บทที่379 เจอคนเกาหลีที่ผับ
Black Beauty Barเป็นแหล่งรวมความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหรื่นหม่า เป็นร้านที่นักธุรกิจชาวเกาหลีและเป็นบุตรชายของหัวหน้าพื้นที่ร่วมทุนกันเปิดขึ้นมา
ด้านในห้องโถงมีทั้งฟลอร์เต้นรำและห้องคาราโอเกะ ปกติที่นี่จะที่นั่งเต็มทุกคืน โดยที่ทุกชนชาติทุกสีผิว บางครั้งอาจจะมีโอกาสได้เจอกับหัวหน้าพื้นที่หรือแม้แต่พวกรัฐมนตรีที่นี่ก็ได้
แต่คงจะไม่มีทางได้เจอกับราชาเจ้าหน้าที่ในนี้แน่นอน
ในคืนนี้ ลูข่าน้อยลูกชายคนเล็กของกาซีเกลูข่าโทรมาเชิญชวน โดยที่ชุยหยุ่งจวี้นเองก็เดินทางมาถึงร้านแล้วเหมือนกัน
ชุยหยุ่งจวี้นเป็นลูกชายของประธานบริษัทเล่อเทียนกรุ๊ปแห่งเกาหลี ที่กำลังจะมาร่วมธุรกิจขุดเจาะเหมืองแร่ที่นี่
ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะวีไอพีของทางร้าน และกำลังมองสาวผิวเข้มสุดเซ็กซี่เต้นรำอยู่บนเวที
กลุ่มของลู่เฉินก็เดินเข้ามาในผับ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะว่าง แล้วสั่งเครื่องดื่ม พร้อมกับมองไปรอบด้าน
ไม่นานเขาก็เห็นคนเกาหลีกลุ่มนั้น และคนเกาหลีกลุ่มนั้นก็เห็นพวกเขาแล้วเช่นกัน
“พวกนั้นไง เป็นฝีมือพวกนั้นที่รุมทำร้ายพวกเรา”พอเห็นพวกลู่เฉิน หนึ่งในกลุ่มของชุยหยุ่งจวี้นก็พูดขึ้นมาข้างหูชุยหยุ่งจวี้น
คงเป็นเพราะว่าภายในผับเสียงดังมาก พวกเขาจึงต้องพูดเสียงดังไปด้วย
“ดีมาก ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าคนจีนพวกนั้นจะมีกล้าดียังไง ถึงได้กล้าทำร้ายคนของฉัน”ชุยหยุ่งจวี้นทำสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ชุย มีเรื่องอะไรกันเหรอ ให้ฉันลงมือจัดการให้ไหม” ลูข่าน้อยเอ่ยถาม
ลูข่าน้อยคือลูกชายคนเล็กของกาซีเกลูข่าเขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ผิวเข้ม ส่วนสูงราวๆหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เป็นคนที่กลุ่มของชุยหยุ่งจวี้นกำลังทำธุรกิจร่วมกัรอยู่ จึงค่อนข้างสนิทสนมกันมาก
“พวกคนจีนกลุ่มนั้นทำร้ายคนของฉันเมื่อคืนนี้ นายให้คนของนายไปสั่งสอนพวกเขาหน่อย “ชุยหยุ่งจวี้นพูดกับลูข่าน้อย
ที่นี่เป็นถิ่นของ ลูข่าน้อย สาเหตุที่เขาขอให้อีกฝ่ายช่วยเหลือเขา หนึ่งคือทำให้ลูข่าน้อยรู้สึกว่าตัวเป็นคนสำคัญ สองคือสามารถหลีกเลี่ยงการเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมา
“พวกนั้นใช่ไหม?” ลูข่าน้อยชี้ไปที่กลุ่มของลู่เฉินแล้วถาม
“ใช่”ชุยหยุ่งจวี้นพยักหน้ารับ
“โอเค เดี๋ยวฉันจะให้คนจับพวกมันไปที่ถิ่นของฉัน ถึงตอนนั้นพวกมันก็หนีไปไหนไม่รอดแล้ว” ลูข่าน้อยทำท่าทาง ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง
ชุยหยุ่งจวี้นและคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นเดินจากไปพร้อมกับ ลูข่าน้อยทันที
อีกด้านหนึ่งพวกหลินตงเองก็เห็นแววตาของพวกลูข่าน้อยเหมือนกัน พวกเขาจึงเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายจะต้องการหาคนมาหาเรื่องพวกเขาแน่ๆ
เฉินจิงตกใจเล็กน้อยและพูดอย่างเป็นห่วง: “คุณชายคะ ฉันคิดว่าคนเกาหลีพวกนั้นอาจกำลังมองหาคนมาจัดการกับพวกเรา คนพวกนี้มีอำนาจ พกปืนติดตัวกันทุกคน พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนดีไหมคะ.”
“ ถ้ามีปืนก็จะสนุกสิ”เสี่ยวจิงยิ้มอย่างมั่นใจ เทคโนโลยีอี้ฉีได้พัฒนาเสื้อกันกระสุนให้พวกเขาที่มีประสิทธิภาพเหมือนกับไหมทองโบราณ ที่แข็งแรงและไม่กลัวที่จะโดนกระสุน
ตราบใดที่พวกเขาป้องกันส่วนศีรษะได้ กระสุนก็ไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้แล้ว
เกราะตัวนี้ล้ำหน้าเกราะป้องกันในสมัยนี้ไปแล้ว ทำให้คุณไม่มีความรู้สึกว่ากำลังสวมใส่มันอยู่ และมันยังสามารถสะท้อนกลับลูกกระสุนโดยอัตโนมัติ ลดผลกระทบของกระสุนได้สูง
แต่ราคาของเสื้อกันกระสุนนี้สูงมาก ซึ่งราคาของมันสูงถึงสามล้านต่อหนึ่งชุด เป็นราคาที่เกินเอื้อมมาก
ลู่เฉินพัฒนาเพียงชุดนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนที่มีความสำคัญต่อเขาสวมใส่เท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นทางกรมทหารยังคงสั่งซื้อประมาณร้อยชุด โดยส่วนใหญ่เป็นนายพลอาวุโสที่ได้ใส่
เพราะชุดเกราะนี้สามารถหักล้างความรุนแรงของระเบิดได้ จึงเหมาะสำหรับจะใช้ในสนามรบ
“ไม่ต้องกังวลครับ ไม่เป็นไรแน่นอน” หลินตงไม่ได้สนใจจริงจังเช่นกัน
ลู่เฉินพยักหน้าและส่งสายตาปลอบใจให้เฉินจิงไม่ต้องกลัว
อย่าว่าแต่เรื่องที่ชาวแอฟริกาไม่เก่งเรื่องแม่นปืนเลย ถึงแม้จะเก่งเรื่องแม่นปืน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ขอแค่ที่เขาป้องกันบริเวณศรีษะไว้ได้ พวกเขาก็จะไม่ปล่อยโอกาสให้คู่ต่อสู้ยิงเป็นครั้งที่สองแน่นอน
“โอเคค่ะ” เฉินจิงแบมือของเธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่แหยมากบนใบหน้าของเธอ ในเมื่อเจ้านายไม่กลัว เธอจะไม่มีอะไรต้องกลัว
ถึงแม้ว่าในเวลานี้เธอก็รู้สึกหนักใจมากก็ตาม
ลู่เฉินและคนอื่น ๆ ก็ดื่มและพูดคุยกัน โดยไม่สนใจพวกชุยหยุ่งจวี้นและคนอื่น ๆ
สิบนาทีต่อมา ชายผิวดำร่างใหญ่หลายคนเดินเข้ามาพร้อมกับสายตาเหมือนจะฆ่าฟันกัน
ชายผิวดำร่างใหญ่หลายคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เฉินแล้วเผยให้เห็นปืนพกที่เอว
ก่อนที่พวกเขาจะพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า “หัวหน้าของเราต้องการพบคุณ รบกวนตามเราไปด้วย”
เฉินจิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย เมื่อเธอเห็นปืนที่เอวของอีกฝ่าย แต่หลินตงกับเสี่ยวจิงกลับกำลังทำสีหน้าสนุกสนานมองไปทางพวกเขา
แม้ว่าภาษาอังกฤษของลู่เฉินจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ยังสามารถสนทนาง่ายๆและเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“นำทางไปสิ” ลู่เฉินตอบเป็นภาษาอังกฤษและพาทั้งสามคนลุกขึ้นตามพวกเขาและเดินออกไปนอกผับ
คง ไม่จำเป็นต้องบอกก็น่าจะรู้ ว่าคนเหล่านี้ต้องเป็นลูกน้องของกาซีเกลูข่าคนนั้นแน่ๆ
สิ่งที่ทำให้ลู่เฉินฟประหลาดใจก็คือ ไม่ใช่ผู้บอดี้การ์ดของชาวเกาหลีเกาหลีเป็นคนลงมือ แต่กลับเป็นหัวหน้าคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาคงจะสนิทสนมกันไม่เบา
ชายผิวดำร่างใหญ่หลายคนพาพวกเขาไปที่รถออฟโรดสองคัน และแสดงท่าทางให้ลู่เฉินและคนอื่น ๆ ขึ้นรถ
ทุกคนขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนที่รถออฟโรดก็ขับออกจากเมืองหรื่นหม่าไปยังชนบทอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นรถแล่นไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ เฉินจิงก็ยิ่งกลัว เธอมีลางสังหรณ์ว่าคืนนี้จะมีบางอย่างเกิดขึ้นและมันก็ยังคงเป็นเหตุการณ์สำคัญมากด้วย
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านที่เรียกว่าหมู่บ้านขั่นปู้
หมู่บ้านขั่นปู้เป็นหมู่บ้านที่มีกลิ่นอายดั้งเดิม บ้านในหมู่บ้านเกือบทั้งหมดเป็นหลังคาหญ้าทรงกรวยและใช้ดินเหนียวในการสร้างกำแพงทั้งสี่ด้าน จะมีเพียงไม่กี่หลังเท่านั้นที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเป็นบ้านหินสองชั้นซึ่งดูน่าประทับใจมาก
กลางหมู่บ้านเป็นสนามสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กระท่อมมุงด้วยหอกในหมู่บ้านล้อมรอบจัตุรัสกลางจัตุรัสมีต้นมะม่วงสูงประมาณยี่สิบเมตรปลูกอยู่ ภายใต้ร่มไม้ใหญ่มีร่มขนาดใหญ่และไฟส่องสว่าง
ชายผิวดำในวัยสี่สิบเศษที่กำลังดื่มเหล้าใต้ร่มไม้ใหญ เขาใส่สร้อยคอทองคำ รูปร่างอ้วนและดำ บนนิ้วมือมีแหวนเพชรประดับอยู่ มีแหวนประดับอัญมณีบนนิ้วทั้งสิบ
ข้างๆเขามีผู้หญิงผิวดำที่ไม่มีเสื้อผ้าส่วนบนปกปิดไว้สามคน
แต่ข้างๆเขามีชาวเกาหลีสองสามคนนั่งอยู่ด้วย
สายตาของชาวเกาหลีหลายคนจับจ้องไปที่เฉินจิงที่เพิ่งลงจากรถ และบางคนก็มีแววตาแค้นเคืองมาก
และคนเหล่านนั้นก็คือชุยหยุ่งจวี้นและพวกนั่นเอง
ลู่เฉินไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ชายชุดดำยื่นมือออกไปเพื่อผลักลู่เฉินหมายจะให้ลู่เฉินเดินไปข้างหน้า
ลู่เฉินเพียงแค่มองไปที่ชายชุดดำนิ่ง แต่สายตานั้นกลับทำให้ชายชุดดำตัวสั่นและถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์