ตีห้าในเวลาเช้ามืดของวันนั้น มณิกาถูกย้ายตัว ไปยังโรงพยาบาลเกื้อกูล
เรื่องที่ถูกย้ายไปโรงพยาบาลเกื้อกูล มณิกาไม่ได้ปฏิเสธใดๆ เพราะเธอรู้ว่าตอนนี้ธิกานต์ก็อยู่ที่โรงพยาบาลเกื้อกูลแห่งนั้นด้วยเช่นกัน ถ้าเธอย้ายไปที่นั่น ธิกานต์จะต้องมาหาเธอแน่ๆ
เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์สำหรับต่อการหาเบาะแส
แม้จะคิดดังนั้น แต่มณิกาก็ยังไม่กล้าข่มตานอน เพราะกลัวตระกูลธนัตถ์โชติจะส่งคนมาทำร้ายเธออีกครั้ง
ตั้งแต่เช้ามืดจนเวลาล่วงเลยมาถึงแปดโมงเช้า เธอก็ยังไม่กล้าหลับตาลง แม้เธอจะง่วงแทบทนไม่ไหวก็ตาม
แต่แล้ว วายุก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องของเธอ
"เป็นอย่างไรบ้าง?"
ท่าทางของวายุกลับมาเป็นคนเย็นชาและหยิ่งยโสเหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ผมสั้นที่ถูกจัดแต่งจนดูมันวาว อีกทั้งชุดสูทที่เรียบกริบ ช่างทำให้เขาดูสง่างาม
จนกระทั่งเขาเดินเข้าไปใกล้ มณิกาจึงเริ่มสังเกตเห็นว่าหลังมือของเขาถูกพันด้วยผ้าก๊อซ
"นายบาดเจ็บเหรอคะ?"
ปกติแล้ว ยากที่เธอจะทำใจพูดจาดีๆกับเขา
แต่คราวนี้ไม่มีเหตุผลอื่นเลย นอกจากเห็นแก่เหตุการณ์เมื่อวานที่วายุวิ่งเข้าไปช่วยเธอจากกองเพลิงเท่านั้น
และหนี้บุญคุณในครั้งนี้ เธอจะระลึกไว้ในใจเสมอ
ชายหนุ่มก้มชำเลืองมองผ้าก๊อซในมือตัวเองเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ
"สองคนที่ลักพาคุณไปเมื่อวาน ถูกใครบางคนลอบจัดการแล้วไป และผมกำลังส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้อยู่" วายุกล่าว
"ค่ะ"
มณิกาตอบรับ อย่างไม่ได้ตื่นเต้นมากนัก
เพราะว่า ...
เรื่องที่สองคนนั้นถูกลอบลักพาตัวไป ก็ต้องเป็นฝีมือของเธอนั่นแหละ
"ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องเมื่อคืนนี้"
มณิกาขอบคุณอย่างจริงใจ
วายุนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง จ้องมองดวงตาเหนื่อยอ่อนของมณิกาที่นอนอยู่บนเตียง ในใจรู้สึกเจ็บปวด เขาคิดว่า ที่เธอไม่กล้าข่มตานอน คงเพราะกำลังตกใจกับเรื่องเมื่อคืนนี้
คราวนี้ เมื่อวายุมองไปยังใบหน้าดำคล้ำของเธอ ก็รู้สึกสบายตามากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนครั้งแรกที่เจอเธอ หรือว่า...
เธอเป็นผู้หญิงแบบที่มองได้ไม่เบื่อ
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ทุกครั้งที่สมองเริ่มว่าง ก็มักจะมีภาพของมณิกาที่ล้มอยู่ในห้องน้ำแว๊บเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัว
วินาทีนั้น หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น และตกใจจนช็อกไปชั่วขณะ
เขานึกว่ามณิกาสูดดมควันในห้องน้ำมากไปจนถึงขั้นขาดอากาศหายใจตาย
จนกระทั่งเขาเอื้อมมือออกไปสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอ จึงมั่นใจว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ หัวใจของเขาจึงค่อยๆ สงบลง
สำหรับวายุแล้ว การกระทำของเมื่อคืนมันบ้าที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา!
"นายมาอยู่ในบ้านฉันได้อย่างไรคะ?"
มณิกาถามอย่างอดสงสัยไม่ได้
"เหนือเมฆบอกผมว่าคุณหายไป ผมเลยตามหาคุณ"เขากล่าว
มณิกาพยักหน้า แล้วถามต่อว่า "เมื่อวานนายช่วยฉันทำไม?"
ที่จริงเธอรอฟังคำตอบจากวายุอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าเขากลับตอบกลับอย่างเยือกเย็นว่า "นักดับเพลิงต่างหาก"
"ไม่ใช่นายเหรอ?"
มณิกาขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่เข้าว่าทำไมวายุถึงปฏิเสธ
"อย่างคุณ ไม่คู่ควรที่ผมจะยอมเสี่ยงชีวิตหรอก"
ชายหนุ่มเหลือบมองขึ้น ด้วยแววตาเย็นชา
ท่าทางที่เฉยเมย ทำให้มณิกาเริ่มสงสัย หรือว่าจริงๆ แล้ว คนที่ช่วยเธอไว้ไม่ใช่เขา?
ถ้าอย่างนั้น แผลหลังมือของเขามาได้อย่างไร?
เมื่อวายุพูดจบ เขาก็ลุกออกจากห้องผู้ป่วยด้วยใบหน้าที่เย็นชา
นภัทรที่เฝ้าอยู่หน้าห้องผู้ป่วยได้ปิดประตูลง แล้วเดินตามหลังวายุไป
นภัทรหันหลังไปมองห้องพักผู้ป่วยของมณิกา แล้วครุ่นคิดอย่างสงสัย "บอสครับ ทั้งที่เมื่อคืนคุณเป็นคนช่วยคุณมณิกาแท้ๆ ทำไมคุณถึงไม่ปฏิเสธล่ะครับ?"
ก่อนหน้านี้มณิกาอาศัยอยู่บ้านเก่าตระกูลเดชากุลมาหลายวัน แล้วทั้งคู่เข้ากันได้ดี แถมท่านยังชื่นชอบนิสัยเรียบง่ายและจริงใจของมณิกาอีกด้วย
แม้วายุจะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านจึงชอบมณิกาขนาดนั้น แต่เพื่อให้ท่านอาการดีขึ้น วายุจึงได้แต่โกหกออกไปว่า "เธอไปทำงานต่างเมืองครับ"
เนื่องจากอาการเลือดคลั่งในสมอง คุณหมอกำชับให้ท่านนอนพักบนเตียงและห้ามขยับเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และห้ามทำให้ท่านโกรธด้วย
เขาจึงจำเป็นต้องพูดออกไปแบบนี้
"เห้อ ถึงย่าแค่เป็นคนแก่ แต่สมองไม่ได้เลอะเลือนนะ หนูณิกายังไม่ได้ทำงานเลย แล้วจะไปทำงานต่างเมืองได้อย่างไรกัน?"
"เธอทำงานที่บริษัทของเหนือเมฆครับ"
"อะไรนะ? ทำงานบริษัทของเหนือเมฆ? โอ๊ย ตาเหนือเมฆนั่นเชื่อถือได้เสียที่ไหน ไม่แน่นะ หนูณิกาอาจจะโดนหลอก ทำไมหลานไม่ให้เธอมาทำงานในบริษัทหลานล่ะ"
วายุ "..."
เขาไม่เคยรู้สึกว่านายหญิงเนตรใส่ใจเขาขนาดนี้มาก่อน
"สดุภา กรุ๊ป ไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้ามาได้ง่ายๆ"
วายุยกขาขึ้นไขว่ห้าง พร้อมก้มมองข้อมูลบริษัทที่ถูกส่งเข้ามาในมือถือ พลางโต้กลับอย่างเย็นชา
ใครจะคิดว่าคำคำนี้ถึงกับทำให้นายหญิงเนตรโกรธ จนตีไปที่แขนของวายุ พลันพูดว่า "แกพูดอะไรออกไป ณิกาเป็นหลานสาวบุญธรรมของย่านะ ทำไมเหรอ คำพูดคนแก่อย่างย่ามันไม่มีประโยชน์แล้วใช่ไหม ย่าไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องในตระกูลเดชากุลแล้วหรือไง?"
คนชราผู้ไม่รู้จักโต หมายถึงผู้สูงอายุอย่างนายหญิงเนตรคนนี้เองสินะ
ท่านมักชอบทำตัวราวกับเด็กๆ ทั้งที่อายุมากแล้ว
คิ้วดกดำของวายุขมวดขึ้น พลางคิดว่า เอาใจนายหญิงเนตรไม่ถูกจริงๆ
พลันกล่าว "หลังจากคุณย่าออกจากโรงพยาบาลแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร ผมจะไม่ขัดเลยยอมทุกอย่าง"
"ให้มันได้อย่างนี้สิ"
นายหญิงเนตรกระแอมด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่แฝงไปด้วยความยโสเล็กน้อย ราวกับภูมิใจเล็กๆ ที่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
ก๊อกๆๆ
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูของบอดี้การ์ดก็ได้ดังขึ้น
วายุเดินออกมาตามเสียง บอดี้การ์ดบอกกับเขาว่า "คุณชายวายุ คุณมณิกาอยากออกจากโรงพยาบาลครับ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า