คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 209

สรุปบท บทที่ 209 ความโกรธที่กำลังรอวันปะทุ: คุณพ่อสายเปย์

สรุปตอน บทที่ 209 ความโกรธที่กำลังรอวันปะทุ – จากเรื่อง คุณพ่อสายเปย์ โดย ลู่ลู่

ตอน บทที่ 209 ความโกรธที่กำลังรอวันปะทุ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง คุณพ่อสายเปย์ โดยนักเขียน ลู่ลู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 209 ความโกรธที่กำลังรอวันปะทุ

“หลี่หู ทำไมถึงเป็นหลี่หู?” เสี่ยวจี้ตกใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าขึ้นสีซีดเผือดทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขานั้นจะมีบริษัทเป็นของตนเองแต่เขาคงไม่กล้าพอที่จะไปหาเรื่องหลี่หูหรอก

ถ้าหากเขารู้มาก่อนว่าบุคคลในตระกูลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่หู ต่อให้เขามีความกล้ามากมายขนาดไหนเขาก็คงจะไม่กล้าย่างกรายไปรังควานคนของหลี่หูเป็นแน่

ทางด้านหวังว่านเองเมื่อเขาเห็นเสี่ยวจี้ก็มีอาการตกใจไม่แพ้กัน ใบหน้ามนแสดงอาการหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก เพราะเขาเองก็รู้ดีกว่าเสี่ยวจี้คงไม่กล้าพอที่จะต่อกรกับหลี่หูเป็นอย่างแน่นอน ในเมื่อเสี่ยวจี้ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเขาได้ ตระกูลหวังของเขาก็คงจะไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

“ลู่เฉิน ในเมื่อนายเป็นคนที่ถูกทำร้าย นายก็ควรจัดการปัญหาพวกนี้เองนะ อย่าให้มันลำบากถึงตระกูลวังของฉัน” หวังว่านใจเต้นแรงและเพ่งสายตาสั่นไหวไปทางลู่เฉิน

แน่นอนว่าตระกูลวังของเขาไม่สามารถต่อกรกับหลี่หูได้ เสี่ยวจี้ก็ไม่มีทางเช่นกัน เขาจึงคิดจะผลักภาระทั้งหมดไปยังลู่เฉิน

เมื่อลู่เฉินได้ฟังคำพูดของวังว่านเขาก็หรี่ตามองกลับอีกฝ่ายทันที เขาโกรธมากที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น

พูดตามความจริงว่าในตอนแรกเขาอยากจะช่วยตระกูลวัง แต่ไม่คาดคิดว่าว่าเสี่ยวฟางและหวังว่านจะไร้ยางอายถึงขนาดนี้ พวกมันรวมหัวกันผลักภาระทุกๆอย่างมาที่เขาเพียงคนเดียว

สำหรับเขาแล้วเขาไม่เคยกลัวหลี่หูอยู่แล้ว แต่ในเมื่อสองแม่ลูกเสี่ยวฟางเป็นคนที่เลวร้ายและไม่น่าคบหาแบบนี้ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง

“ถ้าหากว่าฉันจากไปตอนนี้ ตระกูลหวังของพวกนายจะสามารถต่อสู้กับความโกรธแค้นของหลี่หูได้ยังงั้นเหรอ?” ลู่เฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“แกจะไปไหน? แกไม่กลัวเหรอ? ถ้าแกไม่จัดการเรื่องทุกเรื่องให้เรียบร้อย แกกล้าไปเหรอ!” เสี่ยวฟางพูดข่มขู่ลู่เฉินด้วยความโกรธ

“หึ ถ้าฉันจะไปจริงๆ นายจะบังคับฉันได้เหรอ?” ทางด้านลู่เฉินเองก็โกรธจนถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินจากออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามองอีกเลย

เมื่อเสี่ยวฟางเห็นว่าลู่เฉินจากไปจริงๆ สีหน้าของเสี่ยวฟางก็ยิ่งซีดขาวกว่าเดิม นึกย้อนไปถึงตอนที่ลู่เฉินกำลังโกรธและกำลังจะจากไป ทำไมเขาถึงไม่ขวางลู่เฉินไว้กันนะ เพราะหากลู่เฉินจากไปเช่นนี้ อีกไม่นานคนของหลี่หูก็กำลังจะมาที่นี่ แล้วอย่างนี้ใครจะช่วยเหลือตระกูลวังของเขากันล่ะ?

หวังว่านเองก็ตะลึงเช่นกัน เขาเองก็นึกถึงว่าลู่เฉินจะจากไปและทิ้งพวกเขาไว้อย่างนี้ ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับเรื่องพวกนี้อย่างไรแล้ว

“วังไก วังจิน พวกแกสองพี่น้องยังไม่คิดจะไปขอโทษเขาอีกเหรอ?” อยู่ๆก็มีเสียงของชายชราคนหนึ่งที่มีอายุประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบปีพูดขึ้น

“คุณลุงหู…”วังไกพูดไม่ออก เขาเองรู้ดีว่าไม่ใช่ลู่เฉินที่เป็นคนทำร้ายหลี่หูก่อน และไอ้เรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็เพราะเสี่ยวเจียสั่งให้คนไปทำร้ายคนของหลี่หูก่อน จนทำให้ในตอนนี้คนของหลี่หูกลับมาแก้แค้น

แต่พวกเขาก็ไม่มีความสามารถพอที่จะต่อกรกับหลี่หูได้ เป็นเพราะสาเหตุนี้เองที่ทำให้พวกเขาเลือกที่จะเงียบและไม่พูดอะไรออกมา

วังจินเกิดอาการลังเลเพียงชั่วครู่ จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวิ่งออกไปตามลู่เฉิน “ลู่เฉิน ขอโทษด้วยนะ ฉันรู้ดีว่าเรื่องนี้นายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย แต่นายไปเถอะ ไม่ต้องให้พวกมันกลับมาที่นี่อีกครั้ง”

ถึงแม้ว่าวังจินเองก็มีอาการโกรธเพียงเล็กน้อย แต่เขาจะไม่เก็บเอาเรื่องพวกนั้นมาคิด เขารู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกิดเพราะคนของหลี่หู ถ้าเสี่ยวฟางและวังว่านยังคิดจะผลักภาระทั้งหมดให้ลู่เฉินเพียงคนเดียว ลู่เฉินเองก็คงจะต้องระเบิดมันออกมาอย่างแน่นอน และตัวเขาก็คงไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเช่นกัน

ถ้าหากว่าลู่เฉินต้องการจะจากไปจริงๆ เขาก็จะไม่ห้ามปรามอะไรทั้งนั้น ตรงกันข้ามเขากลับอยากให้ลู่เฉินรีบๆจากไป คนอย่างวังเสวี่ยจะได้ไม่ต้องกลับมาอีก

เมื่อวานตอนเย็นเสี่ยวฟางและหวังว่านเองก็ทำให้ลู่เฉินมีความโกรธเล็กๆ พวกนั้นบังคับให้พวกเขาไปนอนที่โรงแรม ถึงแม้ว่าตอนนั้นพวกเขาจะไม่พูดทักท้วงอะไรออกมา แต่ว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อเสี่ยวฟางและหวังว่านนั้นก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีอย่างแน่นอน

แต่คนคนนั้นก็ถือว่าเป็นพี่สะใภ้ของเขา ส่วนอีกคนเป็นถึงหลานสาวของเขา และไม่ว่ายังไงเขาจะพูดอย่างไร คนพวกนั้นก็จะเอาพี่ชายของเขามาอ้าง

ลู่เฉินมองไปยังวังจินที่แสดงสีหน้ารู้สึกผิด ในใจของเขาเองก็เต็มไปด้วยความสับสนไม่แพ้กัน “น้าวังครับ พวกคุณกลับยวี่โจวกับผมไหม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องที่พัก ผมจะจัดการทุกอย่างให้พวกคุณเอง”

มันจริงที่เขาตั้งใจจะกลับยวี่โจวในวันนี้ แต่เพราะวังจินเองก็ดีกับเขาเขาเองก็อยากจะช่วยเหลือ ไม่เหมือนกับวังไกที่เอาแต่ลังเลและไม่คิดจะทำอะไรสักอย่าง

วังจินชะงักงันทันที เขาไม่คาดคิดว่าลู่เฉินจะพูดเช่นนี้ ตกลงแล้วลู่เฉินเป็นคนยังไงกันแน่นะ?

ส่วนทางด้านเสี่ยวฟางและวังว่านที่ยืนแอบฟังอยู่ พวกเขามองไปยังคนสองคนที่กำลังสนทนากันด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยความอิจฉาริษยา

พวกเขารู้ว่าลู่เฉินร่ำรวยและมีเงินทองมากมาย ถึงได้ออกปากว่าจะช่วยครอบครัวของวังจิน

“เสี่ยวเฉิน นายมีความสามารถพอที่จะแก้ไขปัญหาพวกนี้ไหม?” วังจินเองก็รอฟังคำตอบของลู่เฉินอย่างใจจดใจจ่อ

ลู่เฉินหยักหน้าอย่างช้าๆเป็นการตอบรับ ทำให้วังจินดีอกดีใจ จนเป็นฝ่ายพูดออกมาคนแรก “เสี่ยวเฉิน งั้นน้าขอร้องคุณล่ะนะ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้มันอาจจะดูไม่ยุติธรรมกับคุณ แต่น้าอยากให้นายอยู่ช่วยพวกเราอีกสักครั้ง”

“ลู่เฉิน น้าขอโทษแกด้วยนะ” เมื่อวังไกรับรู้ว่าลู่เฉินสามารถแก้ไขเรื่องวุ่นวายนี้ได้ ในเมื่อคิดไว้ว่าต่อให้ต้องคุกเข่าขอโทษลู่เฉิน เขาก็จะทำ เพราะตัวเขาคงจะต่อสู้กับหลี่หูไม่ได้ ต่อให้ภรรยาและลูกสาวของตนเองจะคิดหยิ่งยโสเช่นไร แต่การขอโทษในครั้งนี้ เขาจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการสำนึกผิด

“คุณน้า คุณน้าทำอะไรครับ?” ลู่เฉินตกตะลึง เขารีบเข้าไปประคองร่างของวังไก เขาไม่ยอมให้วังไกคุกเข่าลงตรงหน้าแน่ๆ

“คุณน้าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้เลยครับ ผมรับรองว่าผมจะช่วยพวกคุณ เอ่อ…เรื่องที่คุณยายเป็นลมหมดสติไป ผมส่งท่านไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณสามารถโทรหาแม่ผมเพื่อถามถึงอาการของท่านได้เลย” ลู่เฉินกล่าว

“ได้เลย ขอบใจนะ” วังไกพยักหน้ารับรู้ เขารู้ดีว่าลู่เฉินต้องการเบี่ยงเบนประเด็นการสนทนา เพื่อลดความอึดอัดระหว่างพวกเขาลง ทำให้เขายิ่งตื้นตันใจต่อลู่เฉินขึ้นไปอีก แต่เขากลับโกรธลูกสาวและภรรยาของตนเองยิ่งขึ้น

ทางด้านหลี่หูที่กำลังรอสายเรียกเข้าจากพวกตระกูลวัง แต่หลี่หูกลับได้รับสายจากหนิวต้าชัน

หลังจากวางสายหลี่หูก็ชมวดคิ้วเข้มจนเป็นปม

หนิวต้าชันเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในฉีเจียง พวกเขาเป็นกลุ่มที่กุมอำนาจยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะร่วมมือกับเหอจือเหนียน ซึ่งยิ่งใหญ่ไม่แพ้หนิวต้าชัน แต่ยังไงเขาก็ต้องไว้หน้าของหนิวต้าชันเช่นกัน

และในขณะนั้นเองโทรศัพท์ของหลี่หูก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาเหลือบมองที่หน้าจอจึงได้รู้ว่าคนที่โทรมาคือเหอจือเหนียน เขาจึงกดรับสายอีกฝ่ายทันที

“หลี่หู นายมาหาฉันที่สโมสรเทียนซีหน่อย ฉันจะแนะนำคนใหญ่คนโตคนหนึ่งให้นายรู้จัก” เหอจือเหนียนเอ่ย

“ได้” หลี่หูตอบรับคำเชิญของอีกฝ่าย

หลี่หูไม่ได้สนใจคำพูดของหนิวต้าชัน เขาจัดการกำชับกับลูกน้องด้านล่างว่าเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการไประรานครอบครัวตระกูลวัง ส่วนในตอนนี้เขาจะไปที่สโมสรเทียนซีก่อน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์