บทที่ 260 กดดัน
รอบที่หนึ่ง เจิ้งซีเหอใช้เวลาประมาณสิบนาทีจึงได้ผลการคาดเดา
“หยก 74 กรัม”
เจ้าหน้าที่ทำการผ่าหินออก พบว่าด้านในคือหยกน้ำหนัก 62 กรัม คลาดเคลื่อนไปเพียง 12 กรัมเท่านั้น เมื่อเทียบกับลู่เฉินแล้ว เขาก็เก่งกาจไม่แพ้กัน
เดิมทีการคาดเดาคลาดเคลื่อนเล็กน้อยเพียงนี้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว เนื่องจากนี่เป็นระดับเทียบเท่ากับสามอันดับแรกของประเทศเชียว
แต่เมื่อพบว่าลู่เฉินเดาได้คลาดเคลื่อนเพียง 10 กรัม ทุกคนก็ล้วนตกตะลึงและรู้สึกว่าหากในรอบนี้ไม่เกิดความผิดพลาดใดๆขึ้นเจิ้งซีเหอจะต้องแพ้อย่างแน่นอน
เปรียบเทียบจากสถานการณ์ตอนนี้ เจิ้งซีเหอเองก็รู้ว่าในรอบนี้เขาจะต้องแพ้แน่ๆ
ความหวังเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือทำให้ลู่เฉินทนไม่ไหวและเกิดความคลาดเคลื่อนที่มากกว่าเขา
หยางมู่เองก็คิดเช่นนี้
“คอยดูเถอะ เจ้าหมอนี่มันต้องแพ้แน่ๆ แข่งขันมาทั้งคืนแล้ว ต่อให้เป็นใครก็รับแรงกดดันแบบนี้ไม่ไหวหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เข้าแข่งขันเดิมพันหินอัญมณีที่จะต้องใช้ทั้งแรงกาย แรงใจและสมาธิอย่างหนัก” หยางมู่พูด
“ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะขายหน้าแน่ๆ” จูโปหงมองดูลู่เฉินแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
คนอื่นล้วนคิดว่าเขาคงจะทนไม่ไหว แต่จากประสบการณ์อันมากมายหลายปีมานี้ของจูโปหงสัมผัสได้ว่าลู่เฉินไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงไปสักเท่าไหร่เลย
แต่ก็สามารถทำให้เขาตกตะลึงได้ไม่น้อย พูดตามหลักความจริงแล้วบัดนี้ลู่เฉินจะต้องมีท่าทางเหนื่อยอ่อน ร่างกายโรยแรง แต่นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย
“หึๆ! ปรมาจารย์สามอันดับแรกของประเทศก็แค่นี้น่ะเหรอ? คาดเดาน้ำหนักได้ผิดพลาดเพียงแค่ 10 กรัม นี่มันน่าสมเพชจริงๆ” ลู่เฉินมองดูตัวเลขที่อยู่บนตาชั่งแล้วหัวเราะออกมา
เขาไม่ใช่คนที่จะดูถูกใครง่ายๆ แต่เรื่องนี้สมาคมหินธรรมชาติจงไห่ทำให้เขารู้สึกโมโหจริงๆ
“เหอะๆ! อย่าทำเป็นอวดดีไปเจ้าหนู แข่งให้จบสิ้นก่อนแล้วค่อยพูดคำอวดดีแบบนี้ออกมา” เจิ้งซีเหอหัวเราะด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ถ้าผมจำไม่ผิด ในสนามนี้คุณใช้เวลาไปทั้งหมด 10 นาที 21 วินาทีใช่ไหม?” ลู่เฉินขมวดคิ้วถาม
เจิ้งซีเหอสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เนื่องจากลู่เฉินใช้เวลาเพียงเล็กน้อยจนทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงและแปลกใจในความสามารถของเขา การแข่งขันเมื่อคืนของลู่เฉิน วันนี้เขาได้ดูทุกเทป ซึ่งแต่ละสนามเขาใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที การตัดสินที่รวดเร็วเช่นนี้จวบจนปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถสู้ได้
“แล้วยังไงเหรอ? การเดิมพันหินอัญมณีวัดกันที่ความแม่นยำไม่ใช่เวลา” เจิ้งซีเหอตอบ
แม้จะพูดออกไปแบบนั้นแต่การที่ใครสามารถใช้เวลาได้น้อยกว่า แต่คาดเดาน้ำหนักได้ใกล้เคียงพอกัน ก็หมายความว่าคนที่ใช้เวลาน้อยกว่าเก่งกว่าแน่นอน
ทุกคนล้วนเข้าใจในคำพูดของลู่เฉินดี เพียงแค่พวกเขารู้สึกว่าลู่เฉินนั้นทำการแข่งขันมาทั้งคืนแล้ว จะสามารถรวบรวมสติและสมาธิให้แน่วแน่ต่อไปได้หรือไม่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
และบัดนี้ทุกคนทำได้เพียงนิ่งเงียบๆต่อไป
ลู่เฉินหัวเราะแต่ไม่พูดอะไรออกมาอีก เขาเอื้อมมือไปหยิบหินอัญมณีมาก้อนหนึ่งแล้วก็นำมาวางไว้ในมือลูบๆคลำๆประมาณครึ่งนาที จากนั้นก็เขาออกมาแล้วพูดว่า “หยกlantian 28 กรัม”
ลู่เฉินรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าบ้างแล้วในตอนนี้ ต่อให้เขาฝึกฝนตนเองมาแต่เด็กแต่ก็มีเวลาที่เหนื่อยล้าได้เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินอยู่ต่อหน้าเจิ้งซีเหอก็ยังทำท่าทางตามอำเภอใจแบบนี้ สำหรับพวกคนหนุ่มสาวก็รู้สึกภูมิใจยิ่งนัก แต่สำหรับพวกผู้อาวุโสล้วนพากันส่ายหัวด้วยความเอือมระอา ต่างพากันคิดว่าเขาทำตัวเป็นเด็กๆ
เขาควรจะเข้าใจว่าการที่ดูถูกคู่ต่อสู้ก็เท่ากับว่าไม่รับผิดชอบต่อตนเอง
“มองดูแล้วการแข่งขันในวันนี้ไม่ต้องกังวลไปว่าจะได้พบกับเขา” เสี่ยวจื่อหยวนส่ายหัว
“ก็นั่นน่ะสิ ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ให้คุณหมู่จองมาแสดงตัวแล้ว” ชายวัยกลางคนพยักหน้าเห็นด้วย สายตาของเขาจ้องไปที่ดวงตาลู่เฉินและรู้สึกว่าแววตานั้นแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าที่ไม่ต้องการให้มีใครมองเห็น
“เขาแพ้แน่ๆ! ไอ้หมอนั่นแพ้แน่ๆ!”เมื่อเห็นภาพนี้หยางมู่ก็ยิ้มขึ้นมา
การที่ลู่เฉินดูถูกเจิ้งซีเหอมากเท่าไหร่ก็มีโอกาสที่จะพ่ายแพ้มากเท่านั้น
จูโปหงขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าในรอบนี้เจิ้งซีเหอน่าจะชนะ
เขามองดูแววตาของลู่เฉินตลอดเวลา ดูออกถึงความเหนื่อยล้าที่ลู่เฉินซ่อนเอาไว้
และการที่เขาตัดสินออกมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ก็เนื่องจากว่าเขาเหนื่อยล้าแล้วและต้องการพักผ่อนมิใช่หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์