คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 292

บทที่ 292 ยกบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียทั้งหมดให้หลินอี้จุน

"คุณจะไปทำอะไรที่ต่างประเทศเหรอค่ะ? แล้วไปประเทศไหนค่ะ?" เมื่อหลินอี้จุนที่กำลังตักกับข้าวให้ฉีฉีได้ยินว่าลู่เฉินจะไปต่างประเทศ จึงรีบหันกลับไปถาม

"ไปเมียนมาร์น่ะ พอดีบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ป จะเปิดตัวในอีกหนึ่งสัปดาห์นี้ ผมวางแผนจะไปเมียนมาร์กับตู้เฟยก่อนและซื้ออัญมณีกลับมา” ลู่เฉินพูดขึ้น

ช่องทางการค้าอัญมณีของตระกูลจั่ว ก็คือสมาคมอัญมณีแห่งเมียนมาร์ ส่วนช่องทางการค้าอัญมณีของตระกูลโจวกลับเป็นสมาคมอัญมณีแอฟริกา

แอฟริกาอยู่ไกลไปหน่อย ลู่เฉินจึงวางแผนที่จะไปเมียนมาร์ก่อนแล้วค่อยไปแอฟริกาต่อ

"อื้ม” หลินอี้จุนพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรต่อ

"อ่อจริงด้วย ผมวางแผนที่จะย้าย เสี้ยจุนไปที่ บริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ป คุณจัดการบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียคนเดียวได้ไหม? ลู่เฉินถาม

ก่อนหน้านี้ เขาเคยขอให้ เสี้ยจุนไปช่วยงานที่ บริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ป แต่เขาพบว่า ตู้เฟยและคนของเขานั้นไม่มีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจเลยจริงๆ เขาจึงเตรียมตัวให้ เสี้ยจุนรับหน้าที่เป็นผู้บริหารที่แท้จริงของบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ป ส่วน ตูเฟยและคนอื่น ๆ ก็จะวางตำแหน่งหลอกๆไว้

"หึ คิดว่ามีแค่คุณทำได้รึไง” หลินอี้จุนกล่าวด้วยความไม่พอใจ

ลู่เฉินยิ้มแต่ ไม่พูดอะไร เสี้ยจุนก็สอนงานให้กับหลินอี้จุนมาเป็นเวลานานแล้ว และเขาก็เชื่อด้วยว่าหลินอี้จุนมีความสามารถพอที่จะบริหารด้วยตัวเอง

"ผมจะโอนหุ้นทั้งหมด 70% ของ บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียเป็นชื่อของคุณ” ลู่เฉินมองไปที่ หลินอีจุน เขาได้คิดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดออกมา

หลินอี้จุนตกใจมากและมองไปที่ลู่เฉินอย่างงงงวย แต่ดวงตาของวังเสวี่ยวก็กลับเป็นประกายขึ้น

เธอรู้จักขนาดของ บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียดี ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะเป็นเพียง บริษัท ชั้นสอง แต่หลังจากที่ลู่เฉินได้เข้ามาบริหาร ก็ได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากติดต่อกัน และเทคโนโลยีอี้ฉี ยังช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทำให้มูลค่าตลาดของ บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียในเวลานี้พุ่งขึ้นไปที่หนึ่งพันล้านแล้ว

หากไม่รวมหุ้น 30% ของเสี้ยจุน หรือแม้ว่าจะขาย บริษัท ตอนนี้ หุ้นของหลินอี้จุนก็สามารถขายได้ ถึง700 ล้านเลยทีเดียว

และวังเสวี่ยก็ยังรู้ด้วยว่าด้วยการสนับสนุนของเทคโนโลยีอี้ฉี มูลค่าทางตลาดของอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ และจะมีผลกำไรมากขึ้นอย่างแน่นอน

"ทำไมถึงทำแบบนี้” หลินอี้จุนมองไปที่ลู่เฉินและเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าที่ลู่เฉินพูดหมายถึงอะไร

เธอและลู่เฉินเป็นสามีภรรยากัน และไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลู่เฉินเมื่อเขาร่ำรวย

เธอต้องการที่จะดูแล อิเล็กทรอนิกส์ตองเจียเป็นหลัก เพราะเธอต้องการฝึกฝนและพัฒนาความสามารถของเธอ หรือไม่งั้นเธอก็เป็นภรรยาของคนที่ร่ำรวยมาก ด้วยความมั่งคั่งของลู่เฉิน ไม่ว่าเธอจะล้มเหลวมาแค่ไหน ก็แน่นอนว่ามันจะไม่กระทบต่อเงินของลู่เฉินมากนักหรอก

"ผมหมายถึงว่าผมต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อปรับปรุงความกระตือรือร้นของคุณ คุณไม่ต้องคิดมากหรอก"

เมื่อเห็นหลินอี้จุนมองตัวเองอย่างสงสัยลู่เฉินก็ยิ้มออกมาและอธิบายว่า: "ลองคิดดูนะถ้าผมยกหุ้นของ บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย ทั้งหมดให้เป็นชื่อของคุณ แล้วคุณก็ดำเนินการจัดการบริษัทเอง คุณก็จะมีแรงใจและกระตือรือร้นมากขึ้น?จริงไหมล่ะ? "

ความจริงแล้วที่ลู่เฉินทำแบบนี้ เพราะเขามีแผนของเขาอยู่แล้ว

ในกรณีที่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาจริงๆในสักวันหนึ่ง หรือเทคโนโลยีอี้ฉี ได้รับผลกระทบร้ายแรงหรือเกิดอะไรบางอย่างขึ้น อย่างน้อยคงไม่ทำให้หลินอี้จุนไม่ได้รับอะไรเลย

แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าความคิดของเขามันดูซ้ำซ้อนไปหน่อยก็ตาม

แต่เมื่อคนเราอยู่ในโลกนี้ ทุกอย่างยากที่จะพูดได้

บางทีเราก็ไม่กลัวที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในหลายๆครั้ง แต่บางทีเราก็กลัวว่าอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

"ตกลง ยังไงซ่ะคุณก็ไมม่ได้เสียหุ้นของอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียนั้นไป” หลินอี้จุนพยักหน้าโดยไม่ได้คิดอะไรมาก

วันรุ่งขึ้นลู่เฉินไปที่ อิเล็กทรอนิกส์ตองเจียและขอให้ทนายความโอนหุ้นให้หลินอี้จุนและประกาศเรื่องนี้ในทุกฝ่ายได้ทราบกัน

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีหุ้นใน อิเล็กทรอนิกส์ตองเจียแต่อิเล็กทรอนิกส์ตองเจียก็ยังคงเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีอี้ฉี

สิ่งนี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาและการเติบโตของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย

"เสี้ยจุน ต่อไปนี้คุณไม่ต้องเข้าบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียแล้วนะ รอให้อี้จุนจัดการด้วยตัวเขาเอง

เมื่อเขาอยู่ในห้องทำงานของเสี้ยจุน ลู่เฉินก็ได้พูดเรื่องนี้กับเขา

"ตกลง” เสี้ยจุนพยักหน้า ความสนใจทั้งหมดของเขาหายไปพร้อมกับลูเฉิน

ลู่เฉินต้องการย้ายเขาแน่นอนว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร

"แต่คุณก็ยังไม่สามารถเข้าไปทำงานในเทคโนโลยีอี้ฉี ได้” ลู่เฉินพูด

"หรือว่าคุณจะให้ฉันไปที่บริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปงั้นเหรอ " เสี้ยจุน พยักหน้าและก็เดาได้โดยลู่เฉินไม่ต้องพูดอะไร

ในช่วงเวลานี้เขามักจะไปที่ บริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ป เพราะไม่ว่าจะเป็นตู้เฟยหรือ Three Heroes of the Water Margin รวมไปถึงคนอื่นๆก็ไม่ได้มีความมารถด้านนี้เลย

หากไม่ได้มีอะไรมากมายและเขาดูแลมันเอง บริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ป ก็คงเริ่มธุรกิจได้ในอีกไม่กี่เดือนนี้แน่นอน

"อ่อ ไม่ต้องห่วง ฉัน!ลู่เฉินไม่เคยปฏิบัติกับคุณอย่างเลวร้ายอยู่แล้ว ฉันจะให้คุณ 10% ของหุ้นใน คัยเทียนกรุ๊ป” ลู่เฉินพยักหน้าและกล่าวขึ้น

"ตกลง" มีรายได้ให้เก็บเกี่ยว ทำไมจะไม่ทำล่ะ เสี้ยจุนก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ

เขารู้มูลค่าตลาดของคัยเทียนกรุ๊ปดี และตอนนี้มีประมาณ 500 ล้านหยวนและตอนนี้ ลู่เฉินก็ให้เขาร่วมหุ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรมากมายอีกด้วย

เมื่อมูลค่าตลาดสูงขึ้นในอนาคตหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์นั้นก็มากขึ้นตาม

พอจัดการเรื่องที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียเสร็จ ลู่เฉินกลับบ้านทันที

เมื่อเขากลับถึงบ้าน ครอบครัวของวังไก ก็ได้รอเขาอยู่ในวิลล่าเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

"เสี่ยวเฉิน กลับมาแล้วเหรอ" วังไกเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นและทักทายลู่เฉิน

ในเวลานี้ลู่เฉินเป็นหนึ่งในบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในยวี่โจว ต่อหน้าของลู่เฉินครอบครัววังไกดูเหมือนจะมีความยับยั้งชั่งใจอยู่บ้าง

"พี่เขย."

"พี่เขย."

หวังว่านและเสี่ยวจี้ก็ยืนขึ้นเพื่อทักทายเขาด้วยเช่นกัน

ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าลู่เฉินเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี และแน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าสร้างปัญหาใด ๆให้เขาอีก

เมื่อนึกถึงเรื่องโง่ ๆ ที่เธอเคยทำเมื่อครอบครัวของลู่เฉินไปเมืองฉีเจียงครั้งล่าสุดแล้ว สีหน้าของหวังว่านก็รู้สึกถึงความอับอาย

ตอนนี้เธอก็ได้เปิดใจยอมรับแล้ว

ลู่เฉินไม่ได้ต้องการทำให้ครอบครัวของพวกเขาเสียหน้าตั้งแต่แรก

แต่นั่นก็เป็นเพราะถูกพวกเขาถูกบังคับทีละหน่อยๆ

"อื้ม นั่งลงเถอะ" ลู่เฉินพยักหน้าและนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามพวกเขา

"นายทำหนังสือวางแผนเสร็จหรือยัง?” ลู่เฉินถามเสี่ยวจี้

"อ๋อ ผมทำแล้วครับ พี่ลองดูก่อนนะครับว่าแบบนี้ใช้ได้หรือเปล่า?" เสี่ยวจี้ รีบยื่นเอกสารบนโต๊ะกาแฟให้ลู่เฉิน

ที่จริงแล้วครั้งก่อนที่เขากลับไป เขาก็คุยกับพ่อของเขาถึงเรื่องนี้แล้ว

แต่พ่อของเขาไม่เชื่อในตัวของลู่เฉิน เขาคิดว่าลู่เฉินอาจจะทำให้ครอบครัวของเขาเดือดร้อนก็ได้และจากนั้นเรื่องนี้ก็ถูกละทิ้งไป

แต่หลังจากเมื่อเดือนก่อนที่เขาถูกสามตระกูลใหญ่เปิดเผยโดยตัวตนที่แท้จริงของเขา พ่อของ เสี่ยวจี้ก็รู้ว่าเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่มากเลยและขอให้เสี่ยวจี้ขอความช่วยเหลือจากลู่เฉินอีกครั้ง

เมื่ลองนึกภาพว่าลู่เฉินเป็นซุปเปอร์บอสที่กล้าลงทุน 50 พันล้านเพื่อสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แล้วจะนับประสาอะไรกับแค่บริษัท เล็ก ๆ ของเขา คงไม่ได้อยู่ในสายตาของลู่เฉินแม้แต่น้อย?

ถ้าจะยากหน่อย แม้ว่าลู่เฉินจะกินจริงๆ มันก็คงไม่เพียงพอให้เขางับฟันกินหรอก

หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว พ่อของเสี่ยวจี้ก็ขอให้เสี่ยวจี้เตรียมแผนธุรกิตก่อน จากนั้นก็ให้วังไกขอร้องลู่เฉิน

"หนังสือวางแผนของคุณธรรมดามาก พูดตามตรงไม่สามารถทำให้ฉันสนใจได้เลย"

หลังจากอ่านหนังสือวางแผนของเสี่ยวจี้แล้ว ลู่เฉินก็วางหนังสือวางแผนลงบนโต๊ะกาแฟ

เมื่อเสี่ยวจี้และคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งที่ลู่เฉินพูดพวกเขาก็ผิดหวังบ้างเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์