คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 224

บทที่ 224 ครอบครัวต่างสายเลือด

วันที่สาม ลู่เฉินถามเสี่ยวจิงชอบรถอะไร,เสี่ยวจิงบอกชอบรถออฟโรด ลู่เฉินซื้อรถเบนซ์ G350ให้เขาแล้วหนึ่งคัน ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ที่มาที่ไปของรถคันนี้ แต่ลู่เฉินคิดในใจว่ารถคันนี้เป็นของเสี่ยวจิงที่จะใช้ในระยะยาวแล้ว

เสี่ยวจิงก็ไม่ได้ถาม เพียงแต่ครั้งแรกได้ขับรถหรูขนาดนี้ ในใจยังคงมีความตื่นเต้นอยู่บ้าง เป็นเหตุให้วันแรกที่ไปส่งฉีฉีไปเรียน เข้าก็ฝ่าฝืนกฎไม่แล้วสองครั้ง

ฉีฉีก็ชอบจีใหญ่มาก เมื่อกลับมาตอนเย็นก็คาดไม่ถึงว่าชิด่าเหว่ยจะไม่ชอบนั่งรถของลู่เฉิน

งานของเสี่ยวจิงน่าเบื่อมาก เพราะนอกจากจะต้องรับส่งฉีฉีแล้ว เวลาฉีฉีเข้าเรียนเขายังต้องตามไปที่อนุบาลใกล้ๆ ลู่เฉินโอนเงินให้เขาอีกห้าแสนหยวน เขาอยากเที่ยวเล่นยังไงก็ตามสบาย ขอเพียงไม่ไปห่างจากอนุบาลก็พอ

หลายวันต่อมา,ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องใดๆเกิดขึ้นกับฉีฉีหรือหลินอี้จุน,แต่ลู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย

เวลาหลายวันที่ผ่านมานี้ เขายังคงใจจดใจจ่อกับกับไหว้วานทหารรับจ้างจาก

ตะวันออกกลาง ทหารรับจ้างที่สมัครทั้งหมดยี่สิบคน แต่เขาจะเป็นผู้ประเมินด้วยตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วมีเพียงสี่คนที่ผ่านการทดสอบ

ทหารรับจ้างสี่คนนี้เขาให้เงินเดือนพวกเขาสี่หมื่น ให้พวกเขาดูแลหลินอี้จุน

เงินเดือนสี่หมื่นนี้,สำคัญที่สุดสำหรับสัญญานี้คือ,พวกเขาจะต้องไม่ลังเลที่จะให้ร่างกายบังกระสุนให้หลินอี้จุน พวกเขาจะสามารถตายได้ ก็ต่อเมื่อสู้อย่างสุดชีวิต,และต้องปกป้องหลินอี้จุน

งานบอดี้การ์ด,ก็ไม่ใช้งานที่ดีมากนัก,พูดได้ว่า,เงินที่บอดี้การ์ดได้รับมันคือชีวิตที่แลกมาด้วยเงินขอเลือดและเหงื่อ

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการทำงานในกองทัพ ชีวิตของพวกเขามีความปลอดภัยมากกว่าและโอกาสในการทำงานก็สูงขึ้น

ปกติแล้ว หากไม่มีทางออกหรือไม่มีทางเดิน เป็นไปไม่ได้ที่คนที่มีความสามารถบางอย่างจะกลายเป็นทหารรับจ้างในสนามรบ

เว้นเสียจากพวกที่เกิดมาชอบต่อสู้ในสนามรับ

อย่างไรก็ตามหลังจากหลายคนมีชื่อเสียงในสนามรบ ตราบใดที่คนรวยจ้างพวกเขา ส่วนใหญ่ก็เต็มใจที่จะกลับเข้าไปที่ในเมืองเพื่อเป็นบอดี้การ์ดธรรมดา

แม้ว่าการเป็นบอดี้การ์ดอาจเมีอันตรายถึงชีวิต แต่เมื่อเทียบกับสนามรบแล้วมันกลับเป็นสวรรค์ที่แท้จริงมากกว่า

ส่วนอีกยี่สิบคนที่เหลือ ลู่เฉินเสนอตำแหน่งที่คล้ายกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูงเงินเดือนหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งหมื่นห้าพัน ไปทำงานที่เทคโนโลยีอี้ฉี

ทหารรับจ้างเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะมีทักษะที่ไม่แย่ แต่เงินเดือนหนึ่งหมื่นถึงหมื่นห้า ก็ไม่ใช้ว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำ,มันมากกว่าที่พวกเขาได้รับที่กองทัพมากแล้ว

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คัดค้านคำขอของลู่เฉิน และพวกเขาดีใจมากที่ได้เซ็นสัญญาจ้างงานกับ เทคโนโลยีอี้ฉี

ลู่เฉินรอให้ถึงเวลาที่ เทคโนโลยีอี้ฉี เปิดอย่างเป็นทางการ เขาจะเปิดรับกลุ่มทหารรับจ้างมากกว่าหนึ่งร้อยนาย

เนื่องจากเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยี,แน่นอนว่าจะต้องมีสิ้นค้าและเทคโนโลยีที่เข้ามาก่อน ดังนั้นจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากขึ้นเพื่อดูแลมัน

สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องทำภายหลัง ยังมีเวลาอย่างน้อยหกเดือนจากนี้ศุนย์เทคโนโลยีจะเข้าสู่การใช้งาน ดังนั้นเรื่องนี้ยังคงไม่รีบร้อนอะไร

สิ่งที่เขาต้องการทำมากที่สุดในตอนนี้คือการตามหานายหมู่ หากไม่พบนายหมู่ เขาจะไม่มีทางรู้ว่าป้าของเขาเสี่ยวเบชิง อยู่ที่ไหน

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสี่ยวเบชิต้องการจะทำอะไร

อย่างไรก็ตามเสี่ยวเบชิ ถึงกับบังคับให้พ่อของเขาออกจากเมืองหลวง และถึงกับยกเลิกบ้านลู่ทั้งหมด หลังจากที่พบเขาแล้วเขาจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างแน่นอน

ลู่เฉินกลับไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเอง เขาแค่กังวลว่าเสี่ยวเบชิง ลงมือกับหลินอี้หรือฉีฉี

แม้กระทั้งเทคโนโลยีอี้ฉี ของเขา เสี่ยวเบชิงอาจจะลงมือ

"ฉันหวังว่าเธอจะไม่รู้ว่าฉันเป็นเจ้าของ เทคโนโลยีอี้ฉี " ลู่เฉินคิดในใจ

เหลือเวลาอีกห้าวัน ก็คือวันที่ลู่เฉินต้องย้ายออกบ้าน วันนี้หลินอี้จุนกลับบอกเขาว่า แม่เสี้ยงของเขาต้องย้ายบ้าน วันพรุ่งนี้ต้องการให้ครอบครัวของพวกเขาไปดื่มไวน์ย้ายบ้าน

หลินอี้จุนตอนเด็กๆสุขภาพไม่ค่อยดี วังเสวี่ยมาจากบ้านนอก ตามความเชื่อประเพณีที่บ้านนอก ให้พาหลินอี้จุน ไปรู้จักกับแม่เสี้ยงคนหนึ่ง ทั้งสองบ้านมีคนสัมพันธ์ที่ดีตลอดมาก จนกระทั้งพี่ชายต่างพ่อแม่ของเขาชอบเขา ซ้ำหลังจากที่เขายังเลือกลู่เฉิน,ความสัมพันธ์ทั้งสองได้ลดทอนความสัมพันธ์ลงและแทบจะไม่ขยับไปไหน

"ฉันได้ยินมาว่าหลังจากที่ถังดาลองกลับมาจากที่เรียนเมืองนอก เขาก็ทำงานในองค์กรที่ลงทุนในต่างประเทศ และเงินเดือนของเขาก็สูงมาก หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีเขาก็เปลี่ยนบ้านของเขา” หลินอี้จุนพูดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ถังดาลองเป็นพี่ชายต่างพ่อแม่ของเขา แต่ว่าชายที่เขาชอบแต่แรก แม้กระทั่งแม่เลี้ยงวังเสวี่ยของเขาก็แสดงท่าทีไม่ให้เขาได้ไปอยู่กับลู่เฉิน ต้องการให้เขาแต่งงานกับถังดาลอง

ลู่เฉินพยักหน้า แน่นอนว่าจำถังดาลองได้เป็นอย่างดี เขาเป็นนักเรียนที่มหาวิทยาลัยยวี่โจว เพียงแต่ถังดาลองสูงกว่าพวกเขาสามปี พวกเขาปีหนึ่ง ถังดาลองก็ปีสี่แล้ว พวกเขาปีสอง ถังดาลองก็ไปเรียนที่ยุโรปแล้ว

ถังดาลองเป็นพวกคลั่งการเรียน ซ้ำยังได้ไปเรียนเมืองนอก เรื่องนี้มันควรเหตุอยู่แล้ว

วันที่สอง ลู่เฉินก็ไปดื่มที่บ้านถัง บ้านถังซื้อบ้านใหม่อยู่ที่ชุมชนระดับไฮเอนด์ในเขตหยูจง ราคาที่ดิน16,000หยวนต่อตารางเมตร เป็นแบบduplex apartment ชั้นล่างมีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร สำหรับคนทำงานที่มีเงินเดือนแล้ว ค่อนข้างดีมากแล้วที่จะสามารถซื้อบ้านดีๆแบบนี้ได้

เมื่อลู่เฉินและคนอื่น ๆ ญาติของบ้านถังไม่น้อยก็มาถึง ก็มาถึงแล้วเมื่อถังชิงซานหัวหน้าบ้านถัง เห็นการมาถึงของบ้าน หลินดาไห่เขาก็จัดกลุ่มญาติเพื่อต้อนรับเขา

"ไอ้ย๊า คุณหลิน คุณมาสายนะ ฉันพาพวกเขาไปชมเรียบร้อยแล้ว หรือว่าคุณไปดูด้วยตัวเองนะ บ้านเล็ก และไม่มีอะไรมากมาย” ถังชิงซานหัวเราะ คำพูดเต็มไปด้วยความเสแสร้ง

บ้านของเขาแทบจะไล่ตามพื้นที่วิลล่า นี่เป็นการโอ้อวดกับพวกเขา

หลินดาไห่ และ วังเสวี่ยต่างเขินอาย พวกเขาได้ฟังถังชิงซานพูดโอ้อวดพวกเขา ถึงกับหัวเราะและพูดว่า “เถ่าแก่ถัง ตอนนี้คุณได้เสวยสุขแล้ว ชีวิตที่ผ่านมาทำให้คนอิจฉาคุณมากๆ”

ในความเป็นจริงลู่เฉินไม่มีอะไรจะพูดกับหลินดาไห่ ด้วยเงินเดือนหนึ่งล้านต่อเดือน ยังมีประกันห้าแห่ง อยากทำงานก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ และยังมีรถที่จัดให้เฉพาะมารับส่ง ถ้าพูดถึงว่าจะอิจฉาจริงๆทุกคนในที่นั่งควรจะอิจฉาเขา

หลินดาไห่เป็นคนสำคัญถ่อมตนมาตลอด ดังนั้นเขาจะไม่แสดงออกโอ้อวดต่อหน้าคนอื่นโดยเฉพาะเพื่อนของเขา

แต่หลังจากนั้น ในใจ วังเสวี่ยก็ยังไม่พอใจ

เนื่องจากลู่เฉินร่ำรวยมาก เขากลับปล่อยให้พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียว สองห้องนอนที่ล้าสมัย เมื่อเธอไปเยี่ยมบ้านใหม่ของพี่ชายที่ฉีเจียงครั้งก่อน เธออดไม่ได้ที่จะถามหลินอี้จุ้น ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนบ้านใหม่เมื่อใด

หลินดาไห่และลู่เฉินได้ตัดสินใจว่าพวกเขาจะย้ายในสี่วัน แต่พวกเขายังไม่ได้บอก วังเสวี่น และ หลินดาไห่

และหลายวันมานี้ หลินอี้เจีย และ วังเฉียง ต่างก็ทำงานใหม่อย่างเต็มที่ ยุ่งกันมาก จนกลับลืมเรื่องนี้ไป ก็เลยไม่ได้เตือนวังเสวี่ย

ดังนั้นวังเสวี่ย จึงไม่รู้ว่าลู่เฉิน กำลังจะย้ายไปที่ บริเวณวิลล่าทะเลสาบจิงหลง

"เฮ้ อันที่จริงฉันแค่ติดตามดาหลงของฉันเพื่อเสวยสุข เมื่อไม่นานมานี้ดาหลงเปลี่ยนรถคันใหม่ฉัน จ่ายเงินไปจำนวนไม่น้อย” ถังชิงซานพูดและมองไปที่ลู่เฉินและหลินอี้จุนที่อยู่ข้างๆเขา

"คุณหลิน ตอนนี้คุณคงเสียใจหน้าดูสินะ ก่อนหน้านี้ฉันขอให้อี้จุ้นของคุณแต่งงานกับกับดาหลงของฉันคุณไม่อยากทำตอนนี้คุณแต่งงานกับขยะนั้น ยังช่วยคนอื่นเฝ้าประตูบ้านอยู่หรือเปล่านะ?” พวกเขาต่างเป็นคนแก่ที่มีอายุมากแล้ว พูดจาลับหลังกับเด็ก ถังชิงซานยังคงยิ้มอย่างมีความสุข

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์