บทที่187 ทุกหมัดล้วนสัมผัสถึงร่างกายอย่างเอาจริงเอาจัง
"โอเค ฉันลู่เฉินเป็นคนที่รักษาคำพูด ในเมื่อที่พูดแล้วว่าจะต่อสู้ ก็จะทำตามที่ตกลงกันไว้"ลู่เฉินนำหนังสือสัญญาแสดงความเป็นเจ้าของของทะเลสาบปี้หยางโยนให้ตู้เฟย จากนั้นก็เดินไปทางเวทีต่อสู้
เขาไม่ได้ขี้ขลาดใจกับการต่อสู้นี้มาตั้งแต่แรก สาเหตุที่จะก่อเรื่องพวกนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะหลอกลวงตระกูลจางสักรอบหนึ่ง และในขณะเดียวกันก็นำเกาะสีเขียวกลับคืนมาด้วย
ในแผนของเขา เกาะสีเขียวก็คือฐานที่ดีที่สุดสำหรับหินหยาบ แน่นอนต้องเอากลับคืนมาจากตระกูลจางให้ได้
พื้นที่ของเกาะสีเขียวไม่ใหญ่ ก็แค่ประมาณห้ากิโลเมตร แต่ก็เพียงพอที่จะนำมาสร้างสวนบันเทิงที่เกาะนี้แล้ว
สวนบันเทิงนี้จะนำเครื่องประดับ เพชร ของโบราณและอีกอื่นๆเป็นฐานหลัก ถ้าสร้างขึ้นมาเสร็จเมื่อไหร่ สามารถคาดการณ์ได้ว่าธุรกิจของตระกูลจั่วจะพบกับวิกฤตอันใหญ่ยิ่งซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
แถมตระกูลจั่วยังต้องซื้อหินหยาบเครื่องประดับจากลู่เฉินด้วย
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินเดินไปที่เวทีต่อสู้อย่างจริงจัง ทุกคนล้วนเบิกตากว้าง
พวกเขานึกอยู่ตลอดว่าลู่เฉินไม่กล้าไปต่สู้แน่นอน
แต่เมื่อนึกถึงเงื่อนไขของลู่เฉินสองข้อเมื่อกี้ตระกูลขางล้วนทำตามเขาแล้ว ถ้ากากเขายังไม่ขึ้นไปอีก นั้นกลัวว่าตระกูลจางคงต้องต่อต้านกับเขาจนถึงขั้นชีวิตแน่นอน
เฉินจือหรานและท่านปู่ตระกูลเฉินก็รู้สึกประหลาดใจมาก พวกเขาคาดไม่ถึงว่าลู่เฉินขึ้นไปบนเวทีแล้วจริงๆ
ไอ้เจ้านี่ไม่ทำตามหลักทั่วไปเลยนะเว้ย
"พี่สาวดูสิ พี่เขยขึ้นไปแล้วจริงด้วย เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย?"หลินอี้เจียถามด้วยความไม่เข้าใจ
หลินอี้จุนก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ในช่วงเวลาสักครู่นี้ใจของเธอก็ขึ้นๆลงๆไปหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เธอเงียบขรึมไว้
เธอรู้สึกว่าไม่ว่าตัวเองจะเดายังไง ล้วนเดาความคิดของลู่เฉินไม่ได้
"ซูเจี๋ย นี่มันไม่ไปตามที่เราคาดการณ์กันไว้นะ"เลขาจางก็พูดอย่างประหลาดใจ
พวกเราล้วนคิดว่าลู่เฉินจะหยอกล้อตระกูลจางอีกครั้ง และพากลุ่มคนกลับไปอย่างคึกคัก
แต่ใครจะไปรู้ว่า ในที่สุดลู่เฉินเลือกทางที่ไม่มีใครเดาได้
ต่อสู้กับตงฟางหลง เขาจะเอาชนะได้รึ?จะไปหาความทุกข์ทรมานใส่ตัวเองทำไมล่ะ?
เซ่ซูเจี๋ยก็อึ้งไปเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขายังพูดอย่างมั่นใจว่า หลังจากลู่เฉินหยอกล้อตระกูลจางเสร็จ แน่นอนว่าจะวิ่งหนีทันที
ไม่มีใครสามารถเดาความคิดที่แท้จริงของเจ้านี่ได้เลย
"เราดูไปก่อนเถอะ เขาอาจมีวิธีอะไรใหม่ๆก็ได้นะ"เซ่ซูเจี๋ยมีแต่ต้องปลอบใจตัวเองแบบนี้
ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ลู่เฉินก็ได้ขึ้นไปถึงบนเวที ยืนอยู่ด้านตรงข้ามของตงฟางหลง
สี่ตามองเข้าหากัน สายตาของคนหนึ่งราวกับว่ามีไฟลุกขึ้นมา ส่วนอีกคนหนึ่งเงียบสงบราวกับน้ำ
"ในที่สุดคุณก็กล้าขึ้นมาสู้กับฉันแล้ว!"ตงฟางหลงพูดอย่างเย็นชา
"คุณนึกว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ขึ้นมาเป็นเพราะหวาดกลัวคุณ ไม่กล้าสู้กับคุณเหรอ?"ลู่เฉินยิ้มอย่างราบเรียบ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะอยากจะหลอกลวงตระกูลจางสักรอบหนึ่ง จึงก่อเรื่องพวกนั้นขึ้นมา
เขายอมรับว่าตงฟางหลงเป็นซามูไรที่เก่งที่สุดเท่าที่เขาได้เห็นมายยกเว้นหยุนลาว แต่เขาก็ไม่กลัว ตงฟางหลงเก่งจริง แต่เขาเองก็ไม่อ่อนนะ
ไม่ใช่หรือ?
ทุกคนแอบถามกลับในใจแทนคงฟางหลง
อย่างน้อยก่อนที่ลู่เฉินจะขึ้นไป ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะกล้าขึ้นไปสู้
"ดีมาก นั่นลงมือเลย ฉันอยากจะดูว่าความสามารถของคุณเก่งเท่ากับความหน้าด้านของคุณหรือเปล่า"ตงฟางหลงพูดประชดขึ้นมา
"ตามใจคุณ"เท้าซ้ายของลู่เฉินถอยไปเล็กน้อย มือสองข้างกำเป็นหมัดขึ้นมา
แม้จะไม่กลัวตงฟางหลง แต่ยังไงก็เป็นตัวยงสู้กัน เขาก็ไม่กล้าประมาท
ตงฟางหลงเห็นช่วงเวลาที่ลู่เฉินตั้งท่าขึ้นมา มีลมแห่งกำลังภายในที่มองไม่เห็นได้แผ่ออกมา ทำให้รูม่านตาของเขาก็หดลงเล็กน้อย และไม่กล้าดูถูกลู่เฉินอีก กำมือสองข้างเป็นหมัดเหมือนกัน เท้าค่อยๆเคลื่อนที่ไปซ้ายและขวา ส่วนสายตาจ้องแต่ตาของลู่เฉิน
ลู่เฉินตีหน้าตาย ดวงตานิ่งราวกับสุภาษิตที่ว่านํ้านิ่งไหลลึก ไม่มีความผันผวนแม้แต่นิด
ผู้คนที่อยู่ใต้เวทีได้เห็นทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน ล้วนรับรู้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นแพร่กระจายลงมาจากบนเวที ผู้คนที่อยู่ใกล้ล้วนมีความรู้สึกหายใจลำบาก
"พวกเขาทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่ลงมือล่ะ?"หลินอี้เจียเห็นลู่เฉินและตงฟางหลงล้วนได้ตั้งท่าแล้ว แต่ไม่มีใครลงมือก่อน เลยใจร้อนขึ้นมาแทนสองคนที่อยู่บนเวที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์