บทที่ 392 ถูกสกัดกั้น
ช่วงบ่าย หลังจากได้รับการแจ้งประกาศจากสถานกงสุลแล้ว ประชาชนชาวหัวเซี่ยที่อยู่ในเซิ่งหูอานก็ทยอยมากันที่สถานกงสุล
เวลาหกโมงครึ่ง ในที่สุดเซิ่งหูอานก็เริ่มโกลาหล มีเสียงปืนดังไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
เห็นได้ชัดว่ากองทัพอิงลอนและพระราชวงศ์เจียซือเริ่มเปิดสงครามแล้ว
เนื่องจากสงครามเกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทุกคนจึงอยู่ในอาการตื่นตระหนก
ซึ่งแม้แต่หวงไห่ทาวเองก็ตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน
“ประธานลู่ สงครามเริ่มขึ้นแล้ว ทั้งเมืองเซิ่งหูอานตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายแล้วแน่ๆ พวกเราไม่รู้ว่าจะสามารถเดินทางไปยังสนามบินได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ผมอยากให้คุณช่วยคุ้มกันพวกเราไปที่สนามบินด้วย” หวงไห่ทาวกล่าวเมื่อเขามาถึงห้องลู่เฉิน
“คนของผมยังต้องใช้เวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะมาถึงท่าเรือวันทอง ถึงตอนนั้นพวกเขาจะบินด้วยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธสองสามลำมาที่นี่ แต่กว่าพวกเขาจะมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาประมาณสามทุ่มเป็นอย่างต่ำ” ลู่เฉินกล่าว
“ไม่เป็นไร พวกเรารอจนถึงสามทุ่มได้ ที่นี่คือสถานกงสุลหัวเซี่ยของพวกเรา ยังไงพวกเขาคงไม่กล้ามาวุ่นวายหรอก” หวงไห่ทาวกล่าว
“ไปสนามบินตอนสามทุ่มเพื่ออะไร? แย่งเครื่องบิน แล้วเส้นทางเดินอากาศล่ะ?” ลู่เฉินพูด
“ผมติดต่อกับกองทัพอากาศเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะส่งเฮลิคอปเตอร์มารับพวกเราที่สนามบินสองลำ พวกเราแค่ต้องไปรอพวกเขาที่สนามบินก็พอแล้ว พวกเขาน่าจะมาถึงที่สนามบินเซิ่งหูอานก่อนฟ้าสาง” หวงไห่ทาวพูด
“อืม งั้นก็ให้ทุกคนรออยู่ที่นี่ก่อน พอถึงสามทุ่มแล้วค่อยว่ากัน” ลู่เฉินพยักหน้า
“ได้ครับๆ ผมขอเป็นตัวแทนสถานกงสุลและชาวหัวเซี่ยทุกคนที่อยู่ที่นี่ขอบคุณประธานลู่” เมื่อหวงไห่ทาวได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายลงพลางโค้งคำนับลู่เฉิน
พอถึงเวลาสามทุ่มครึ่ง ในที่สุดลู่เฉินก็บอกให้หวงไห่ทาวออกเดินทางได้
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน หวงไห่ทาวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็รีบนำข่าวนี้ไปแจ้งให้กับทุกคน
ขณะนี้มีนักธุรกิจรวมตัวกันที่สถานกงสุลประมาณ 30 กว่าคน รวมกับเจ้าหน้าที่สถานกงสุลก็เป็นจำนวน 50 กว่าคน
ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงมานี้ได้ยินเสียงปืนดังตูมตามอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนล้วนเป็นกังวลและกลัวว่าไฟจากสงครามจะลามมาถึงสถานกงสุล
ในที่สุดตอนนี้ก็ได้ยินคำสั่งบอกให้ออกเดินทางได้แล้ว แม้ทุกคนจะไม่ได้โห่ร้องไชโย ทว่าแต่ละคนต่างก็โล่งอก
เมื่อพวกลู่เฉินมาถึงลานจอดรถก็พบว่าทุกคนเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว จากนั้นก็หันไปพูดกับหวงไห่ทาว“พวกเราสามคนจะนำหน้า ส่วนพวกคุณก็ตามมา”
“ครับๆ รบกวนประธานลู่แล้ว” หวงไห่ทาวพยักหน้าด้วยความรีบร้อน
“เอกอัครราชทูตหวง พวกเขาสามคนจะคุ้มกันเราไปสนามบินเหรอ?”
ในเวลานี้มีสาวสวยคนหนึ่งมองพวกลู่เฉินและถามด้วยความสงสัย
ลู่เฉินหันกลับไปมองหญิงสาวคนนั้น อายุราวๆ 27-28 ปี สูงประมาณ 170 แต่งตัวตามแฟชั่นพร้อมกับสวมแว่นกันแดด เธอสวยมาก ทว่าใบหน้าใต้แว่นกันแดดนั้นดูเย็นชาเล็กน้อย
“เอกอัครราชทูตหวง คุณล้อเล่นอยู่หรือเปล่าเนี่ย เขารูปร่างเล็กแบบนี้ ผมคนเดียวต่อสิบคนก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่เขาจะคุ้มกันคนจำนวนมากขนาดนี้ไปสนามบินได้อย่างไร?” บอดี้การ์ดมืออาชีพที่อยู่ด้านหลังสาวสวยลอบมองลู่เฉินและยิ้มดูถูก
ก่อนหน้านี้หวงไห่ทาวได้คุยโม้เรื่องของพวกลู่เฉินเอาไว้มาก พอพวกเขาได้มาเห็นพวกลู่เฉินแล้ว ตอนนี้จึงคิดดูถูก
นักธุรกิจคนอื่นๆต่างก็มองพวกลู่เฉินด้วยความสงสัย ทั้งเซิ่งหูอานกำลังอยู่ในการต่อสู้ พวกเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาสามคนจะสามารถคุ้มกันพวกเขาหลายสิบคนไปถึงสนามบินได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาแบบนี้ พวกเขาก็ต้องทำตามแผนการเตรียมการจากสถานกงสุล มิฉะนั้นก็อาจจะเกิดภัยถึงแก่ชีวิตได้จริงๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครถามออกไปตรงๆเหมือนบอดี้การ์ดพวกนั้น
เมื่อหวงไห่ทาวได้ยินดังนั้น หน้าก็ถอด เนื่องจากเขารู้ว่าลู่เฉินยังมีกองทัพที่จะมารับพวกเขาอีก ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นในตัวลู่เฉิน
ทว่าคนเหล่านี้ไม่รู้ถึงสถานะตัวตนของลู่เฉิน
และไม่ใช่เรื่องดีที่เขาจะป่าวประกาศสถานะของลู่เฉิน แต่ในเวลานี้คนเหล่านี้ถึงขนาดพูดออกมาโดยไม่ใช้สมอง ล่วงเกินลู่เฉินซึ่งๆหน้า หากลู่เฉินโมโหขึ้นมาแล้วไม่คุ้มกันพวกเขา พวกเขาก็ไม่กล้าไปที่สนามบินกันทั้งอย่างนี้
“หุบปาก ถ้าไม่อยากไปก็อยู่ที่นี่ ไม่อย่างงั้นก็ไปสนามบินเองแล้วกัน!” หวงไห่ทาวถลึงตามองบอดี้การ์ดของสาวสวยคนนั้นพลางพูดตำหนิ
“เอกอัครราชทูตหวง ขอโทษนะคะ พวกเราไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น ยกโทษให้พวกเราด้วย” เมื่อสาวสวยเห็นหวงไห่ทาวโมโห สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยและกล่าวขอโทษก่อน
“คุณหลี่ มีบางคนที่คุณไม่สามารถตั้งคำถามได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดผมอยากแนะนำให้คุณขอโทษคุณลู่ซะ มิฉะนั้นพวกคุณจะไปถึงสนามบินได้ยาก” เมื่อเห็นสาวสวยขอโทษ หวงไห่ทาวจึงพูดด้วยเย็นชา
ทันทีที่สาวสวยได้ยินเช่นนี้หัวใจก็สั่นสะท้าน หวงไห่ทาวรู้ตัวตนของเธอ แต่กลับไม่คิดว่าหวงไห่ทาวจะให้เธอไปขอโทษ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าตระกูลหลี่ของพวกเธอทั้งหมดไม่สามารถไปยุ่มย่ามเด็กหนุ่มธรรมดาคนนี้ได้สินะ
เพราะไม่อย่างงั้นหวงไห่ทาวคงไม่ให้เธอไปขอโทษ แล้วยังบอกอีกว่าถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มคนนี้ คืนนี้พวกเธอก็จะไปไม่ถึงสนามบิน
“ขอโทษที่เมื่อกี้พวกเราบุ่มบ่ามไปหน่อย ยกโทษให้พวกเราด้วย!” สาวสวยเย็นชารีบถอดแว่นกันแดดออกพลางก้มหน้าขอโทษลู่เฉิน
เธอก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ในเมื่อเดาว่าตัวตนของลู่เฉินสูงกว่าตัวเอง เธอจะกล้าไปล่วงเกินใหญ่คนโตแบบนี้ได้อย่างไร
สาวสวยเย็นชาชื่อหลี่เสวี่ยนอี๋ เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหลี่ที่อยู่ในเมืองหลวง เธอเข้ามาดูแลธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อยและเธอมาเจียซือในครั้งนี้ก็เพื่อทำข้อตกลงขุดเหมืองแร่กับทางเจียซือ
เธอขอโทษแล้วแอบลอบมองลู่เฉินก็พบว่าลู่เฉินยังเด็กไปมาก เนื่องจากเธอเกิดในเมืองหลวงและอยู่ในตระกูลเศรษฐี เธอจึงเข้าใจในเรื่องหลายๆเรื่อง แม้เธอจะเลือกเชื่อคำพูดของหวงไห่ทาว แต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้
ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มอายุน้อยขนาดนี้จะทำให้หวงไห่ทาวเกรงใจได้ และยิ่งไปกว่านั้นยังขู่ตระกูลหลี่ของตัวเองว่าไม่นับเป็นอะไรในสายตาเขา ไม่กล้าจะจินตนาการเลยจริงๆ
ว่าแต่ เขาเป็นใครกันแน่?
หลี่เสวี่ยนอี๋สงสัยมาก
บอดี้การ์ดที่เพิ่งสงสัยในตัวลู่เฉินก็กุลีกุจอเข้ามาขอโทษด้วยสีหน้าซีดเผือด
แม้แต่นายจ้างของเขายังขอโทษ นั่นก็อธิบายได้ว่าเขาคนนี้มีอำนาจยิ่งกว่านายจ้างของเขา
เขาจึงต้องขอโทษเท่านั้น
ลู่เฉินมองหลี่เสวี่ยนอี๋พลางยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ขึ้นรถ
ตระกูลหลี่อาจมีอำนาจในเมืองหลวง แต่ในเวลานี้ลู่เฉินไม่กลัวการคุกคามจากตระกูลใดอีกต่อไป
เมื่อถูกลู่เฉินเพิกเฉยอย่างซึ่งๆหน้า หลี่เสวี่ยนอี๋ก็ถอดสีเล็กน้อยด้วยความอับอาย
เมื่อทุกคนเห็นว่าหลี่เสวี่ยนอี๋ถูกลู่เฉินปิดประตูรับแขกต่อหน้า พวกเขาก็ไม่พอใจแทนหลี่เสวี่ยนอี๋เล็กน้อย
อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“ขบวนรถทั้งหมดต้องตามหลังพวกคุณลู่” เมื่อเห็นว่าทุกคนเตรียมจะขึ้นรถ หวงไห่ทาวก็พูดเสียงแข็งกับทุกคน
ทุกคนต่างพยักหน้ากันไปตามๆกันและขึ้นรถพร้อมกับสตาร์ทรถของตัวเอง
รถออฟโรดของลู่เฉินนำขบวนโดยมีขบวนรถของสถานกงสุลค่อยขับออกมาจากสถานกงสุล
ยี่สิบนาทีต่อมาที่บริเวณสี่แยก หลินตงเพิ่งจะเลี้ยวรถกลับไปได้ไม่ถึงยี่สิบเมตรก็พบกองกำลังติดอาวุธหลายร้อยนายค่อยๆมาขวางอยู่กลางถนนและส่งสัญญาณให้พวกเขาลงจากรถ
ทหารพวกนี้ล้วนเป็นชาวอิงลอน
เมื่อทุกคนในรถเห็นทหารปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ต่างคนต่างก็หน้าซีดลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆทยอยจอดรถ
ลู่เฉินมองไปยังพวกทหารที่ขวางถนน ไอสังหารก็ค่อยๆแผ่ออกมาจากรูม่านตาของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์