คุณคือของขวัญจากฟ้า นิยาย บท 92

สรุปบท บทที่ 92 ได้โปรดเป็นคนดีบ้างเถอะ: คุณคือของขวัญจากฟ้า

สรุปเนื้อหา บทที่ 92 ได้โปรดเป็นคนดีบ้างเถอะ – คุณคือของขวัญจากฟ้า โดย BUNNY

บท บทที่ 92 ได้โปรดเป็นคนดีบ้างเถอะ ของ คุณคือของขวัญจากฟ้า ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย BUNNY อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

"นี่วายุ กระเป๋าของฉันไม่ใช่ว่าคนของคุณคอยลากมาให้หรอกเหรอ กระเป๋าเดินทางของฉันล่ะ?"

เธอเลิกคิ้วมองวายุ และแสดงท่าทางย้อนถามกลับ

ชายหนุ่มหุบร่มลง พร้อมทั้งรัดสายร่มอย่างระมัดระวัง พลันเหลือบมองมณิกาอย่างเย็นชา ริมฝีปากบางเผยอออกมา "ผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมต้องช่วยคุณลากกระเป๋าด้วยล่ะ?"

อีตานี่ ที่แท้ก็กำลังคิดบัญชีอยู่นี่เอง

มณิกาหน้าถอดสีทันที พลันเหลือบมองวายุ เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่แนะนำวายุให้ถิรพัชร์รู้จักเขาเลยโมโหทันที

ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าเขาเป็นใจจืดใจดำเช่นนี้

"คุณนี่ช่างใจร้าย เราหมดความเป็นเพื่อนกัน"

เธอส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างเย็นชา และพูดกับถิรพัชร์ว่า "นายรอฉันอยู่ที่นี่สักพักนะ ฉันขอไปเอากระเป๋าก่อน เดี๋ยวจะรีบกลับมา"

พูดจบ เธอก็หันตัวเพื่อเดินไปเอากระเป๋า จังหวะที่เดินผ่านวายุนั้น พลันใช้ข้อศอกกระทุ้งแขนเขาไปครั้งหนึ่ง 'ร้ายมาก็ร้ายกลับ' ไม่โกง

ตอนเดินลงจากเขา ถนนที่มีแต่โคลน แถมยังลื่นจนเดินเหินลำบากมาก จนทำให้เธอเดินได้ช้ามาก

การเดินเท้าที่ใช้ระยะเวลาสิบกว่านาทีแต่เดิมนั้น แต่ขาไปเธอกลับเดินยี่สิบกว่านาที และใช้เวลาเดินเท้าอีกยี่สิบกว่านาทีในการเดินย้อนกลับมา ตรงนั้นเหลือแค่วายุอยู่คนเดียวแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ไม่เห็นหัวแล้ว

เธอโมโหจนวางกระเป๋าเดินทางไว้กับพื้น พร้อมทั้งทำตาแข็งใส่วายุ พลันย้อนถามอย่างเอาเรื่อง "ถิรพัชร์ล่ะ?"

"เขาพูดว่าคุณเดินช้าอย่างกับเต่า เลยขอเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว"

มือหนึ่งของวายุกำลังกางร่มอยู่ ส่วนอีกมือกำลังซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงชุดกีฬา พลันพูดหนึ่งประโยคออกมาอย่างเย็นชา

"เป็นคนดีๆ บ้างไม่ได้หรือไง!"

มณิกากลอกตามองเขา พร้อมทั้งโมโหกระฟัดกระเฟียด

อีตาผู้ชายสารเลวคนนี้ แค่เธอเพิ่งพูดประโยคเดียวเอง แต่กลับทิ้งกระเป๋าของเธอไว้จนห่างหลายกิโลเมตร จนทำให้เธอต้องเดินเหนื่อยฟรีๆ จนเกือบเป็นชั่วโมง

"ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ จะเป็นคนดีๆ หรือไม่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณอยู่แล้ว"

ชายหนุ่มควานบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าหนึ่งมวน จากนั้นจึงจุด และยืนสูบอยู่อย่างเงียบๆ

มณิกาเดินผ่านวายุ และเดินลากกระเป๋าไปทางด้านหน้า

ทางเดินขึ้นเขา ถนนหนทางบนเขาขรุขระและสัญจรอย่างยากลำบาก บวกกับมีฝนตกหนักลงมาเมื่อครู่ จนทำให้พื้นผิวถนนแฉะเละเป็นโคลน จนเดินเหินลำบากยากยิ่งกว่าเดิม

เธอเดินลากกระเป๋าขึ้นเขา และใช้พลังงานไปอย่างเหน็ดเหนื่อย

เมื่อขึ้นมาบนเขาแล้ว ตอนที่กำลังยืนอยู่บนยอดเขา พอเงยหน้าถึงได้รู้ว่า ถิรพัชร์กับอีกสองคนได้ปีนขึ้นยอดภูเขาลูกที่อยู่ด้านหน้าแล้ว

สามารถพวกเห็นด้านหลังกลุ่มพวกเขาอย่างเลือนราง

มณิกาที่กำลังไม่พอใจวายุ จนโกรธและเดินนำหน้าไป แถมไม่พูดไม่จาสักคำ

วายุเดินตามหลังติดๆ เมื่อเห็นว่าเธอใช้พลังงานมาก จึงเอ่ยปากถามทันที "ให้ผมช่วยคุณหิ้วไหมล่ะ?"

"ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ ไม่ต้องมายุ่ง!"

อารมณ์โกรธเคืองของสาวน้อยยังยอกย้อนกลับไปประโยคนั้นอยู่อีก

"อื้อ ถือว่ามีหลักการ"

วายุส่งเสียงตอบรับ แต่ก็ไม่ได้พูดเพิ่มอะไรอีก ในทางกลับกันเอาแต่เดินตามหลังเธอมาเงียบๆ

ไม่ว่าเดี๋ยวจะขึ้นเขา หรือจะลงเขาอีกก็ตาม แม้ว่ามณิกาจะใส่รองเท้ากันลื่น แต่ก็ไม่สามารถยืนบนเขาอันสูงชันได้ แถมพื้นถนนยังลื่น จนเธอลื่นล้มไปตั้งหลายครั้งติดกันแล้ว สุดท้ายจึงใช้กล่องในการเป็นตัวยันกับพื้นถนน จึงทำให้ทรงตัวได้ดีขึ้น

แต่เธอ ก็ยังไม่ได้สังเกตเลยว่าทุกครั้งที่เธอจะลื่นนั้น วายุก็คอยยื่นมือเขามา เพื่อต้องการจะช่วยประคองเธอ แต่เพราะเธอยืนทรงตัวได้แล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ หดมือกลับไปอย่างเงียบๆ

มณิกาที่เหนื่อยจนยืนหอบอยู่บนไหล่เขา พร้อมทั้งมองทางลงเขาอันลาดชัน กลัวว่าเดี๋ยวจะลื่นลงไป เธอเลยยืนอยู่บนก้อนหิน พร้อมทั้งเอามือเท้าเอว และหันกลับไปจ้องวายุตาเขม็ง

ทั้งสองคนสบตากัน

คนหนึ่งก็นิ่งทำตัวสบายๆ อีกคนก็โมโหจนหอบแฮ่ก

กระเป๋าของมณิกามันช่างหนักมากจริงๆ การลากมันเดินไกลซะขนาดนี้ถือว่าไม่ง่ายสักนิด

แต่ด้วยความโกรธที่อัดแน่นอยู่ใจ จนในที่สุด 'ยอมแพ้ให้อีกฝ่ายแทน'

คำที่ว่ากันว่า 'รู้เขารู้เราชนะร้อยครั้ง' 'มนุษย์ไม่ได้วางแผนเพื่อตนเองแต่กลับโยนความผิดให้สวรรค์'

ดังนั้น เธอจึงเลือกศิโรราบ

"วายุ คุณเป็นพี่ชายบุญธรรมของฉันนะ แต่ไม่ยอมช่วยฉันตลอดการเดินทางมันหมายความว่ายังไง? คุณเชื่อไหมว่าฉันจะกลับไปฟ้องคุณย่า?"

"อย่าไปคิดบัญชีกับเด็กผู้หญิงเลยค่ะ"

วายุโยนร่มให้มณิกา และเดินมาทางด้านหน้าและถือกระเป๋าของเธอเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นมือมาทางเธอ

เมื่อเห็นดังนั้น มณิกาถึงกลับตะลึงทันที "ทำอะไร? นี่คุณกำลังจะทำอะไรเนี่ย?"

เธอถึงกลับเอามือป้องปากตามสัญชาตญาณ "นี่คุณคงไม่คิดจะช่วยฉันลากกระเป๋าใช่ไหม เก็บตังค์ไหมเนี่ย?"

ฉันร้องขอให้คุณเป็นคนดีๆ อย่าได้ทำตัวแย่แบบนี้ จะได้ไหม

"พูดมากอะไรอยู่!"

วายุเขยิบเข้าใกล้เธอ พลันกำมือเธอเอาไว้ และใช้อีกมือลากกระเป๋า และค่อยๆ เดินลงจากเขา

มณิการู้สึกแค่ว่าฝ่ามือร้อนผ่าว การถูกฝ่ามือใหญ่ของเขากุมมือเล็กๆ เอาไว้แน่น จนความรู้สึกไม่ปลอดภัยมันประดังประเดเข้ามาแบบไม่รู้ตัว

เพียงชั่วพริบตาเดียว มณิกาจึงตื่นตัวทันที "นี่ วายุ คุยปล่อยมือเถอะ ฉันกำลังสงสัยอย่างหนักว่าคุณกำลังแต๊ะอั๋งฉันอยู่"

เมื่อสิ้นเสียง วายุจึงผ่อนมือทันที ประจวบเหมาะกับเป็นทางลงเขาอันลาดชัน มณิกาลื่นไถล จนลื่นไปนั่งกองกับพื้น "โอ๊ย ก้นฉัน"

การลื่นไถลไปนั่งกองกับพื้น มันล้มจนปวดตั้งแต่ก้นลามมาถึงเอวเลยทีเดียว

มณิกาสูดลมเข้าปากด้วยความเจ็บปวด พลันมองรองเท้ากีฬาที่ใส่มา พร้อมทั้งหยุดบ่นออกมาไม่ได้ "นี่มันรองเท้าห่าเหวอะไรเนี่ย ไม่เห็นจะป้องกันการลื่นสักนิดเลย"

ผู้ชายที่อยู่ห่างจากเธอสองเมตรหันศีรษะกลับไป พลันมองเธออย่างเย็นชา สีหน้าไร้ความรู้สึก

มณิกาใช้มือข้างหนึ่งประคองเอวเอาไว้ และอยากจะลุกขึ้น แต่บริเวณโดยรอบมีแต่ทางลาดชันทั้งนั้น ฝ่าเท้าก็รับน้ำหนักไม่ไหว เธอเกรงว่าอีกเดี๋ยวคนก็จะลุกมาไม่ได้ แถมยังลื่นไถลลงไปเหมือนตกบันได

พลันเหลือบมองวายุ "มาช่วยพยุงฉันทีสิ ได้ไหมคะ พี่ชาย?!"

คำว่า 'พี่ชาย' เหมือนเค้นออกมาจากไรฟัน

แต่ผลที่ได้คือวายุพูดออกมาว่า "อย่าดีกว่ามั้ง ผมไม่อยากแต๊ะอั๋งคุณ"

ชายหนุ่มพูดตามปกติ ทว่าในคำพูดกลับมีท่าทางเฉยเมย 'ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่สนใจสิ่งใด'

มณิกาทั้งโมโหและโกรธเคือง และอัดอั้น แต่จำต้องอดกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ "พี่ชาย ฉันก็แค่พูดหยอกล้อกับคุณเท่านั้นเอง ฉันเป็นน้องสาวของคุณนะ คุณต้องปกป้องฉันสิ ไม่งั้นกลับไปฉันจะไปฟ้องคุณย่า"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า