บทที่ 369 ปลุกไฟ
“บอกตามตรงว่าที่ผมซื้อทีมซือเวยไม่ได้ต้องการทำกำไร ผมขอบอกกับพวกคุณตรงๆนะ ไม่ว่าทีมซือเวยจะได้รางวัลชนะเลิศในประเทศหรือระดับเอเชีย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมมีรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นเรื่องของกำไรทีมฟุตบอลนี่ไม่ได้อยู่ในสายตาของผมแม้แต่น้อย”
“พวกคุณเองก็น่าจะรู้ดีว่าเมื่อวานนี้ผมบริจาคให้กับมูลนิธิจำนวนกว่า 3000ล้านหยวน เพียงเพื่อต้องการให้ทีมฟุตบอลในประเทศของเรามีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น อีกทั้งต้องการให้โรงเรียนที่มีความสนใจด้านของฟุตบอล ได้จัดระบบในการอบรมและฝึกฝนสำหรับเด็กๆโดยไม่มีค่าใช้จ่าย”
“จำนวนเงิน 3000ล้านหยวน พวกคุณคิดว่าทีมซือเวยจะทำงานออกมาได้ดีขนาดไหน? และต้องใช้เวลากี่ปีในการที่จะได้ทุนนี้กลับคืนมากัน?”
“เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยภายใน 10 ปีนี้ สำหรับประเทศของเรามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
ลู่เฉินพูดพร้อมกับหยิบซิการ์ตัวหนึ่งออกมาจุดแล้วสูบขึ้น ตอนนี้ลูกทีมทุกคนรวมถึงโค้ชมองไปที่ลู่เฉินด้วยความกล้าหาญ
พวกเขาชื่นชมในการบริจาคของลู่เฉินในครั้งนี้มาก
มหาเศรษฐีในประเทศมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็คงจะมีลู่เฉินเท่านั้นที่กล้าบริจาคเงินเพื่อพัฒนาทีมฟุตบอลของประเทศจีนมากขนาดนี้
การที่ลู่เฉินยินยอมบริจาคเงินจำนวนมากมายขนาดนี้ ราวกับเงินของเขาได้มาง่ายดายราวกับเก็บได้
แน่นอนว่าคำตอบคือไม่ใช่ แต่เป็นเพราะเขารักในฟุตบอลของประเทศจีนต่างหาก!
เขาต้องการทำบางสิ่งบางอย่างให้แก่ฟุตบอลทีมชาติบ้าง
ที่ลู่เฉินซื้อทีมฟุตบอลทีมซือเวยก็เพียงเพราะต้องการที่จะพัฒนาและขับเคลื่อนทีมฟุตบอลของประเทศจีนต่อไปเท่านั้น
“สิ่งที่ผมต้องการก็คือชัยชนะ และมันเป็นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนักกีฬาทุกคน”
“แต่ในครึ่งสนามแรกพวกคุณทำให้ผมผิดหวังมากจริงๆ”
“ทีมฟุตบอลของผมแพ้ได้ แต่ต้องไม่ขายหน้า!”
“ในฐานะลูกผู้ชาย พวกเราเอาชนะคู่ต่อสู้ได้และอาจจะถูกคู่ต่อสู้เอาชนะได้ หากยังมีลมหายใจอยู่พวกคุณก็ต้องลุกสู้”
“ถ้าพวกคุณยังเป็นลูกผู้ชาย ก็จงตั้งสติให้ดีและพลิกผันสถานการณ์อีกครึ่งหลังให้ได้”
“ต่อให้แพ้หรือถูกลดตำแหน่งลง พวกเราก็จะไม่เสียใจในภายหลัง”
ลู่เฉินส่งเสียงออกมาพร้อมกับพลังบางอย่างที่สะกดจิตพวกเขาได้ และประโยคสุดท้ายคล้ายกับเป็นคำสั่งที่ก้องกังวานอยู่ในหู
เสียงของเขาเหมือนกับเวทมนต์สะกดและแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของนักกีฬาทุกคนและในขณะนั้นทุกคนก็รู้สึกฮึดสู้ขึ้นมา
จริงอยู่ที่ทุกคนมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเองและไม่ต้องการเสียหน้า
แม้ว่าคำพูดของลู่เฉินจะไร้ซึ่งความปรานีและไม่ได้ไว้หน้าพวกเขาแม้แต่น้อย
แต่สิ่งนี้กระตุ้นความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาได้ดีจริงๆ
ลูกผู้ชายกลัวอะไรมากที่สุด?
คำตอบก็คือลูกผู้ชายกลัวว่าจะมีคนมาชี้หน้าและบอกว่าคุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย!และไม่เหมือนลูกผู้ชายแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเห็นแววตาของนักเตะทุกคนค่อยๆเปลี่ยนไปมีไฟลุกโชนอยู่ด้านใน ลู่เฉินก็คิดว่าควรที่จะพอได้แล้ว จากนั้นเขาจึงหันมาหาหัวหน้าโค้ช
“ไม่ว่าจะแพ้แค่ 1 ประตูหรือ 10 ประตูแต่ก็คือแพ้ อีกครึ่งสนามผมต้องการให้คุณเปลี่ยนวิธีในการรุก ให้ทุกคนเดินหน้าสู้ แม้พวกเราจะแพ้ก็จะไม่ให้คนอื่นมาดูถูกว่าพวกเราเป็นพวกขี้ขลาดได้” ลู่เฉินพูดจบก็หันหลังออกไปจากห้องล็อกเกอร์ เวลาที่เหลือเขาต้องการให้นักกีฬาทุกคนพักผ่อน
ผู้อำนวยการได้กำชับกับทุกคนอีกครั้งหนึ่งก่อนเดินออกมา
แม้ว่าลู่เฉินและหลิวอี้จะเดินออกจากห้องนั้นไปนานแล้ว แต่ในห้องล็อกเกอร์ก็ยังคงเงียบไร้ซึ่งเสียงใดๆ
ในแววตาของทุกคนถูกจุดประกายด้วยไฟอันลุกโชน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์