มณิกาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าวายุจะให้เธอเข้าไปทำงานในสดุภากรุ๊ป
"ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น นี่เป็นความต้องการของคุณย่า"
สายตาที่ชายหนุ่มมองมาเต็มไปด้วยแววเอือมๆ กลัวว่าเธอจะคิดมากไปไกล
"ไม่ไปได้ไหม?"
เธอไม่อยากไปทำงานที่นั่นจริงๆ
กลางวันต้องเจอวายุที่บริษัท กลางคืนเลิกงานมาก็ยังต้องมาเจอวายุอีก มณิกาจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าต้องใช้ชีวิตแบบที่ต้องเจอวายุที่ตามหลอกหลอนไปทุกที่ขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ มันจะน่ากลัวมากแค่ไหน
อีกอย่าง เธอรำคาญผู้ชายคนนี้มากๆ ด้วย
กลัวว่าพอได้เห็นหน้าบ่อยๆ แล้วจะอารมณ์ไม่ดีเข้า
ติ๊ง——
ในตอนนี้เอง ลิฟต์ก็เปิดออก วายุเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากลิฟต์ ทิ้งคำพูดที่ส่งเสียงดังมาแต่ไกล "ไม่ได้"
คำตอบนี้ไม่เหลือช่องว่างให้โต้กลับอย่างไม่ต้องสงสัย
มณิกามองบนพร้อมลูบขมับ "บาปกรรมอะไรเนี่ย"
เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นวายุขึ้นไปนั่งบนรถ โดยมีนภัทรประจำเบาะคนขับ ทว่าประตูเบาะหลังกลับเปิดค้างเติ่งเอาไว้อย่างนั้น
มณิการู้สึกว่าวายุต้องถูกนภัทรับใช้จนชินไปแล้วแน่ๆ ขนาดแค่จะปิดประตูยังต้องให้คนอื่นปิดให้ เธอจึงเดินเข้าไปเตือนด้วยความหวังดี "คุณยังไม่ปิดประตูรถ"
จากนั้นก็เธอก็ปิดประตูให้เขาจนเกิดเสียงดัง ทั้งยังโบกมือให้ "บาย"
พูดในใจว่า : นี่สินะที่เรียกว่าทดแทนคุณเมื่อท่านยาก
ตอนนี้ถ้าเอาตามเนื้อผ้าแล้ว ต่อให้เธอจะไม่ชอบหน้าวายุมากแค่ไหน แต่ก็ต้องรักษาสีหน้าให้นิ่งๆ เอาไว้ เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มโกรธจนยึดห้องคืน
ค่าน้ำเอย ค่าไฟเอย ค่าส่วนกลางเอย หรือค่าอยู่ค่ากินอะไรพวกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นรายจ่ายที่ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ ทั้งนั้น
ถ้าหักได้เธอก็จะพยายามหัก
ส่วนเงินเก็บก็ส่งไปให้พ่อแม่ เพื่อให้พวกเขาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อีกฟากกระจกกั้น เมื่อวายุเห็นประตูรถปิดลง สีหน้าพลันอึมครึมลงทันที
เมื่อนภัทรมองผ่านกระจกหลังเห็นเจ้านายหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาในทันที จึงกดเลื่อนกระจกลง เอ่ยพูดกับมณิกาว่า "คุณมณิกาจะไปไหนเหรอครับ? ขึ้นรถสิ ผมจะไปส่ง"
"แหะๆๆ ขอบคุณนะผู้ช่วยนภัทร แต่ว่าฉันไปเองดีกว่า"
ถ้าให้วายุรู้ว่าเธอไปทำงานที่บริษัทของเหนือเมฆ แบบนั้นก็จบเห่กันพอดีน่ะสิ
"เอ่อ....คือ....."
นภัทรพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรไปต่ออย่างไรดี เขาเหลือบมองกระจกหลังอีกครั้ง มองบอสของตัวเองด้วยแววตาขอความช่วยเหลือ"
แต่ใครจะไปคิดว่าวายุจะเอ่ยเสียงเย็นออกมาแทน "ไปได้แล้ว"
"ครับ บอส"
นภัทรเลื่อนกระจกขึ้น สตาร์ทรถขับออกไป
ด้านมณิกาเดินออกไปทางลานจอดรถ
แม้ว่าลิฟต์ส่วนตัวของคอนโดจะไปถึงห้องโถงของคลับดิมไลท์ แต่ว่าเนื่องจากตอนนี้คลับยังไม่เปิด ประตูใหญ่ยังล็อกสนิท เธอไม่สามารถเดินออกทางประตูใหญ่ได้ ทำได้แค่เดินออกตรงชั้นหนึ่งไม่ก็ชั้นสอง
ซึ่งชั้นสองวายุออกได้แค่คนเดียวเท่านั้น เพราะว่าชั้นสองมีลานจอดรถส่วนตัวของเขา แถมยังมีคนขับรถส่วนตัวมารอเขาอีกด้วย
เธอนี่สิน่าอนาถของจริง
เมื่อเดินออกมาจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน เธอก็ใช้โทรศัพท์สแกนคิวอาร์โค้ด แล้วขับจักรยานไปที่บริษัท
จนมาเจอเหนือเมฆที่ห้องทำงานของประธานบริษัท
ทั้งสองเอ่ยทักทายกันเล็กน้อย จากนั้นมณิกาก็เดินไปหาฝ่ายเลขาให้เลขาเริ่มสอนงานให้
ต้องทำความคุ้นเคยกับระบบบริษัทก่อนอันดับแรก แล้วจึงทำความเข้าใจลึกลงไปเกี่ยวกับความเป็นมาของบริษัทและภาพรวมรายได้ของบริษัทอีกที
ยุ่งเป็นพัลวันอยู่แป๊บๆ พริบตาเดียวก็พักเที่ยงแล้ว
ในตอนที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน เสียงผิวปากก็ดึงความสนใจของเธอ จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง จึงเห็นเหนือเมฆยืนอยู่หน้าประตู มองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า