อ่านสรุป บทที่145 สี่ตระกูลใหญ่ถูกขูดรีด จาก คุณพ่อสายเปย์ โดย ลู่ลู่
บทที่ บทที่145 สี่ตระกูลใหญ่ถูกขูดรีด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต คุณพ่อสายเปย์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลู่ลู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่145 สี่ตระกูลใหญ่ถูกขูดรีด
"พวกเราเองก็เพิ่งมาถึงครับ" เฉินกวงซิงยิ้มแล้วพูดขึ้น
คนอื่นๆก็ยิ้มตามและพยักหน้า
ถ้าเป็นพนักงานบอกว่ารถติดเลยมาสาย คาดว่าเจ้านายคงไม่เชื่อ
แต่เซ่ซูเจี๋ยบอกว่ารถติดจะมีใครกล้าสงสัยเขากัน
เมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เซ่ซูเจี๋ยก็เริ่มสั่งอาหารและพูดออกมาตรงๆว่า “เหตุผลที่ผมเรียกทุกท่านมาในวันนี้คาดว่าทุกท่านคงจะเข้าใจดี พวกคุณในฐานะตัวแทนนักธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญของเมืองหยูโจว เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก พวกเราต้องการให้พวกคุณช่วยเหลือ”
“ครับ เหมาะสมแล้ว” เฉินกวงซิงพยักหน้าเห็นด้วย
จางซิงฉวนมองดูเซ่เว่ยเหาแล้วพูดว่า “ทำไมไม่เชิญเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี มาด้วยครับ?”
หลิวไคหยางเองก็จ้องไปยังเซ่เว่ยเหา
ช่วงนี้พวกเขาพยายามอย่างมากที่จะสืบหาข้อมูลเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีว่าเป็นใคร แต่ก็ไม่มีข้อมูลแม้แต่น้อย
เซ่เว่ยเหามองไปยังลู่เฉินและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ลู่เฉินก็พูดขัดขึ้นมาว่า “เซ่ซูเจี๋ยครับ เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ผมต้องแสดงความเสียใจกับบรรดาประชาชนด้วย แต่ผมไม่สามารถลงไปช่วยเหลือพวกเขาด้วยตนเองได้ ผมขอบริจาคเงินในนามของ เซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ตบริจาคเงิน100ล้านครับ”
พระเจ้า!
เซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นร้านค้าเล็กๆธรรมดายังบริจาค100ล้าน ไม่เห็นหัวพวกเขาเลยหรือไง?
แม้แต่เฉินกวงซิงเองก็มองลู่เฉินอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ร้านค้าเล็กๆบริจาค100ล้าน แล้วพวกเขาจะบริจาคน้อยกว่านั้นได้ยังไง?
รายนามบริจาคเช่นนี้ต้องได้ออกสื่อแน่นอน และเมื่อถึงเวลาทุกคนก็ใช้เหตุผลนี้ในการโฆษณาธุรกิจตัวเอง ผู้คนต่างก็จะสรรเสริญพวกเขา
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านำเงินไปลงโฆษณามากหลายเท่า
ลู่เฉินเห็นเฉินกวงซิงมองมาด้วยสายตาเช่นนั้น ในใจก็คิดว่าผมเองก็ถูกพวกคุณบีบบังคับนะครับ
คุณไม่เห็นเหรอว่าพวกเขาพยายามจะหาตัวผมออกมาให้ได้?
ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมวางมือ ถ้าอย่างนั้นก็ควรขูดเลือดขูดเนื้อกันสักหน่อย อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนจุดสนใจของพวกเขาได้ด้วย
“ครับ ครับ ผมในนามตัวแทนของผู้ประสบภัยต้องของขอบคุณเถ้าแก่ลู่มากที่ให้ความสนับสนุนช่วยเหลือ” ถ้าลู่เฉินบริจาคในนามร้านค้าเล็กๆจำนวน100ล้าน แน่นอนว่าอีกสี่ตระกูลใหญ่ต้องไม่กล้าบริจาคน้อยกว่านี้แน่ๆ เมื่อถึงเวลาอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนได้หน้า
เม้จะเป็นเพียงเมืองๆหนึ่ง แต่ธุรกิจในท้องที่รวมตัวกันได้ยอดบริจาคกว่า100ล้าน ยอดบริจาคแบบนี้คาดว่าในประเทศคงมีไม่กี่เมืองที่ทำได้
เลขาของเซ่เว่ยเหาก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาเพิ่งเคยเจอลู่เฉินครั้งแรกและไม่รู้ว่าลู่เฉินเป็นใครมาจากไหน รู้แค่ว่าเถ้าแก่ร้านค้าธรรมดาให้ยอดบริจาคถึง100ล้าน จะไม่ให้ตกตะลึงได้ยังไงกัน
จางซิงฉวน จั่วเจียเหลียงและหลิวไคหยางมองดูลู่เฉิน จากเดิมที่ตกใจทำอะไรไม่ถูก กลับกลายเป็นความแค้น
ลู่เฉินไอ้กระจอกนี่ไม่ต่างจากโจรเรียกค่าไถ่เลยจริงๆ!
“บ้านตระกูลเฉินบริจาค120ล้านครับ” เฉินกวงซิงมองไปทางลู่เฉินอย่างอาฆาต และพูดออกมาในที่สุด
จากเดิมเขาตั้งใจว่าจะบริจาคประมาณ3-5ล้าน แต่คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะมาไม้นี้ เริ่มต้นด้วย100ล้าน และประเด็นคือไม่ได้บริจาคในนามเทคโนโลยีอี้ฉี แต่บริจาคในนามร้านค้าเล็กๆ!
ในฐานะหัวหน้าตระกูลใหญ่ทั้งสี่ที่แข็งแกร่งที่สุด เขาจะยอมได้อย่างไร?
เนื่องจากตอนนี้สองคนแม่ลูกเธอหิวมากจริงๆ
“พี่ครับ ขึ้นรถมาก่อนเถอะ ผมจะพาไปกินข้าวแล้วค่อยหาวิธีทำบัตรประชาชน” ลู่เฉินมองดูเด็กน้อยแล้วรู้สึกสงสารจับใจ
“ขอบคุณมากๆจริงๆ บุญคุณมากล้นเหลือเกิน รอให้ลูกชายฉันโตแล้วฉันจะให้เขาไปรับใช้คุณ” หญิงคนนั้นโค้งคำนับลู่เฉินจากใจจริง
ลู่เฉินพยักหน้า ความจริงใจของพี่สาวคนนี้ทำให้เขารู้สึกซึ้งใจ เมื่อทั้งสองขึ้นรถมาแล้วเขาก็พาทั้งสองมากินอาหารจีนแห่งหนึ่ง
หลังจากที่อาหารขึ้นครบแล้ว เขาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำและใช้โอกาสนี้โทรหาเซ่เว่ยเหา
เซ่เว่ยเหากำลังวุ่นวายอยู่กับการขอรับบริจาค จึงทำให้ไม่รับรู้เรื่องปัญหาเหล่านี้ว่าที่จริงแล้วควรจัดการก่อน
“พี่ชื่ออะไรครับ?” เมื่อกลับมากินข้าว ลู่เฉินก็เอ่ยถามขึ้น
“ฉันชื่อ หลี่หงเหม่ย” หญิงขาพิการคนนั้นตอบ
“ปกติพี่ทำงานที่ไหนครับ?” ลู่เฉินถามต่อ
“ขาซ้ายของฉันเดินไม่ถนัด หางานได้ยากทำได้แค่คนทำความสะอาด แต่ตอนนี้บ้านก็ไม่มีแล้ว จะให้ทิ้งลูกไปทำงานได้ยังไง วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปทำงาน” หลี่หงเหม่ยตอบ
“สามีละครับ?” ลู่เฉินถาม
หลี่หงเหม่ยนิ่งไปชั่วครู่ นัยน์ตาเริ่มแดงและตอบว่า “ตอนนั้นที่ฉันถูกคนทำร้ายจนขาพิการ เขาก็โมโหมากและทำร้ายฝ่ายตรงข้ามจนพิการเหมือนกัน ตอนนี้ถูกจำคุกเหลือเวลาอีกปีครึ่งถึงจะได้ออกมา”
ลู่เฉินรู้สึกสงสารสองแม่ลูกขึ้นมาจับใจ เมื่อกินข้าวเสร็จเขาก็บอกว่า “เอาอย่างนี้ไหม ผมให้งานพี่ทำ กินฟรีอยู่ฟรีเงินเดือนหกพัน พี่เอาลูกไปที่บริษัทได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์