เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของวายุหรี่ลง ใต้ตาเผยแสงอันหนาวเย็นออกมาบางส่วน"ตรวจสอบต่อไป!"
เขาอยากจะรู้ว่าใครกันแน่ที่กล้ายุ่งกับคนของเขา!
บริษัทรุ่งเรืองภพ
มณิกาตอกบัตร และตรงไปที่ห้องทำงานของประธานกรรมการบริหาร เมื่อผลักประตูเข้าไปก็เห็นเหนือเมฆหันหลังให้กับประตูใหญ่ของห้องทำงาน นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานพลางมองไปยังผลงานการเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กันใหม่ที่แขวนไว้บนผนัง
"'คุณอยู่เคียงข้างผมรอวันที่ฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเพื่อมองดูความยิ่งใหญ่เจริญในใต้ล้า โอโฮประโยคนี้ ดุดันจริงๆ "
มณิกากระซิบซุบซิบพลางยกนิ้วโป้งขึ้นชื่นชม
เหนือเมฆได้ยินเสียงของเธอ ก็หันมาเหลือบมองมณิกาครู่หนึ่ง ในหัวนึกถึงวันที่เขาไปส่งมณิกา มองเธอเดินเข้าไปยังอพาร์ทเม้นท์ทิวกาลต่อหน้าต่อตา
แววตาค่อยๆ เผยความรู้สึกเศร้าออกมา
แต่ความเศร้านี้ก็จางหายไปในไม่ช้า เขายิ้มพลางพูดขึ้นว่า:"ใช่ คุณอยู่เคียงข้างผมรอวันที่ฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเพื่อเพื่อมองดูความยิ่งใหญ่เจริญในใต้ล้า!"
ประโยคนี้ เขากำลังพูดกับมณิกา
เดิมทีตอนที่เหนือเมฆอยู่ที่เมืองจันทราก็พอจะมีชื่อเสียงด้านการทำธุรกิจอยู่บ้าง แต่ต่อมาหลังจากที่เขาได้รับผลกระทบจากหลายๆ เรื่อง เขาฟุบลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้ ทำตัวน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงในทุกๆ วัน กลายเป็น'เศษขยะ'ที่มีชื่อในเมืองจันทรา ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ผู้คนรังเกียจ ขับไล่
แต่วันนี้ เนื่องจากการปรากฏตัวของมณิกา ทำให้เขาอยากที่จะปลุกใจให้ฮึกเหิมอีกครั้ง ต่อสู้กับความพ่ายแพ้อีกครั้ง
แต่สิ่งเหล่านี้ มณิการู้ได้ยังไง
"พี่ชาย สู้ๆ นะคะ ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ "
มณิกาวางกระเป๋าลงด้านข้าง นั่งลงบนโซฟาที่อยู่บริเวณพักผ่อน พิงอย่างขี้เกียจ เอียงศีรษะมองไปยังเหนือเมฆ พลางพูดกับเขาว่า:"มีบางเรื่องอยากจะคุยกับคุณ"
"เรื่องอะไร?"
เหนือเมฆเดินมายังด้านหน้าของตู้กดน้ำ พลางรินชาให้มณิกาหนึ่งแก้ว เดินมาด้านหน้าของเธอ วางชาลงแล้วนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ
"ฉันมีแพลนจะกลับบ้านเกิด"
"วางแผนจะอาศัยอยู่ที่นั้นกี่วัน?"
เหนือเมฆก็ไม่ได้พูดเยอะ คิดเพียงแค่เธอคงต้องการลาหยุดเพื่อกลับบ้าน
ข้อศอกของมณิกาท้าวอยู่บนโซฟา ลูบคางเล็กน้อย ส่ายหัวพลางยิ้มอย่างจนปัญญา"ไม่คิดที่จะกลับมาแล้วค่ะ"
เมื่อคำพูดของเธอจบลง คิ้วของเหนือเมฆก็ขมวดเข้าหากัน แววตาเป็นเส้นตรง"ทำไมเหรอครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
"ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่อยู่เมื่องหลวงที่ศิวิไลซ์มานานแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าอยู่บ้านนอกน่าจะดีกว่า บางทีที่นั้นอาจจะเหมาะกับฉันมากกว่า"
"เป็นเพราะว่า......เขาจะแต่งงานกับธิกานต์เหรอ?"
เหนือเมฆไม่ได้ปิดบัง แต่กลับถามออกมาอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อวานวิไลพัณณ์กลับมาจากสดุภากรุ๊ป แล้วบอกกับเขาว่า ธิกานต์ตั้งท้อง จึงคาดการณ์ว่าวายุกับธิกานต์น่าจะใกล้แต่งงานกันแล้ว
เหนือเมฆพูดอย่างถอนใจว่า:"ธิกานต์ตั้งท้อง เพื่อที่จะรักษาเกียรติของบ้านเก่าตระกูลเดชากุล ก็คงจะต้องจัดงานแต่งงานอย่างเร็วที่สุด บ้านเก่าตระกูลเดชากุลและตระกูลธนัตถ์โชติจับมือกัน คุณ......"
คำพูดของเขาชะงักลงครู่หนึ่ง สายตามองไปยังหญิงสาวก้มหน้าเศร้าที่อยู่ตรงข้าม ไม่ได้พูดต่อแต่กลับเปลี่ยนหัวข้อที่จะพูด"คุณกลับบ้าน ผมสนับสนุนคุณ เมื่อถึงเวลานั้นผมจะไปเปิดบริษัทที่บ้านเกิดของคุณ คุณจะได้ทำงานให้ผมได้ต่อ"
"ฮ่าๆๆ ดีเลย แน่นอนว่าไม่มีปัญหาพี่รอง หากพี่เปิดบริษัทที่บ้านเกิดของฉัน ฉันจะต้องทำงานให้กับคุณยันแก่เลย"
มณิกาคิดว่าเขาพูดเล่น
"คุณเข้ามาประจวบเหมาะพอดี บริษัทได้ขยายภาระงานใหม่ ดีที่คุณมีประสบการณ์ในการทำงานในแผนกเลขามาพักหนึ่ง เรียนรู้หลายอย่างไปไม่น้อย ต่อไปก็รับผิดชอบงานใหม่ก็ได้แล้ว"
บอกว่ามณิกาเรียนรู้งานด้านเลขามาพักหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอเพิ่งมาทำงานได้แค่สัปดาห์เดียวเอง
ตอนที่เธออยู่แผนกเลขานั้น หัวหน้าแผนกเลขาเป็นคนสอนงานให้เธอคุ้นเคยกับงานต่างๆ ในบริษัท บางครั้งก็สอนทักษะที่เลขาต้องมี
มณิการู้ดีว่า เหนือเมฆจงใจที่จะบ่มเพาะเธอ
"พี่ชายที่แท้ก็เป็นนักธุรกิจหน้าเลือด สอนทักษะการเป็นเลขานุการให้กับฉัน ทั้งยังจะให้ฉันไปรับผิดชอบโครงการใหม่อีก ต่อไปเวลาที่คุณออกไปคุยธุรกิจฉันก็จะไปกับคุณ ก็เท่ากับว่าคุณมีเลขาคอยติดตามตลอด จุ๊ๆๆ ......บัญชีนี้ คุ้มค่าจริงๆ "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า