บทที่ 345 ท่าทีของฮัวหลุนเปลี่ยนไป
คำพูดของเฉิงกวงหมิง ฮัวหลุนไม่ได้นำมาใส่ใจแม้แต่น้อย
เขายักไหล่แล้วพูดว่า “นายท่านเฉิงครับ ผมอยากจะให้คุณฟังคำพูดผมสักหน่อย เรื่องนี้ขอให้ยุติเพียงเท่านี้ ถ้าพวกคุณยังดื้อด้านต่อไปอาจจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิต”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา เฉิงกวงหมิงก็โมโหจนตัวสั่น คิดไม่ถึงว่าฮัวหลุนจะกล้าข่มขู่ตน
ที่ต้าหลี่นี้ยวนโจวกรุ๊ปนับว่าเขาได้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยมือทั้งสองของเขา คาดไม่ถึงว่าฮัวหลุนจะทำกับเขาแบบนี้
“ฮัวหลุน แก.....แกกล้ามาข่มขู่ฉันอย่างนั้นเหรอ? คอยดูนะถ้าฉันไม่จัดการกับบริษัทของแกให้สิ้นซาก อย่าเรียกฉันว่าเฉิงกวงหมิง!” เฉิงกวงหมิงโมโห เขาตะโกนออกมาและเอามือตบลงไปที่โต๊ะ จากนั้นเดินออกไป
ฮัวหลุนมองดูเฉิงกวงหมิงที่เดินออกไปจากทางหน้าต่าง เขาหรี่ตาลงมอง
ตระกูลเฉิงกำอำนาจเมืองต้าหลี่เอาไว้ในมือนานเกินไปแล้ว หวังว่าครั้งนี้เทคโนโลยีอี้ฉีจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้
ในใจของเขานั้นแม้ตระกูลเฉิงจะยิ่งใหญ่ แต่อยู่ต่อหน้าเทคโนโลยีอี้ฉีก็เป็นได้เพียงแค่เศษสวะ
และนี่คือเหตุผลที่เขากล้ามีปัญหากับตระกูลเฉิงและยืนหยัดอยู่ข้างลู่เฉิน
เขาคิดดีแล้วว่าจะรอให้ลู่เฉินพักร้อนอย่างสบายใจเรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้เขาจะเล่าประวัติความเป็นมาของสร้อยหยกเลือดให้ลู่เฉินฟัง
ในขณะที่ฮัวหลุนกำลังจะเดินออกไปจากห้องทำงานเพื่อผ่อน คลายโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อเขาหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก บนหน้าจอปรากฏว่าจากเมืองหลวง
เขาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย นี่ไม่เหมือนเบอร์โทรศัพท์โฆษณาทั่วไป แต่เขาก็ไม่มีคนรู้จักที่เมืองหลวงเท่าไหร่นัก
ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจรับสาย
“สวัสดีครับ คุณคือ......?” ฮัวหลุนถามขึ้นหลังจากรับสาย
“ไม่ต้องอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่าแกไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถาม ควรจะจำใส่สมองไว้ว่าฉันทำให้บริษัทแกล้มละลายเมื่อไหร่ก็ได้ทุกวินาทีก็พอ” อีกฝ่ายหนึ่งรับสายขึ้นแล้วพูดจาข่มขู่
“ปัญญาอ่อน” ฮัวหลุนหัวเราะเหอะๆและกำลังจะวางสายลง
มองดูแล้วคงเป็นแผนการของตระกูลเฉิงสินะ
อำนาจของตระกูลเฉิงยิ่งใหญ่ก็จริง แต่การที่จะทำให้บริษัทเขาล้มละลายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ตัวเขาในวันนี้ไม่ใช่ตัวเขาคนเดิมอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นจะกล้าฉีกหน้าเฉิงกวงหมิงเหรอ?
“ไอ้กระจอก แกจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่แก แต่อำนาจในเมืองหลวงของฉัน แกเป็นเพียงแค่มดเล็กๆตัวหนึ่งเท่านั้น ถ้าแกจะลองดีกับฉันก็ลองดูได้ ภายในวันนี้ฉันจะให้แกต้องสูญเสียทุกอย่างไป ฟังให้ดีนะฉันได้ยินมาว่าลู่เฉินกำลังสืบหาประวัติความเป็นมาของหยกเลือดนั่น ฉันให้แกเลือกสองอย่าง หนึ่งคือฆ่าลู่เฉินซะ! สองคือทำตามคำสั่งของฉัน หลอกล่อเขาให้มาเมืองหลวงให้ได้” ก่อนที่ฮัวหลุนจะวางสายลง อีกฝ่ายหนึ่งก็พูดประโยคนี้ขึ้นทำให้เขาหยุดชะงัก
“คุณเป็นใคร?ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง?” ฮัวหลุนถามด้วยความตื่นตระหนก
ฟังจากประโยคเมื่อสักครู่แล้วเขาเดาได้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช่คนจากตระกูลเฉิงแน่นอน
เพราะตระกูลเฉิงไม่รู้ว่าลู่เฉินกำลังสืบหาความเป็นมาของสร้อยเส้นนี้
เรื่องนี้มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นในบริษัทที่รับรู้ มองดูแล้วภายในบริษัทของเขาคงมีสายลับอยู่ และนำข่าวนี้ไปบอกกับคนที่เมืองหลวง
แม้ว่าเขาจะโมโหมาก แต่นี่ไม่ใช่เวลามาจัดการกับเรื่องนี้!
“ไอ้กระจอก ฉันจะบอกกับแกอีกนะว่า ถึงแม้เทคโนโลยีอี้ฉีจะยิ่งใหญ่และมีกองทัพทหารเป็นกองกำลังหนุนหลัง แต่ในสายตาพวกเรานั้นเขาก็เป็นแค่เพียงมดตัวหนึ่ง” ฝ่ายตรงข้ามพูดเสริม
ฮัวหลุนเริ่มหวาดกลัว คิดไม่ถึงว่าฝ่ายหนึ่งจะแข็งแกร่งยิ่งใหญ่เพียงนี้
การที่ทำให้ลู่เฉินไม่สามารถมีชีวิตกลับไปได้ก็เท่ากับเป็นปรปักษ์ต่อเขาไม่ใช่เหรอ?
แต่เทคโนโลยีอี้ฉีช่างยิ่งใหญ่ เพียงแค่ชี้นิ้วก็สามารถทำลายเขาได้ เขาจะกล้าขัดใจลู่เฉินได้ยังไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์