มณิกาเองก็เป็นห่วงอาการของนายหญิงเนตร จึงเดินตามไปฟังด้วย
คุณหมอถอดชุดป้องกันเชื้อโรคไปพลาง พูดกับวายุไปพลางว่า"คนไข้มีภาวะเลือดออกในสมองฉับพลัน มีน้ำลายฟูมปาก อาการชัก โชคดีที่ทำการรักษาได้ทัน มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคงเลวร้ายจนไม่อยากคิด"
"เฮ้อ......ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"
มณิกาบ่นพึมพำ ถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก
เลือดออกในสมอง
อาการเดียวกับพ่อบุญธรรมของเธอเลย
ก็คือเมื่อสองปีก่อน พ่อบุญธรรมเธอทำงานที่ในทุ่งนา ก็มีภาวะเลือดออกในสมองฉับพลัน รวมทั้งน้ำลายฟูมปากและอาการชัก ตอนนั้นเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย
จากนั้นก็รีบโทรหาหน่วยช่วยชีวิตฉุกเฉิน บอกอาการคร่าวๆ คุณหมอแนะนำมณิกาว่าต้องทำอย่างไรทางโทรศัพท์ด้วยความอดทน
เธอทำตามทีละขั้นตอน แล้วอาการป่วยของพ่อบุญธรรมจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง
หลังจากนั้น เธอก็เล่าขั้นตอนให้แม่บุญธรรมฟัง เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็อยู่ด้วยกัน จำเป็นต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
"คุณย่าฟื้นแล้วหรือยังคะ"มณิกาถามด้วยความเป็นห่วง
คุณหมอพยักหน้า"อืม คนไข้ฟื้นแล้วครับ"
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น พยาบาลก็เข็นเตียงคนไข้มา เข็นนายหญิงเนตรออกมา
วายุเดินมาข้างหน้า วิตกกังวลอย่างมาก"คุณย่า รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ"
นายหญิงเนตรที่นอนอยู่บนเตียงยิ้มอย่างอ่อนโยน"ย่าไม่เป็นไร ฉันก็......ณิกา ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่"
นายหญิงเนตรกำลังพูดกับวายุ เสี้ยวนาทีที่เหลือบมองมา ก็มองเห็นมณิกายืนอยู่ข้างๆ
เวลานี้เอง คุณหมอก็พูดกับนายหญิงเนตรว่า"เมื่อครู่ที่ผมบอกกับคุณ ผู้หญิงที่ช่วยคุณไว้ก็คือเธอ คุณต้องขอบคุณผู้หญิงคนนี้นะครับ ถ้าไม่ได้เธอช่วยคุณเอาไว้ ผลร้ายที่ตามมาแทบไม่อยากจะคิดเลย"
พูดพลาง คุณหมอก็ยกนิ้วโป้งให้ทางมณิกา"ทักษะการช่วยชีวิตไม่เลวทีเดียว คุณเคยเรียนแพทย์มาเหรอครับ"
"เปล่าค่ะ ไม่เคยค่ะ แต่เมื่อสองปีก่อนพ่อของฉันก็เคยเกิดอาการแบบนี้ค่ะ"
มณิกายิ้มกับคุณหมออย่างมีมารยาท พลางอธิบาย จากนั้นก็มองไปทางนายหญิงเนตรอีก"คุณย่าเนตร ในเมื่อคุณตื่นแล้ว ฉันก็ขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"เธอรอเดี๋ยวก่อน ยายแก่อย่างฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ"
นายหญิงเนตรดึงมือของมณิกา ใบหน้ามีรอยยิ้มหวาน
พยาบาลนำนายหญิงเนตรเข้าไปส่งที่ห้องพักVIP
มณิกากับวายุก็เดินตามไปทั้งสองคน
พยาบาลแขวนขวดน้ำเกลือให้นายหญิงเนตรแล้ว ก็ออกไป
นายหญิงเนตรกวักมือเรียกมณิกา มณิกาเดินเข้าไป หญิงชราดึงมือของเธอเอาไว้"ณิกา ขอบใจมากที่ช่วยฉันไว้ ถ้าไม่มีเธอ ป่านนี้ยายแก่อย่างฉันคงตายไปนานแล้ว"
"คนดีๆ อย่างคุณย่าสวรรค์ต้องคุ้มครองแน่นอน จะตายได้ยังไงกัน อย่าพูดส่งเดชสิค่ะ"
เธอเม้มปากยิ้ม ปลอบใจเธอ
จากนั้นก็ถามว่า"คุณย่าไม่ใช่ว่าควรจะอยู่ที่บ้านเก่าเหรอคะ ทำไมถึงมาอยู่ที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำได้คะ"
ระยะทางระหว่างบ้านเก่าตระกูลเดชากุลกับสวนสาธารณะที่เกิดเหตุก็ห่างกันพอสมควร
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมนายหญิงเนตรถึงอยู่ที่นั่นได้
"เฮ้อ......"
นายหญิงถอนหายใจพูดอย่างจากใจจริงว่า"นับตั้งแต่ที่ตาแก่จากไปแล้ว ฉันก็อยู่บ้านคนเดียวยากที่จะหลีกเลี่ยงในการคิดฟุ้งซ่าน ดังนั้นทุกเช้าจึงไปรำไทเก็กที่สวนสาธารณะเลียบแม่น้ำกับบรรดาตาแก่ยายแก่พวกนั้น และพูดคุยกันหน่อย"
นายหญิงเนตรไม่ได้มีท่าทางสูงส่งทระนงตนของนายหญิงตระกูลเดชากุล ในทางกลับกันเป็นเพียงคุณย่าแก่ๆ ธรรมดาคนหนึ่ง ที่เปิดเผยความในใจกับมณิกา
ต้องบอกว่า ในฐานะนายหญิงของตระกูลเดชากุล สถานะเธอสูงส่งมาก ยากที่จะหลีกเลี่ยงให้ผู้คนต้องถอยออกมาให้ห่าง
กลายเป็นทำให้เธอต้องอ้างว้างโดดเดี่ยว
ดังนั้นเธอจึงปกปิดสถานะของตนเองไปรำไทเก็กที่สวนสาธารณะ พูดคุยกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ
"ต่อให้คุณย่าจะไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ ก็ควรจะต้องมีคนไปเป็นเพื่อนสักคนถึงจะถูกนะคะ"
"ฉันไปที่สวนสาธารณะก็เพราะอยากจะอยู่อย่างเงียบสงบ หาคนไปเป็นเพื่อนฉันก็เปลี่ยนจุดประสงค์ไปเลย"
นายหญิงเนตรยิ้ม ตบที่หลังมือมณิกาเบาๆ "เธอช่วยยายแก่อย่างฉันไว้ ลองบอกมาสิ ว่าอยากให้ฉันตอบแทนเธอยังไงดี"
บุญคุณที่ช่วยชีวิตยิ่งใหญ่เหมือนกับได้ให้ชีวิตใหม่
นายหญิงเนตรขอบคุณมณิกาจากก้นบึ้งในหัวใจ รู้สึกว่ามีพรหมลิขิตอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูกกับเธอ
วายุดวงตาเย็นเยือกหรี่ลง ลำแสงหนาวยะเยือกพุ่งไปยังมณิกา
แม้มณิกาจะไม่ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของวายุ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างเขา ทำให้เธอหนาวสั่น
"ย่าจะบอกหลานให้นะ หลานหมั้นกับธิกานต์แล้ว ต่อไปอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำหลานก็ต้องจำไว้ให้ดี ถ้าย่ารู้ว่าหลานรังแกณิกา ย่าจะตัดขาหลานซะ!"
คำพูดที่มีนัยสำคัญ
ระหว่างมณิกากับวายุเคยมีความสัมพันธ์กัน นายหญิงเนตรรู้ดี
ดังนั้นเธอจึงเตือนวายุเอาไว้ตอนนี้เลย ต่อไปเขาก็คือพี่ชายของมณิกาจะทำรุ่มร่ามอะไรกับเธอไม่ได้
"ฮึ"
ชายหนุ่มหัวเราเยาะเบาๆ "คุณย่าครับ คุณย่าแน่ใจเหรอครับว่าเธอไม่ได้วางแผนเพื่อมาใกล้ชิดกับคุณย่า"
วายุยังพูดไม่ทันจบประโยค นายหญิงเนตรก็ยื่นมือมาหยิกที่ขาเขาแรงๆ หนึ่งที"ยายแก่อย่างฉันอยู่มาจนใกล้จะตายแล้ว ยังมองคนผิดอีกเหรอ"
วายุจะต้องคัดค้าน นายหญิงเนตรเดาได้นานแล้ว
ในเมื่อเขาไม่ชอบมณิกาซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดมาวันสองนี้เสียเมื่อไหร่
วายุอับจนหนทางเล็กน้อย ลองพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง"เธอไม่ได้ใส่ซื่อไร้เดียงสาแบบที่คุณย่าเห็น"
"ถ้าคนเราล้วนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง อย่างนั้นก็เป็นคนปัญญาอ่อนหรือคนโง่แล้วสิ"
นายหญิงเนตรพูดด้วยความโกรธ วายุหมดคำพูดจะมาโต้แย้ง
ได้ยินอย่างนั้น มณิกาก็อดหัวเราะไม่ได้
จู่ๆ ก็รู้สึกว่านายหญิงเนตรเป็นคนแก่ที่น่ารักมาก
"อีกสองเดือนจะถึงวันเกิดของฉัน ฉันจะใช้โอกาสนี้เชิญนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงของเมืองจันทรามาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดฉัน ถึงเวลาก็จะแนะนำณิกาเด็กคนนี้ให้คนภายนอกรู้จัก"
นายหญิงเนตรเดิมเป็นคนที่ชอบความสงบเงียบ
ก่อนหน้านี้งานเลี้ยงวันเกิดล้วนจัดอย่างเรียบง่าย อนุญาตให้เพียงคนในตระกูลเดชากุลมาร่วมอวยพรวันเกิดเท่านั้น แต่วันนี้เพื่อที่จะป่าวประกาศเรื่องที่เธอรับอุปการะหลานสาวบุญธรรม ถึงกับต้องจัดงานเลี้ยงใหญ่โต
นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เธอให้ความสำคัญกับมณิกาอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า