เนื่องจากในห้องพักผู้ป่วยและห้องรับแขกมีประตูกั้นอยู่ จึงทำให้นายหญิงเนตรไม่ได้ยินที่บอดี้การ์ดพูด
วายุแสดงสีหน้าเย็นชา เขาอ้อมผ่านบอดี้การ์ดและมุ่งตรงไปยังห้องผู้ป่วยของมณิกา และเห็นมณิกาที่กำลังลุกขึ้นจากเตียง เพื่อเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาล
"คุณจะทำอะไร?"
วายุเดินเข้าไปในห้อง พลางถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากออกจากโรงพยาบาล"
มณิกาตอบคำถามของวายุ
ตามแผนเดิม เธอคาดหวังว่าจะทำให้เรื่องไฟไหม้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะเธอจะใช้โอกาสนี้กระชากหน้ากากที่แท้จริงของคนในตระกูลธนัตถ์โชติต่อหน้าสาธารณชน
ถึงขั้นที่มณิกาจงใจปล่อยข่าวลือ เพื่อให้ตัวเองถูกสัมภาษณ์
ในที่สุด ทำให้ข่าวนี้กลายเป็นที่สนใจของนักข่าว แต่ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อวายุกลับใช้อำนาจที่มีขัดขวางนักข่าวไม่ให้เข้ามาทำข่าวในโรงพยาบาลได้!
"รีบไปตายเหรอ?"
วายุยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ด้วยใบหน้าหล่อเหลาและเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
แม้ว่าคำพูดจะไม่ค่อยน่าฟังนัก แต่ก็รับรู้ได้ถึงความใส่ใจที่มีต่อเธอ
"ฉันมีแผลไฟไหม้แค่ตรงหลังเท้าและแขนเท่านั้น กลับไปพักฟื้นที่บ้านสักหน่อยก็โอเคแล้ว"
มณิกาไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่อยู่ในอะพาร์ตเมนต์ จริงๆแล้วเธอมีเวลามากพอที่จะเอาตัวรอด แต่เธอกลับไม่หนีไปไหน เพียงเพื่อต้องการให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ และดึงดูดความสนใจจากคนภายนอก
เธอยังจงใจให้ไฟไหม้บริเวณหลังเท้าและแขนของเธอ เพื่อให้ทุกอย่างสมจริงมากยิ่งขึ้น
เธอตั้งใจจะลุกเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย แต่วายุยืนหน้าขวางประตูที่เป็นทางออกเดียวของเธอไว้
มณิกาเงยหน้ามองเขาอย่างยากจะเข้าใจ พร้อมกล่าวว่า "ขอทางหน่อยค่ะ"
เธอตั้งใจแน่วแน่เรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว
แต่วายุกลับจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่ไหวติง
ขณะที่สายตาทั้งสองคู่ประสานกันนั้น แววตาก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน อีกทั้งยังแฝงด้วยความหมายลึกซึ้งเกินจะเข้าใจ
"ผมจะไม่ขอพูดเป็นรอบที่สอง"
วายุไม่อนุญาตให้เธอออกจากที่นี่
การกระทำของเขาทำให้มณิกากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่พูดออกไปว่า "วายุ คุณไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนี้"
ความคิดต่ออีกฝ่ายของทั้งมณิกาและวายุมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ และเธอที่รู้สึกว่าการเรียกเขาว่าคุณชายวายุ รู้สึกลื่นปากมากกว่าการเรียกชื่อของเขาออกมาตรงๆ ด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มผู้หยิ่งยโสสอดมือสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกง ใช้แววตาเยือกเย็นและแฝงไปด้วยความทะนงตนกวาดมองเธอ
โดยไม่ปริปากพูดสักคำ
ขณะที่มณิกากำลังสบตากับเขา จู่ๆ เธอยักคิ้ว พลางถามว่า "นี่คุณกำลังสนใจฉันอยู่เหรอ? หึหึ คุณคงไม่ได้ตกหลุมรักฉันสินะ?"
เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของวายุ ใบหน้าที่ดำคล้ำเผยให้เห็นถึงความอัปลักษณ์นั้นแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเย้ยหยัน อีกทั้งคำพูดก็เต็มไปด้วยคำประชดประชัน
ได้ยินดังนี้ คิ้วดกดำของวายุก็ผูกเข้าหากัน และตามด้วยคำพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินว่า "หลงตัวเอง"
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของมณิกาดึงวายุกลับไปสู่โลกแห่งความจริง เขาคิดทบทวนกับตนเองว่า ทำไมจึงต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยหญิงสาวที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองเลย?
หรือจะชอบเธอขึ้นมาจริง ๆ ?
ไม่นะ
คนอย่างวายุไม่มีทางชายตามองหญิงอัปลักษณ์แบบนี้แน่นอน
สาวบ้านนอก ที่ไม่ได้เป็นที่เชิดหน้าชูตา ไม่คู่ควรกับเขาเสียด้วยซ้ำ
ฝันไปเถอะ!
"ถ้าคุณไม่ได้เป็นหลานสาวบุญธรรมของคุณย่า คุณจะเป็นจะตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม"
เขาอธิบายอย่างสมเหตุสมผล
แต่เหมือนเขากำลังโกหกใจตัวเองมากกว่า และนั่นก็ตอบใจตัวเองได้ว่า ทำไมเขาจึงเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอจากกองเพลิง
"ฉัน..."
"ณิกา? พระเจ้าช่วย ณิกา เธอไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม ฉันตกใจมากเลยนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า