คุณพ่อสายเปย์ นิยาย บท 352

บทที่ 352 ถังต้าหลงเสนอตัวเอง

หลังจากกินข้าวตอนดึกเสร็จ ลู่เฉินก็ให้ฮัวหลุนติดต่อคนใหญ่คนโตของเมืองหลวงในก่อนหน้านี้ แต่โทรศัพท์ของเขาปิดเครื่องไปแล้ว

จนถึงวันที่สอง ฮัวหลุนก็ยังไม่สามารถติดต่อเขาได้ อยู่ในสถานะปิดเครื่องตลอด

เวลาทั้งวัน ฮัวหลุนล้วนโทรไปอยู่ แต่อยู่ในสถานะปิดเครื่องตลอด

โทรศัพท์ของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสถานะปิดเครื่องตลอด ลู่เฉินอยากจะสืบค้นข้อมูลของเขาก็สืบค้นไม่ได้

"ประ ประธานลู่ครับ อยู่ในสถานะปิดเครื่องตลอด โทรไม่ติดครับ"ตอนนี้หลังของฮัวหลุนถูกเหงื่อทำจนเปียกไปหมด

เขารู้ว่าถ้าติดต่อกับคนนั้นไม่ได้ ลู่เฉินก็จะฆ่าเขาแน่นอน

ตามความเป็นจริง ลู่เฉินก็คิดแบบนี้อยู่ เขาเดาว่าคนนั้นอาจจะเป็นคนของตระกูลเสี่ยว หยูลาวอาจตกในมือของตระกูลเสี่ยว

ในเมื่อที่เป็นตระกูลเสี่ยว นั้นพวกเขาก็ต้องมาหาเขาอีกแน่นอน

นั้นก็ไม่จำเป็นที่จะเหลือฮัวหลุนไว้แล้ว

เพราะฮัวหลุนไม่มีประโยชน์ใดๆอีก

ลู่เฉินทำท่าตัดคอให้กับตู้เฟย จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก

"ประธานลู่ ขอให้คุณไม่ฆ่าฉัน ฉันจะสามารถทำทุกอย่างให้คุณ เอ๊ะ ในบัตรของฉันยังมีเงินสดอยู่4000ล้าน ฉันสามารถมอบให้คุณทั้งหมด!"ฮัวหลุนเห็นเช่นนี้ ก็หวาดกลัวจนถึงขีดสุด รีบวิ่งไปคุกเข่าต่อหน้าลู่เฉิน

เขาแค่สี่สิบกว่าขวบเอง ยังไม่อยากตายเลย

แม้ว่าต้องเสียทรัพย์สมบัติไปทั้งหมดและเริ่มต้นใหม่ ก็ดีกว่าที่ต้องตายไปแบบนี้

"ฉันว่าสามารถให้โอกาสเขาสักครั้งหนึ่ง"พอดีในเวลานี้ ตู้เฟยพูดขึ้นมา

ลู่เฉินหันไปมองที่ตู้เฟย ตู้เฟยอธิบายว่า"มอบเขาให้กับฉันเถอะ อาจยังมีประโยชน์อีก และยังมีเงินหลายพันล้านขิงเขา พวกเราสามารถนำไปลงทุนที่โกก้าง หรือว่าพัฒนาฆ่าวิหารล้วนได้หมด"

ตู้เฟยอยากจะให้โอกาสฮัวหลุน สิ่งสำคัญคือเห็นถึงประโยชน์ของ400กว่าล้านของเขา

แม้ว่าตอนนี้ฆ่าวิหารไร้คู่ต่อกรในเมียนมาร์ แต่ช่วงนี้เขาได้ยินข่าวมาว่า เนปิดอได้ซื้ออาวุธ500ล้านดอลลาร์จากต่างประเทศ น่าจะเป็นเพราะว่าได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฆ่าวิหาร เนปิดอเลยต้องลงทุนมาดมายเพื่อมาแข็งขันอาวุธกับโกก้าง

เดิมทีเนปิดอก็ยากจนอยู่แล้ว ถ้าหากพวกเขานำรายได้ทั้งหมดไปซื้ออาวุธ นั้นจะทำให้เขาเสียใจจากประชาชนไป มีแต่จะทำให้พวกเขาล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว

นี่คือความทะเยอทะยานของตู้เฟย

ถ้าหากมีเงิน4000กว่าล้านนี้ พวกเขาก็จะสามารถซื้ออาวุธอีกชุดหนึ่ง นั้นจะได้กระตุ้นเนปิดออีกครั้ง

"โอเค นั้นเขาก็ฝากไว้กับคุณละกัน"ลู่เฉินพยักหน้า จากนั้นเดินออกไป

ลู่เฉินเรียกบริการขับรถแทนมาขับรถเก๋งของเขากลับไปในเมืองยวี่โจว ส่วนเขาเองก็นั่งเฮลิคอปเตอร์กลับไปในเมืองยวี่โจว

มาถึงเมืองยวี่โจวไม่ถึงสองวัน วันหยุดปีใหม่ก็จบสิ้นลง

คืนวันที่เริ่มทำงานวันแรก ถังฉิ้นซางก็พาลูกชายของเขาถ้งต้าหลงมาที่บ้านลู่เฉิน

เมื่อเห็นว่าสองคนมาถึง ลู่เฉินจึงต้องมาต้อนรับพวกเขา

ถังฉิ้นซางเป็นพ่อบุญธรรมของหลินอี้จุน ก็ถือได้ว่าเป็นญาติกัน

ส่วนถ้งต้าหลงก็เป็นผู้มีความสามารถในบริษัทของเขา แน่นอนเขาจะไม่เพิกเฉยต่อพวกเขาอยู่แล้ว

"เสี่ยวลู่ นี่เป็นชาต้าหงเผาที่ฉันฝากเพื่อนเอามาจากที่เขาอู่อี๋ซาน คุณลองดูรสชาติเป็นยังไงสิ"ถังฉิ้นซางหยิบใบชากล่องหนึ่งที่ประณีตให้ลู่เฉิน พูดด้วยความกระตือรือร้น

ลู่เฉินยิ้ม และรับใบชามา จากนั้นก็ให้แม่บ้านนำไปชง

"ได้ข่าวว่าหลายวันก่อนพวกคุณไปเที่ยวที่เมืองต้าหลี่แล้ว อี้จุนสองแม่ลูกยังไม่ได้กลับมาหรือ?"ถังฉิ้นซางไม่ได้เห็นหลินอี้จุนและฉีฉี จึงถามด้วยความแปลกใจ

"พวกเธออยู่ฝั่งแม่ยาย"ลู่เฉินพูด

วิลล่าหรูของเขานี่ใหญ่เกินไป แม้ว่าครอบครัวหลินด่าไห่ก็ย้ายเข้ามาแล้ว แต่ก็ค่อนข้างว่างเปล่าอยู่

ถังฉิ้นซางเห็นว่าถ้าต้าหลงไม่พูดอะไร เลยชนเขาทีหนึ่ง สะกิดให้เขาอ้าปาก

แต่อยู่ต่อหน้าลู่เฉิน ถังต้าหลงรู้สึกมีความอึดอัดบางอย่าง

เขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี

ถ้าพูดตามตรง วันนี้ที่เขามาก็เพราะถูกพ่อเขาบังคับมาด้วย

"ต้าหลงมีอะไรพูดมาตรงๆเลย"ลู่เฉินเห็นเช่นนี้เลยพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเห็นว่าลู่เฉินพูดแล้ว ถังต้าหลงจึงต้องยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน และพูดว่า"ประธานลู่ครับ คืออย่างนี้นะครับ ผมได้ข่าวว่าช่วงสองวันนี้บริษัทอยากจะโยกย้ายผู้จัดการคนหนึ่งไปบริหารที่สาขาต้าหลี่ ผมเลยคิดจะไปลองฝึกดู แต่ไม่ทราบว่าประธานลู่อยากจะให้คนระดับไหนไปครับ"

ทีมงานทนายความของบริษัทได้กลับมาก่อนลู่เฉิน หลังจากพวกเขากลับมาแล้ว ก็นำข่าวที่ลู่เฉินอยากจะโยกย้ายผู้จัดการคนหนึ่งไปบริหารที่สาขาต้าหลี่เผยแพร่ออกไป

แน่นอนว่า เนื่องจากถังต้าหลงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทนายในนั้นคนหนึ่ง ดังนั้นคนเขาถึงจะพูดข่าวนี้ให้เขา

ตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลของเทคโนโลยีอี้ฉี ค่าจ้างต่อปีมากกว่าหนึ่งล้าน ถือได้ว่าเป็นซูเปอร์ลูกจ้าง

แต่ค่าจ้างยังสู้กับการที่ไปบริหารบริษัทระดับหมื่นล้านไม่ได้แน่นอน

ตำแหน่งของเขาในบริษัท ยังไม่ใช่ตำแหน่งที่สำคัญ ดังนั้นถ้าตามหลักแล้ว โอกาสนี้ไม่ถึงเขาแน่นอน

แต่เขาได้เปรียบอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเป็นญาติกันกับลู่เฉิน

แน่นอนว่า เดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดจะจับโอกาสนี้ไว้ แต่หลังจากพ่อเขาได้ยินแล้ว ก็เลยจับตัวเขามาทันที

ขอให้จับโอกาสนี้ให้ได้ นั้นถ้าต้าหลง ลูกชายของเขาก็ถือได้ว่าได้เข้าไปในระดับผู้บริหารของเทคโนโลยีอี้ฉีอย่างจริงจัง

พอถึงเวลานั้น อย่าไปพูดถึงเรื่องอื่น เพียงแค่ค่าจ้างอย่างเดียว ก็จะไม่ใช่หลักล้านแล้ว เป็นหลายสิบล้านแล้วด้วย

ลู่เฉินมองไปที่ถังต้าหลง

ถ้าพูดตรงๆ แม้ว่าเขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้ใครไปบริหารบริษัทอี้ฉียวนโจวกรุ๊ป แต่เขาก็ไม่ได้พิจารณาถึงถังต้าหลงจริงๆ

ถังต้าหลงเป็นเพียงแค่ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ยังเข้าตาของเขาไม่ได้

"คุณมั่นใจหรือเปล่า ถ้าหากมั่นใจ ฉันสามารถให้โอกาสแก่คุณได้ แต่ถ้าคุณปฏิบัติตามข้อกำหนดของเราได้ได้ ฉันก็จะเปลี่ยนไปคนอื่นแทนนะ"ลู่เฉินครุ่นคิดสักพักหนึ่ง ตัดสินใจจะให้โอกาสครั้งนี้แก่ถังต้าหลง ให้เขาไปลองดูก่อนก็ได้

เพราะเขาก็เป็นคนที่กลับมาจากการศึกษาที่ต่างประเทศ พอดีว่าอนาคตบริษัทอี้ฉียวนโจวกรุ๊ปก็ต้องทำการค้ากับคนต่างชาติด้วย เขาอาจเป็นคนที่เหมาะสมก็ได้นะ

"มั่นใจครับ ผมมั่นใจว่าจะสามารถบริหารสาขาบริษัทได้ดีครับ!'

เมื่อเห็นว่าลู่เฉินยินยอม ถังต้าหลงรู้สึกตื่นเต้นในใจ

เขาคาดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะยอมให้โอกาสเขา

เขาเป็นคนที่ไม่ชอบใช้ความสัมพันธ์เครือญาติ ถ้าหากไม่ใช่ว่าคุณพ่อบังคับ เขาจะไม่มาขอร้องลู่เฉินอยู่แล้ว

แต่คาดไม่ถึงว่าลู่เฉินรับปากกับเขาแล้วจริงด้วย

"เสี่ยวลู่ คุณไม่ได้ห่วงหรอก ต้าหลงเป็นคนใจซื่อ เป็นตัวท็อปของห้องตั้งแต่เด็ก เรื่องที่เขามั่นใจก็จะทำได้แน่นอน เขาจะบริหารสาขาบริษัทได้ดีแน่นอน"ถังฉิ้นซางก็ตื่นเต้นขึ้นมาและรีบพูดความดีของถังต้าหลงขึ้นมา

แต่เขาก็ไม่ได้พูดโม้ ถ้งต้าหลงเป็นคนที่ใจซื่อจริงๆ

"เออ ฉันจะให้เวลาคุณปีหนึ่ง เวลาปีหนึ่งนี้ถ้าคุณไม่สามารถถึงขั้นที่ฉันกำหนด คุณก็กลับมาเถอะ"ลู่เฉินพูด

อนาคตเทคโนโลยีอี้ฉี จะต้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องการคนที่มีความสามารถจริงๆมาร่วมกันพัฒนา แน่นอนว่าเขายอมปลูกฝังถังต้าหลงอยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์