสียงรายงานขึ้นอีกครั้งเมื่อความดันเลือดดรอปลงเรื่อยๆ ทุกนาที
“ib flow ไหมคะ”
“ทำเลย” มือทั้งสองข้างยังทำงานต่อเนื่องไม่ยอมหยุด Scrub nurse ยังทำหน้าที่ส่งเครื่องมืออยู่ข้างๆ อย่างเคร่งเครียด
“ยังดรอปลงเรื่อยๆ เลยค่ะ”
“เหลือ70/50แล้วค่ะ”
“เร่งมือหน่อย” เสียงแหบพร่าสั่งแพทย์ผู้ช่วยเร่งมือในการปิดแผลเพราะความดันเลือดคนไข้ลดลงอยู่ในขั้นวิกฤติรุนแรงแล้ว
“ใกล้เสร็จแล้วครับ”
ตู๊ด………………………..
เสียงเครื่องวัดชีพชรดังขึ้นและกราฟที่เคยโชว์เป็นคลื่นหยักตอนนี้เปลี่ยนเป็นเส้นตรง นั่นหมายความว่าคนไข้ชีพจรหยุดเต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอที่รัก