บทที่ 393 นี่มันเทพสงครามชัดๆ
รถของพวกเขาปักธงชาติหัวเซี่ยอย่างเด่นชัด แต่ทหารอิงลอนยังกล้ามาขวาง นี่เป็นการยั่วยุหัวเซี่ยโดยเจตนาหรือไม่?
แล้วยังไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา?
“คุณชายใหญ่ พวกเขาก็เห็นอยู่นี่ว่ารถพวกเราปักธงชาติ แล้วยังกล้ามาขวางทางอีก นี่ตั้งใจจะยั่วยุกันสินะ” หลินตงจอดรถพูด
“พวกเขาน่าจะเป็นทหารรับจ้าง” เสี่ยวจิงพูด
“อืม ก็จริง ถ้าไม่ใช่ทหารรับจ้าง พอเห็นธงชาติของพวกเราแล้ว พวกเขาก็คงไม่กล้ามาขวางพวกเราแบบโจ่งแจ้งอย่างงี้หรอก เอาล่ะ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นทหารรับจ้างหรือไม่ ก็พร้อมสู้อยู่แล้ว ตราบเท่าที่สิบนาทีนี้ พวกเขายังจะยืนกรานทำแบบนี้ต่อไป” ลู่เฉินพยักหน้า ดวงตาของเขามีประกายแห่งไอสังหาร
เขาโทรศัพท์บอกตู้เฟยแล้วว่าให้เขาส่งเครื่องบินติดอาวุธตามาสมทบอีกสองลำ
“เอกอัครราชทูตหวง ทำยังไงดี คนพวกนี้ดูเหมือนเป็นกลุ่มหัวรุนแรง ถ้าพวกเราตกอยู่ในมือพวกเขา ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่นั่งอยู่ในรถพูดกับหวงไห่ทาวด้วยความกังวล
“ต้องดูประธานลู่ก่อนว่าจะจัดการยังไง เขาบอกว่าคนของเขามาถึงเซิ่งหูอานแล้ว ยังไงพวกเขาก็คงไม่กลัวกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้” หวงไห่ทาวกล่าวอย่างเคร่งขรึม
อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าลู่เฉินจะแก้ไขสถานการณ์ได้หรือไม่ แม้เขาจะรู้ว่าคนของลู่เฉินน่าจะมาถึงแล้ว แต่เขายังไม่เห็นพวกเขาปรากฏตัวเลย ในใจก็ยังไม่แน่ใจ
ดังนั้นเขาจึงเกิดความสับสนเป็นอย่างมาก
“ประธานหลี่ คนพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มหัวรุนแรง ถ้าขืนตกอยู่ในมือพวกมันจะต้องมีจุดจบที่น่าสังเวชแน่ๆ!” เลขาของหลี่เสวี่ยนอี๋หน้าซีด ในใจหวาดกลัวสุดขีด ไม่มีใครไม่กลัวผู้ก่อการร้ายเหล่านี้
“ในเมื่อหวงไห่ทาวบอกแล้วว่าเขาสามารถคุ้มกันพวกเราไปสนามบินได้ งั้นเขาก็น่าจะเตรียมการแล้ว วางใจได้ ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเราต้องเชื่อเขา” หลี่เสวี่ยนอี๋ปลอบใจ อันที่จริงเธอก็กลัวมาก หากต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ จุดจบจะเป็นเช่นไร ไม่ต้องใช้สมองคิดก็รับรู้ได้ถึงผลลัพธ์อันน่าสังเวช
แต่ในช่วงเวลานี้ เธอทำได้เพียงเลือกที่จะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนั้นสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้
“เกรงว่าหวงไห่ทาวจะพยายามรีบไปสนามบินแล้วสะบัดพวกเราทิ้งน่ะสิ ขอเพียงแค่ว่าพวกเขาสามคนจะไม่ไปยั่วยุกลุ่มหัวรุนแรงพวกนั้น” เลขาส่ายหน้า
หลี่เสวี่ยนอี๋เงียบไม่พูดอะไร ทว่าในใจเธอกลับเชื่อคำพูดของเลขาไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่ว่าจะรอดหรือตาย เธอทำได้เพียงเลือกที่จะเชื่อมั่น
“ประธานหลี่ ดูนั่นสิ พวกเขาสามคนลงจากรถแล้ว หรือว่าพวกเขาจะพูดกับกลุ่มคนหัวรุนแรงพวกนั้นให้พวกเขาปล่อยพวกเราไป?” ทันใดนั้นเลขาก็ชี้ไปข้างหน้าและร้องอุทาน
หลี่เสวี่ยนอี๋ชะงักเล็กน้อยพลางมองตาม “น่าจะกำลังไปเจรจา หวังว่าพวกเขาจะพูดกับกลุ่มคนหัวรุนแรงพวกนั้น...”
เธอยังไม่ทันพูดจบก็ยื่นมือขึ้นมาปิดปากโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอก็แสดงอาการตกใจ
เธอพบว่าพวกลู่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากและลงมือในทันที
ทันใดนั้นคนหัวรุนแรงหลายคนก็ถูกทั้งสามคนสังหาร
นี่กลับเป็นการจุดชนวนรังแตน ทหารรับจ้างทั้งหมดโมโหขึ้นมา พวกเขาระดมยิงมาที่พวกลู่เฉิน
ทหารรับจ้างกว่าร้อยนายไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ทุกคนต่างมองเหตุการณ์นี้และร้องออกมาด้วยความตกใจ ถ้าไม่เป็นเพราะพวกลู่เฉินดึงความสนใจของทหารรับจ้างทั้งหมดมา กระสุนก็คงไม่หันมาทางพวกเขา พวกเขากลัวจนฉี่ราด
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือเห็นกันอยู่ชัดๆว่าพวกเขาสามคนโดนกระสุนไปแล้วหลายนัด แต่กลับไม่มีใครล้มลงเลย พวกเขายังคงยืนอยู่ท่ามกลางสถานการณ์พร้อมกับกวาดล้างพวกหัวรุนแรง
“หรือพวกเขาจะเป็นราชาหน่วยรบพิเศษในตำนาน?”
หลี่เสวี่ยนอี๋พึมพำในขณะที่ใช้มือปิดปากอย่างสั่นๆ
นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มลงจากรถ เวลาก็เพิ่งผ่านไปแค่2-3นาที ไม่คิดเลยว่าพวกหัวรุนแรงติดอาวุธจำนวนกว่า20-30คนจะถูกพวกเขาสามคนฆ่าตาย ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ตีให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่ยอมเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
“ประธานหลี่ พวกเขาสามคนทำมาจากเหล็กกล้าหรือไง? ฉันยังเห็นอยู่เลยว่าบนตัวพวกเขาโดนกระสุนยิงไปตั้งหลายนัด ทำไมถึงไม่เป็นอะไรสักกะนิด!”เลขาพูดเสียงสั่นพลางมองไปทางพวกลู่เฉินที่กำลังเปิดสงครามกับพวกทหารรับจ้างด้วยแววตาน่านับถือและกลัวๆ
บอดี้การ์ดคนนั้นที่ขับรถถึงกับมองตาตั้ง พอนึกถึงคำพูดหยิ่งผยองของตัวเองที่พูดก่อนหน้านี้ก็ตกใจและอับอายเล็กน้อย เนื่องจากพวกลู่เฉินกล้าที่จะเปิดสงครามกับทหารรับจ้างนับร้อยคน ซึ่งเขาก็ยังไม่มีความกล้าหาญแบบนี้เลย
นี่สิถึงจะเป็นผู้กล้าตัวจริง!
บอดี้การ์ดเยาะเย้ยตัวเอง : แม่งเอ๊ย ฉันยังจะกล้าพูดอวดดีหนึ่งต่อสิบกับเด็กหนุ่มนั่นอีกนะ นี่ก็เห็นแล้วว่าเขาคนเดียวสามารถสู้ตัวเองสิบคนได้เห็นๆ!
หวงไห่ทาว เจ้าหน้าที่ทางการทูตและคนอื่นๆรวมไปถึงนักธุรกิจเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงกับฝีมือของพวกลู่เฉิน เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหามากมายแต่กลับไม่คิดว่าพวกลู่เฉินสามคนจะใช้วิธีตรงไปตรงมาที่สุด กล้าหาญที่สุด และได้ผลที่สุดเช่นนี้
บ้าระห่ำเกินไปแล้ว นี่คือหนึ่งสู้สิบอย่างแท้จริง!
ด้วยอารมณ์ใจหายใจคว่ำและสะเทือนใจ ทุกคนต่างภาวนาเอาใจช่วยพวกลู่เฉินสามคน
ในตอนนี้ชาวหัวเซี่ยทุกคนหวังว่าพวกลู่เฉินจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นได้
ในตอนนี้ชาวหัวเซี่ยทุกคนต่างภูมิใจในตัวพวกเขาทั้งสามคน
“เอกอัครราชทูตหวง พวกเขาสามคนเจ๋งกว่าหน่วยรบพิเศษในตำนานเสียอีก คุณดูสิ กระสุนตั้งหลายนัดยังยิงพวกเขาไม่เข้าเป้าเลย พวกเขาหลบกระสุนได้จริงๆด้วย แกร่งเกินไปแล้ว หรือนี่จะเป็นผู้กล้าสำนักบู๊ตึ๊งในตำนานของหัวเซี่ย!” เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ข้างหวงไห่ทาวกล่าวด้วยความตกตะลึง
ในตอนนี้พวกลู่เฉินได้ลงมือสังหารคนรอบทิศ เนื่องจากพวกเขาสามคนสวมชุดเกราะกันกระสุนที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษโดยบริษัทเทคโนโลยีอู๋ฉี ตราบใดที่กระสุนไม่โดนที่คอก็ทำร้ายพวกเขาไม่ได้
ซึ่งโดยปกติอีกฝ่ายมักจะเล็งมาที่หัวใจพวกเขา แม้จะมีกระสุนโดนเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารรับจ้างที่เหลือทั้งหมดตกใจ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นกระสุนพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาใดเลย ถึงพวกเขาจะสวมชุดเกราะที่ดีที่สุดในโลก แต่โดนลูกกระสุนไปมากขนาดนั้น ถึงอย่างไรก็ต้องสูญเสียประสิทธิภาพอย่างแน่นอน แรงพุ่งของกระสุนที่มากมายขนาดนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถรองรับได้
แต่ชาวหัวเซี่ยสามคนที่อยู่ตรงหน้ากลับดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไร ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง
“นี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า”
ทหารรับจ้างที่เหลืออยู่ไม่กี่คนต่างก็มองหน้ากันสลับไปมาโดยดวงตาเผยความหวาดกลัว
“หนีกันเถอะ นี่มันไม่ใช่สงครามมนุษย์!”
ทหารรับจ้างอีกไม่กี่คนล่าถอยออกไป คนอื่นๆก็ทยอยพากันหนี
พวกเขาไม่ใช่กองทหารประจำการจึงไม่มีกฎระเบียบแบบทหารประจำการแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เมื่อเห็นคนบางส่วนกำลังวิ่งหนี ผู้นำตะโกนเรียกก็เรียกไม่อยู่ พอเห็นความเป็นไปของสถานการณ์ก็หันหลังวิ่งหนีไป
ในขณะนั้นทหารรับจ้างที่เหลืออีกห้าสิบกว่านายก็หนีหัวซุกหัวซุนไปตามถนนและตรอกซอกซอยจนหมดราบคาบ
ทุกคนที่มองเหตุการณ์อยู่เบื้องหลังต่างก็พากันสูดหายใจอากาศเย็นๆ
พวกเขาสามคนแข็งแกร่งมาก
นี่มันเทพสงครามชัดๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์