เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว นิอรเม้มริมฝีปากยิ้มออกมาเล็กน้อย "ฉันชอบการทำอะไรว่องไวของเธอจังเลย"
เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมา แล้วควักเอาเช็กธนาคารใบหนึ่งออกมาจากด้านใน "ในนี้มีเงินห้าแสน เพียงแค่เธอช่วยฉันนัดวายุมาได้ นี่ก็จะเป็นของเธอ ถ้าสามารถทำให้ฉันได้ร่วมงานกับสดุภา กรุ๊ปได้ ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้เธอล้านนึง"
เบ็ดเสร็จแล้วเป็นจำนวนหนึ่งล้านห้าแสน
ตาของมณิกาเป็นประกายออกมาทันที นั่งตัวตรงออกมา "พูดจริงทำจริง?"
ตอนนี้เธอกำลังขาดแคลนเงินอยู่ ก็มีคนมาหากันถึงที่ พระเจ้าบันดาลมาให้จริง ๆ
เดิมทีมณิกายังคาดเดาตัวตนของนิอรอยู่ แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่า นิอรเห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจเธอเลย คนที่เธอสนใจมันเป็นวายุต่างหาก
ถึงยังไงด้วยสถานะของตระกูลเดชากุลในตอนนี้ คนที่อยากร่วมงานกับพวกเขาก็พากันชิงไปไล่ล่ากันทั้งนั้น
"แน่นอนว่าทำจริงอยู่แล้ว"
นิอรยิ้มออกมา
มณิกาเหลือบมองเช็คธนาคารที่อยู่บนโต๊ะไปแวบนึง คิดคำนวณอยู่ในใจ แล้วก็ส่ายหน้าออกมาอีกที "ด้วยสถานะของเครื่องสำอางอรพิมในตอนนี้แล้ว เพียงแค่ได้ร่วมงานกับสดุภา กรุ๊ป อย่างนั้นแล้วพวกคุณก็จะได้ขึ้นมาเป็นแบรนด์ชั้นนำเลยทันที แทนที่จะเป็นแบรนด์ระดับสามอย่างในตอนนี้ อาศัยแอปพลิเคชั่นเพื่อการค้าพาณิชย์ไป ดังนั้นแล้ว เงินจำนวนนี้ เกรงว่ามันจะจริงใจไม่พอนี่สิ"
เธอมีความรู้ความเข้าใจต่อเครื่องสำอางอรพิมไม่มากนัก แต่ก็รู้ว่าเครื่องสำอางอรพิมนั้นเป็นแบรนด์ที่แพร่หลายในหน้าสตอรี่ต่าง ๆ มากที่สุด
และเครื่องสำอางอรพิมก็ยังหวงชื่อเสียงของตัวเองมาก ในด้านคุณภาพสินค้าก็ได้พยายามลงแรงไปอย่างหนัก กว่าจะดึงดูดลูกค้าขาประจำจำนวนนับไม่ถ้วนมาได้
"งั้นเธอก็บอกจำนวนมา"
นิอรพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
มณิกาคิด ๆ ไปแป๊บนึง แล้วยื่นมือซ้ายชูนิ้วสามนิ้วออกมา
"ตกลง"
นิอรไม่แม้แต่จะคิด ตอบรับกลับมาด้วยความยินดี
"ง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอ? ฉันยังเปลี่ยนใจได้อีกหรือเปล่า?" จู่ ๆ ก็รู้สึกนึกเสียใจภายหลังขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกว่าสามล้านมันจะต้องขอน้อยไปแน่ ๆ เลย
ไม่อย่างนั้นแล้วนิอรจะตอบรับเธอมาง่าย ๆ อย่างนี้เหรอ?
"จะตอบรับเธอก็ได้อยู่ งั้นเธอก็เอาสร้อยของฉันคืนฉันมา"
มณิกาก็ไม่ชอบสวมของของคนอื่นเหมือนกัน
"งั้น...เอาเถอะ ขี้งกสุด ๆ หึ..."
นิอรบ่นพึมพำออกมา แล้วถอดสร้อยคืนให้กับมณิกาไป
ตอนบ่าย มณิกาก็ได้เป็นฝ่ายติดต่อไปหาวายุก่อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเห็นบนหน้าจอโทรศัพท์มีหมายเลขหนึ่งเด้งขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บันทึกชื่อเอาไว้ แต่เบอร์ที่คุ้นเคยได้สลักเอาไว้ในหัวเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มกดรับสาย "ทำไม อยากกลับมาแล้ว?"
ทางมณิกาก็คิด ๆ อยู่สักพักนึง มองไปทางนิอรที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงกันข้ามไปด้วยความลังเลเล็กน้อยไปแวบนึง
สามล้านเลยนะ
นี่มันเงินทั้งนั้น
เธอจะต้องถอนขนวายุแกะตัวนี้ให้เกลี้ยงถึงจะพอ
"อืม"
มณิกาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเบา ๆ ของชายหนุ่มทางปลายสาย พร้อมกับถามออกมาว่า "หิวแล้วหรือยัง? เลี้ยงข้าวคุณ"
"ได้เลย เอาฟิลเรสโทรองแล้วกัน"
"ได้"
วายุตอบรับมาอย่างยินดี
มณิกาวางสายไป มองนิอรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วยิ้มร้ายออกไป "ไม่ใช่ว่าเธออยากรู้จักวายุหรือไง? เธอเพิ่มอีกล้านนึง ฉันจะให้เธอเข้าไปอยู่บ้านวายุ ดีหรือเปล่า?"
"เข้าไป...เข้าไปอยู่บ้านเขา? นี่ถึงแม้ว่ามันจะได้ แต่หนึ่งล้านมันแพงไป ช่างมันดีกว่า"
"งั้น แปดแสนโอเคหรือเปล่า?"
"แพงไป"
"เจ็ดแสน?"
"แพง"
"ห้าแสน ห้าแสนนี่เป็นราคาที่ฉันลดให้สุดตัวแล้ว แล้วแต่ว่าเธอจะรักษามันเอาไว้หรือเปล่า ไม่เตรียมพร้อมแต่ยังสามารถเข้าร่วมธุรกิจระยะยาวกับตระกูลเดชากุลไปอย่างลุล่วงได้"
"พูดอย่างนี้มันก็มีเหตุผล โอเค ห้าแสนก็ได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า